“ผมบอกให้วางกล่องลงไงล่ะ!”
ด้วยนิสัยของเย่เทียน เขาจะสนใจเกี่ยวกับมุมมองของคนอื่นที่มีต่อเขาได้อย่างไร ดังนั้นเขาจึงตบไปที่กลางหน้าของชายหนุ่มคนนั้นอย่างรุนแรงและไม่มีการลังเลใดๆ
ผ๊วะ!
เสียงตบที่ดังสนั่นทำให้ผู้คนในที่เกิดเหตุถึงกับตกใจ และทุกคนก็ตะลึงงันไปสักพักถึงจะตั้งสติได้อีกครั้ง
มันจะมากเกินไปแล้ว! ทำเกินเหตุจริงๆ!
ต่อให้เด็กหนุ่มที่เข้าไปหยิบของบนรถคนอื่นจะผิดก็จริง แต่คนที่ขับรถชนคนอื่นแล้วไม่ขอโทษ และยังลงมือทำร้ายคนอื่นแบบนี้ นี่เขายังเกรงกลัวกฎหมายอยู่ไหม? ยังมีเหตุผลอยู่ไหม?
แม้แต่ผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้องยังรู้สึกแบบนี้ คงไม่ต้องพูดถึงชายหนุ่มคนนี้แล้ว
หลังจากผงะไปสักพัก เมื่อความเจ็บปวดที่ลุกโชนออกมาจากแก้ม ชายหนุ่มคนนั้นก็ตั้งสติได้และความโกรธก็ผุดขึ้นมาในดวงตาของเขา
แต่ถึงอย่างนั้น ชายหนุ่มก็ไม่เลือกที่จะทำอะไร เขาได้แต่กัดฟันแล้วมองไปที่เย่เทียนอย่างอดทนและแสดงสีหน้าความเจ็บปวดที่ถูกกดขี่ข่มเหงออกมา
“ลูกจ๋า! แม่ขอโทษ แม่ไร้ประโยชน์เอง ถึงปล่อยให้ลูกถูกคนอื่นทำร้าย”
หญิงวัยกลางคนที่ล้มอยู่กับพื้นแสดงปฏิกิริยาออกมาเป็นคนแรก แม้เธอจะร้องออกมาด้วยความสงสาร แต่นัยน์ตายังเต็มไปด้วยความปีติยินดี
เมื่อเห็นเช่นนี้ ชายหนุ่มก็ตะโกนด้วยความร่วมมือกันว่า “แม่ครับ แม่อย่าพูดแบบนั้นสิ ผมเองต่างหากที่ไร้ค่า แม่ถูกรถชนแบบนี้ผมยังทำอะไรคนอื่นไม่ได้เลย”
ทั้งสองให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี ในการแสดงบทบาทสองแม่ลูกผู้ยากไร้จากชนบทนี้ แม้แต่เย่เทียนยังต้องชูนิ้วโป้งให้กับทักษะการแสดงของพวกเขา
ถ้าหากซื้อตัวไปที่ฮอลลีวูด ไม่แน่อาจจะได้รางวัลออสการ์กลับมาก็เป็นไปได้!
แม้แต่เย่เทียนยังคิดแบบนี้ แล้วนับประสาอะไรกับคนอื่น ทุกคนจึงโกรธขึ้นมาทันทีและชี้หน้าด่าเย่เทียนด้วยความขุ่นเคือง
“ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ไม่สนใจศีลธรรมจริงๆ! คนแบบนี้สมควรถูกลากไปยิงทิ้งซะ!”
“ไอ้พวกพ่อแม่ไม่สั่งสอน!”
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่คนประเทศเราออกไปท่องเที่ยวที่ไหนก็ถูกชาวต่างชาติด่า ก็เพราะมีคนไม่เอาไหนแบบนี้ที่คอยทำให้ประเทศชาติเสื่อมเสียชื่อเสียงไงล่ะ!”
ไม่เพียงแค่การสนับสนุนด้านวาจาเท่านั้น ตอนนี้แม้แต่ชายร่างใหญ่หลายๆ คนของก้าวออกมาเพื่อแสดงท่าทีว่าจะช่วยเหลือชายหนุ่มคนนั้น
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเย่เทียนทำให้พวกเขาไม่พอใจกันหมดแล้ว!
เย่เทียนได้แต่ขมวดคิ้วขึ้นแน่นๆ แม้ว่าเขาไม่ได้กลัวคนกลุ่มนี้เลยสักนิด แต่คนกลุ่มนี้ไม่ได้ผิดอะไร ก็แค่ถูกมิจฉาชีพหลอกเท่านั้น
และถึงเขาจะเป็นคนเด็ดขาดในการฆ่า แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะอาฆาตทุกคนได้ เพราะไม่เช่นนั้นเขาคงเข้าสู่โลกมืดไปนานแล้ว
ชั่วขณะหนึ่ง เย่เทียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอึดอัด
และภาพนี้ก็ทำให้ความสงสัยของเฉินหวั่นชิงที่มีต่อเขาเมื่อครู่นี้ได้หายไปในทันที
นี่เขาเก่งแต่ใช้กำลังจริงๆ สงสัยเย่เทียนคงเหมือนแมวตาบอดที่บังเอิญเจอกับหนูที่ตายแล้วในโรงพนันหิน มันเป็นแค่ความโชคดีเท่านั้น
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เฉินหวั่นชิงที่เห็นสถานการณ์ไม่เป็นใจก็รีบพูดขึ้นอีกครั้ง “ทุกคนใจเย็นๆ ก่อนนะ ฟันฉันก่อน!”
“เรื่องนี้แฟนฉันเป็นคนผิดจริงๆ แต่ตอนนี้เราควรต้องเป็นห่วงคนบาดเจ็บก่อนไหม? ถ้าเรารอช้าอีก เดี๋ยวเรื่องเล็กจะกลายเป็นเรื่องใหญ่นะ”
“เอางี้ เดี๋ยวฉันจะเรียกรถพยาบาลมาก่อน แล้วโทรเรียกตำรวจจราจรมาช่วยจัดการปัญหานี้ ส่วนค่าเสียหายฉันจะชดใช้ให้แน่นอน!”
ด้วยความเป็นผู้นำของเฉินหวั่นชิง แม้คำพูดเป็นกลางของเธอไม่อาจทำให้ระงับความโกรธของผู้คนได้ แต่อย่างน้อยทุกคนก็เริ่มใจเย็นลงและไม่มีใครคิดจะแสดงความโกรธอีก
“ได้! คุณรีบแจ้งตำรวจ! ให้ตำรวจจราจรมาเคลียร์ให้!”
ที่น่าแปลกใจก็คือ ชายหนุ่มคนนั้นไม่เพียงแต่ไม่ปฏิเสธข้อเสนอของเฉินหวั่นชิง แต่ยังเร่งให้เธอรีบโทรหาตำรวจอีกด้วย
เพียงแต่ว่า สิ่งที่เย่เทียนไม่ทันได้สังเกตคือหญิงวัยกลางคนที่ล้มอยู่กับพื้นด้านหลังเขาได้เอื้อมมือไปแตะที่กลางอกแล้วกดปุ่มโทรศัพท์เพื่อทำการส่งข้อความที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้
ซึ่งข้อความในโทรศัพท์นั้นเขียนไว้สั้นๆ ว่า ‘ให้หน่วยงานกองปราบมาเลย!’
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มเอาอยู่แล้ว เฉินหวั่นชิงก็จ้องเขม็งไปที่เย่เทียน จากนั้นหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเดินออกไปกดโทรออก
เย่เทียนที่รับรู้ถึงความรู้สึกของเฉินหวั่นชิงก็เต็มไปด้วยสีหน้าความขมขื่น เขาอยากอธิบายให้เธอฟัง แต่ในสถานการณ์ตอนนี้ แค่จะคุยกับเธอสองต่อสองก็ยากแล้ว
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เย่เทียนก็ไม่ได้นิ่งเฉย เขาจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วส่งข้อความไปหาจี้เยียนหรัน
นี่มันเป็นการแบล็กเมล์ชัดๆ เขาจำเป็นต้องให้ตำรวจออกมาจัดการปัญหานี้ถึงจะปลอดภัยที่สุด!
ก่อนที่เฉินหวั่นชิงจะกดวางสาย ชายวัยกลางคนสองคนในชุดเครื่องแบบที่มีอายุสี่ถึงห้าสิบก็เดินออกมาจากฝูชนและขมวดคิ้วพูดว่า “คุณทำอะไร! คุณคิดจะทำอะไร! มาขวางถนนแบบนี้ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วเหรอ?!”
“ไม่ใช่ค่ะ คุณตำรวจทั้งสองท่านคะ พอดีเราประสบอุบัติเหตุค่ะ”
เฉินหวั่นชิงก็รีบวางสายจากกรมตำรวจจราจรแล้วเดินไปทักทายพวกเขาอย่างไม่รอช้า
แต่ในทางกลับกัน เย่เทียนกลับขมวดคิ้วแน่นขึ้น
เฉินหวั่นชิงเพิ่งบอกว่าจะโทรแจ้งจำรวจ แต่สองคนนี้ก็ปรากฏตัวขึ้นแล้ว มันจะไม่บังเอิญไปหน่อยหรือ?
“หัวหน้าหวงครับ มันขับรถชนแม่ผม แต่มันไม่ยอมชดใช้ค่าเสียหายให้ผม แล้วยังไม่พอ มันยังทำร้ายร่างกายผมด้วย พวกคุณดูหน้าผมสิครับ พวกคุณต้องขอความเป็นธรรมให้ผมนะครับ!”
ก่อนที่เฉินหวั่นชิงจะเล่าเหตุการณ์ให้พวกเขาฟัง สีหน้าของชายหนุ่มคนนั้น
ก็เปลี่ยนไปทันที เขาได้แต่ชี้ไปที่ใบหน้าบวมช้ำของเขาแล้วพูดทั้งน้ำตาและดูน่าสงสารยิ่งกว่าอะไรอีก
เพอร์เฟค!
นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว ยังมีคนเรียกพรรคพวกมาช่วยอีกหรือ ไอ้หมอนี่มันนักแสดงชั้นยอดจากชาวชนบทที่หาไม่ได้จากที่ไหนในโลกนี้อีกแล้ว!
เมื่อรวมไปถึงบทการแสดงชั้นยอดของชายหนุ่มก่อนหน้านี้ ถ้าก่อนหน้านี้มีใครที่สงสัยในตัวเขา ตอนนี้คงต้องเชื่อและหลงเข้าไปในเขาวงกตของเขาอย่างแน่นอน
“ว่าไงนะ? ขับรถชนคนอื่นยังทำร้ายร่างกายคนอื่นอีก?!”
สีหน้าของเจ้าหน้าที่ที่ถูกเรียกในชื่อหัวหน้าหวงก็เย็นชาในทันที จากนั้นเข้าจ้องเขม็งไปที่เย่เทียนแล้วพูดว่า “กรุณาแสดงใบอนุญาตขับขี่และบัตรประจำตัวประชาชนด้วยครับ!”
หากเป็นคนธรรมดาทั่วไป เกรงว่าคงต้องตกใจจนตัวสั่นและทำตามในสิ่งที่พวกเขาพูดแล้ว
แต่ว่าเย่เทียนจะเหมือนคนธรรมดาทั่วไปได้อย่างไร?
เดิมทีได้ยินชื่อ เย่เทียนก็รู้สึกสงสัยในการมีพิรุธของพวกเขาแล้ว และหลังจากท่าทีของหัวหน้าหวงเมื่อครู่นี้ มันก็ยิ่งทำให้เย่เทียนมั่นใจในความสงสัยของเขามากขึ้น
ไม่คิดเลยว่าเบื้องหลังของพวกเขาจะครบเครื่องขนาดนี้ เป็นการจัดฉากที่สมบูรณ์แบบจริงๆ!
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เย่เทียนก็เหลือบมองอย่างเฉยเมยแล้วยิ้มพูดอย่างเย็นชาว่า “เรื่องอะไรผมต้องเอาให้คุณด้วย?”
“แหม่! ถึงขั้นนี้แล้วคุณยังกล้าโชว์กร่างอีกเหรอ?”
หัวหน้าหวงเริ่มอารมณ์เสีย จากนั้นเขาชี้ไปที่ตัวอักษรสองตัวกลางหน้าอกของเขาแล้วตะโกนลั่นว่า “อ่านตัวหนังสือเป็นไหม? เห็นคำว่าตำรวจไหม? ถ้าคุณไม่ให้ความร่วมมือ คุณเชื่อไหมว่าผมจะฟ้องคุณในโทษฐานที่ไม่ให้ความร่วมมือของการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ได้?!”
“เย่เทียน คุณคิดจะทำอะไรเนี่ย!”
เฉินหวั่นชิงจ้องไปที่เย่เทียนอย่างดุเดือดจากนั้นหันกลับไปยิ้มพูดว่า “ใจเย็นๆ ก่อนนะคะคุณตำรวจ เพื่อนของหนู……”
ก่อนที่เฉินหวั่นชิงจะพูดจบ เย่เทียนก็ดึงเธอไปข้างๆ แล้วมองดู “ตำรวจจราจร” คนนี้ที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนและยิ้มพูดกับเขาอย่างเย็นชาว่า “ตำรวจงั้นเหรอ? อย่างคุณน่ะ จะเป็นตำรวจได้เหรอ?!”