[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]

บทที่ 520 : เบาะแสของศัตรู!

ระหว่างที่ทั้งสามคนนั่งลงพูดคุยกันอยู่นั้น หลิงหยุนก็เห็นตู้กู่โม่เดินสวมเสื้อคลุมสีฟ้าเดินออกมาจากห้องด้วยใบหน้าสดใส

ระหว่างที่เดินผ่านหน้าโซฟที่หลิงหยุนนั่งอยู่นั้น เขาก็ยกมือขึ้นทักทายถังเมิ่งและตี้เสี่ยวอู๋ แล้วจึงหันไปบอกกับหลิงหยุนว่า

“ข้าจะออกไปข้างนอกสักประเดี๋ยว!”

หลิงหยุนเพียงแค่พยักหน้า และบอกให้ตู้กู่โม่ระวังตัวเท่านั้น

หลังจากที่ตู้กู่โม่เดินออกไปแล้ว หลิงหยุนก็หันไปมองถังเมิ่งและตี้เสี่ยวอู๋อีกครั้ง พร้อมกับเอ่ยชมทั้งคู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“พวกนายจัดซื้อสมุนไพรได้ไม่ขาดตกบกพร่อง นายสองคนทำงานได้ยอดเยี่ยมมากจริงๆ!”

และด้วยสมุนไพรจำนวนมากเหล่านี้  หลิงหยุนสามารถใช้ไปได้อีกนานเลยทีเดียว เขาจึงไม่ต้องห่วงเรื่องการปลุกเสกยันต์อีก

เมื่อถังเมิ่งและตี้เสี่ยวอู๋ได้รับคำชื่นชมจากหลิงหยุน ทั้งคู่ต่างก็เขินอาย ถังเมิ่งยิ้มพร้อมกับยื่นมือออกไปหยิบถุงดำบนโต๊ะขึ้นมาเปิดซิปออก และหยิบบัตรประชาชนออกมา

ถังเมิ่งยื่นบัตรประชาชนในมือให้กับหลิงหยุน “พี่หยุน.. นี่เป็นบัตรประชาชนของไป๋เซียนเอ๋อ เพิ่งทำเสร็จเมื่อวานตอนบ่าย!”

หลิงหยุนหยิบบัตรประชาชนขึ้นมาดู เขาหัวเราะพร้อมกับเอ่อยชมถังเมิ่งอีกครั้ง “ถังเมิ่ง.. นายทำงานที่ฉันสั่งได้อย่างยอดเยี่ยมรวดเร็วเสมอเลยนะ!”

ถังเมิ่งทำสีหน้าอย่างผู้มีชัยชนะพร้อมกับพูดโอ้อวดว่า “เรื่องเล็กๆแค่นี้ไม่ต้องให้ถึงมือพี่หรอก!”

“ชื่อ – ไป๋เซียนเอ๋อ สัญชาติ – จีน วันเดือนปีเกิด.. ที่อยู่ – บ้านเลขที่ 1 หมู่บ้านทะเลสาบจิงฉู เมืองจิงฉู มณฑลเจียงหนาน.. เยี่ยมมาก..!” หลิงหยุนพึมพำ

มันก็เป็นเพียงแค่เอกสารที่หลิงหยุนจำเป็นต้องทำให้ไป๋เซียนเอ๋อเพื่อความสะดวก และลดปัญหาที่ไม่จำเป็นมากมายที่จะตามมา หลังจากอ่านรายละเอียดคร่าวๆแล้ว หลิงหยุนก็เก็บมันเข้าไปในแหวนพื้นที่

ตี้เสี่ยวอู๋จึงพูดธุระของตนเองขึ้นมา..

“พี่หยุน.. เรื่องที่พี่สั่งให้ฉันไปทำก่อนจะออกเดินทางไปทะเล มีข่าวคราวบ้างแล้ว..”

สีหน้าของหลิงหยุนเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดทันที เขารู้ว่าตี้เสี่ยวอู๋กำลังพูดถึงเรื่องคนขับรถพ่วงที่ชื่อหวังเล่ย

“พูดมา..”

ตี้เสี่ยวอู๋พยักหน้า “พี่หยุน.. หมายเลขบัญชีธนาคารปริศนาที่พี่ให้ฉันไปตรวจสอบมานั้น ยืนยันแน่นอนแล้วว่าเป็นบัญชีที่โอนเงินจำนวนหนึ่งล้านหยวนให้กับหวังเล่ยจริงๆ เจ้าของบัญชีชื่อจางเฟิง และเป็นบัญชีที่เปิดในเมืองหลวง ส่วนรายละเอียดอย่างอื่นยังไม่ชัดเจน”

เฉินเซินแห่งตระกูลเฉินนั้นนับว่าเป็นผู้ที่มีชื่อเสียง และเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป แม้ว่าเขาจะไม่ใยดีนักกับการฆ่าคนธรรมดาๆเพียงแค่หนึ่งหรือสองคน แต่เขาก็ระมัดระวังที่จะไม่ใช้บัญชีธนาคารของตนเองโอนเงินค่าจ้างให้กับหวังเล่ย แต่กลับใช้บัญชีของลูกค้าคนหนึ่งโอนแทน..

แต่ก็ยังนับว่าเฉินเซินประมาทเกินไปที่ไม่ยอมจ่ายค่าจ้างเป็นเงินสดให้กับหวังเล่ยแทน ทำให้หลิงหยุนสามารถตรวจพบจนได้..

หลิงหยุนพึมพำเสียงเบา “เรื่องนี้เกี่ยวพันไปถึงใครบ้าง?”

ตี้เสี่ยวอู๋ส่ายหน้าพร้อมกับตอบไปว่า “ยังตรวจสอบไม่ได้.. พวกเราสืบเรื่องทั้งหมดจากที่นี่ เพราะไม่ต้องการแหวกหญ้าให้งูตื่น ไม่อย่างนั้นฉันก็คงจะพาคนไปที่เมืองหลวงจับตัวเจ้าของบัญชีกลับมาจิงฉูด้วยแล้ว..”

หลิงมองตี้เสี่ยวอู๋ด้วยสายตาชมเชย ตี้เสี่ยวอู๋ดูภายนอกอาจเหมือนคนหยาบกระด้าง แต่กลับเป็นคนที่ทำอะไรไม่ประมาท หลิงหยุนยิ้มและตอบไปว่า

“นายทำถูกต้องแล้ว.. ขอแค่รู้ว่ามันเป็นใคร ที่เหลือก็ไม่ใช่ปัญหา จางเฟิงงั้นรึ? ปล่อยมันไปสักสองสามวันก่อน..”

ถังเมิ่งพูดต่อ “พี่หยุน.. ส่วนเรื่องเพื่อนของหวังเล่ยที่ชื่อหลี่กัง ตอนนี้พวกเรารู้ที่อยู่ของมันแล้ว หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุกับหวังเล่ย มันก็กลัวจนต้องกลับไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่บ้านเกิดในมณฑลเจียงซี”

หลิงหยุนรีบถามต่อทันที “แล้วคนของเรามีใครได้พบตัวมันแล้วหรือยัง?”

บัญชีปริศนานั่นเกี่ยวข้องกับคนบงการฆ่าหลิงหยุน หลิงหยุนคิดว่าคนที่บงการฆ่าเขานั้นคงยังไม่รู้ตัว และเขาก็ไม่ต้องการให้ถังเมิ่งและตี้เสี่ยวอู๋กระโตกกระตากให้พวกมันไหวตัวทัน

เพื่อนของหวังเล่ยที่ชื่อหลี่กังนั้นเป็นเพียงแค่นักเลงหัวไม้ที่ช่วยหวังเล่ยดูต้นทางเท่านั้น หลิงหยุนเพียงแค่ต้องการไปพบเขาเพื่อสอบถามอะไรบางอย่างให้แน่ใจ และไม่ต้องการทำร้ายเขา..

ถังเมิ่งตอบว่า “พี่หยุนสบายใจได้.. ตอนนี้พ่อของฉันสั่งให้คนของสำนักงานรักษาความมั่นคงในเมืองนั้นส่งตำรวจเข้าไปจับกุมทันทีที่พบตัวมัน และตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ส่งออกไปก็กำลังออกไปจับกุมตัว”

แววตาของหลิงหยุนเยือกเย็น เขาพยักหน้าช้าๆพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เยี่ยมมาก.. ถ้าได้ตัวหลี่กังแล้ว ให้พาเขากลับมาที่นี่ ฉันต้องการสอบถามเขาด้วยตัวเอง”

ถังเมิ่งและตี้เสี่ยวอู๋ได้ฟังก็พยักหน้า พร้อมกับตอบไปว่าไม่มีปัญหา

หลิงหยุนพูดขึ้นอย่างดีใจ “ส่วนภรรยาของหวังเล่ย พวกนายไปพาตัวมาให้ฉัน ฉันมีบางเรื่องที่ต้องสอบถามเธอด้วยเหมือนกัน!”

หลังจากที่พูดจบ หลิงหยุนก็จ้องมองถังเมิ่งพร้อมกับถามยิ้มๆ “พวกนายรู้หรือยังว่าเสียเจิ้นเหยิน กู่หยุนฟะ แล้วก็หลู่เจิ้งเทียนไปซ่อนตัวอยู่ที่ใหน?”

ถังเมิ่งมีสีหน้าผิดหวังอย่างที่สุด เขามองหลิงหยุนด้วยแววตาขุ่นเคืองพร้อมกับส่ายหน้า “ไม่รู้จริงๆพี่หยุน.. ฉันหาไอ้สารเลวสามตัวนี้ไม่พบเลย ไม่รู้มันไปซ่อนตัวอยู่ที่ใหน..”

หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้มน้อยๆ และพูดขึ้นว่า “ช่างเถอะ! ถ้าไม่พบก็ไม่ต้องไปหาต่อแล้ว อีกสองวันพวกเราจะไปหาพวกมันถึงที่บ้านเลย!”

ถังเมิ่งและตี้เสี่ยวอู๋มองหน้ากันนิ่งอยู่นาน และถังเมิ่งก็หันไปถามหลิงหยุนว่า “พี่หยุน.. พี่หมายความว่ายังไง?”

หลิงหยุนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ในเมื่อหาเด็กๆไม่พบ พวกเราก็ไปหาผู้อาวุโสแทนยังไงล่ะ! พวกมันกล้าทำร้ายน้องชายของฉัน คิดว่าเรื่องจะจบง่ายๆอย่างนั้นเหรอ? พวกมันเพ้อฝันเกินไปแล้ว!”

การสอบเอนทรานซ์ใกล้จะมาถึงแล้ว หลังจากสอบเอนทรานซ์หลิงหยุนมีเรื่องใหญ่ต้องไปจัดการอีกมากมาย เขาไม่มีความอดทนมากพอที่จะเล่นซ่อนหากับกุ้งหอยปูปลาเล็กๆพวกนี้

ถังเมิ่งและตี้เสี่ยวอู๋ได้ฟังถึงกับหัวใจพองโตด้วยความตื่นเต้น ทั้งคู่มองหลิงหยุนที่มีสีหน้าเย็นชา และรู้ว่าครั้งนี้หลิงหยุนต้องการกวาดล้างเมืองจิงฉูให้ราบคาบ

และหลิงหยุนก็ตั้งใจทำเช่นนั้นจริงๆ ก่อนที่เขาจะเดินทางออกจากเมืองจิงฉูหลังสอบเอนทรานซ์เสร็จนั้น หลิงหยุนจะต้องจัดการถอนรากถอนโคลน และกำจัดเสี้ยนหนามที่จะเป็นอันตรายให้หมดสิ้นลงก่อน

จากนั้นทั้งสามคนก็พูดคุยกันเรื่องของบริษัทชิงหยุนโปรดักชั่นต่อราวกับว่ากำลังคุยเรื่องขบขันกัน แม้สำนักงานใหญ่ของบริษัทชิงหยุนโปรดักชั่นในเมืองหลวงจะมีอำนาจมากก็ตาม แต่อาจพูดได้ว่ามังกรใหญ่ไม่สามารถเอาชนะงูเจ้าถิ่นได้ เพราะถึงแม้พวกเขาจะกระเหี้ยนกระหือเช่นไร แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรหลิงหยุนได้

แม้แต่องค์กรนักฆ่าที่ลึกลับ อีกทั้งลัทธิมารที่ออกมาเพ่นพล่านอยู่ในตอนนี้ หลิงหยุนยังไม่ใส่ใจ จึงแทบไม่ต้องพูดถึงบริษัททำหนังเล็กๆนี้

สามหนุ่มนั่งคุยกันต่ออีกสักพัก แล้วจู่ๆถังเมิ่งก็ถามหลิงหยุนขึ้นมาว่า “พี่หยุน.. ตอนนี้คลินิกสามัญชนของพี่พร้อมแล้วนะ น่าจะเปิดทำการได้แล้ว!”

หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับยิ้ม “ได้สิ.. แต่ฉันต้องรอท่านเสี่ยวหมอเทวดาเสียก่อน”

เมื่อพูดถึงคลินิกสามัญชน เขาก็นึกถึงเหยาลู่ขึ้นมาทันที ภาพหญิงสาวเรียบร้อย อ่อนน้อมว่านอนสอนง่ายปรากฏขึ้นในใจของหลิงหยุน

หลิงหยุนลุกขึ้นยืนพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ไปกัน.. พาฉันไปที่คลีนิคก่อน”