[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]

บทที่ 519 : พลังชีวิตกลายเป็นของเหลว!

เช้าตรู่.. หลิงหยุนขับรถกลับเข้าไปในตัวเมือง และมุ่งหน้าตรงไปที่บ้านเลขที่-1 ทันที

ค่ายกลหลุมพลังที่เขาสร้างไว้คงจะดูดซับเอาพลังชีวิตไว้ได้จำนวนมากมายแล้ว และเพราะพลังชีวิตที่อยู่ภายในหลุมพลังที่เขาสร้างขึ้นนั้นจะไม่มีทางรั่วไหลไปที่ใหนได้ ดังนั้นพลังชีวิตภายในบ้านเวลานี้คงจะเข้มข้นจนถึงขึ้นเกือบจะเป็นของเหลว

ภายในบ้านเลขที่-1 ตอนนี้ มีเพียงตู้กู่โม่คนเดียวเท่านั้น เมื่อหลิงหยุนไปถึงก็เห็นตู้กู่โม่ฝึกฝนอยู่ และกำลังนั่งขัดสมาธิหันหน้าไปทางทิศตะวันออก

และน้ำลายมังกรที่ตู้กู่โม่ดื่มเข้าไปนั้นก็ได้แสดงฤทธิ์ของมันแล้ว หลังจากที่หลิงหยุนเดินทางออกไปเกาะกลางทะเลได้เพียงแค่สองสามวัน ตู้กู่โม่ก็สามารถเข้าสู่ระดับกลางของขั้นเซียงเทียน-1 ได้อย่างง่ายดาย

แต่สีหน้าของตู้กู่โม่ตอนนี้ไม่สู้ดีนัก ใบหน้าของเขาซีดเผือด และน้ำหนักก็ดูเหมือนจะลดลงไปมาก อีกทั้งยังมีไอดำจางๆอยู่เหนือศรีษะ

หลิงหยุนใช้จิตหยั่งรู้สำรวจดู และเขาถึงกับต้องขมวดคิ้วเมื่อพบว่าตู้กู่โม่ได้รับบาดเจ็บภายในสาหัส

“หลิงหยุน.. เจ้ากลับมาแล้วรึ?”

ตู้กู่โม่เห็นรถของหลิงหยุนเคลื่อนเข้ามาจอดในลานบ้าน เขาจึงค่อยๆลุกขึ้นยืนพร้อมกับยิ้มทักทายหลิงหยุน

ดวงตาคมกริบของหลิงหยุนจับจ้องอยู่ที่หว่างคิ้วดำคล้ำของตู้กู่โม่ ก่อนจะถามออกไปตรงๆ

“ใครทำร้ายเจ้า?”

“เฮ้อ..”

ตู้กู่โม่ถอนหายใจอย่างแรงในขณะที่เดินตรงเข้าไปหาหลิงหยุนพร้อมกับส่ายหน้าไปมาเพื่อสลัดอารมณ์ที่เศร้าสร้อยหงุดหงิดออกไป ก่อนจะตอบไปว่า

“อาทิตย์ที่ผ่านมานี้ บ้านของเจ้าดูเหมือนจะเป็นที่สนใจของผู้คนมากมาย เกือบจะทุกคืนจะมีแขกแวะมาเยี่ยมเยียนไม่เว้นแต่ละวัน..”

“หลายคนที่ข้าเตือน ต่างก็กลับไปโดยไม่มีอะไร แต่มีอยู่สองกลุ่มที่ไม่สนใจฟังคำเตือนของข้า ก็เลยเกิดการต่อสู้กันขึ้น..”

ดวงตาคู่สวยของหลิงหยุนเป็นประกายขึ้นมาทันที และรังสีสังหารก็ปรากฏขึ้นวูบหนึ่งในดวงตาของหลิงหยุนขณะที่ถามตู้กู่โม่

“สองกลุ่มที่ว่านั่นเป็นใครกัน?”

ตู้กู่โม่ตอบกลับไปว่า “ถ้าข้าเดาไม่ผิด.. กลุ่มหนึ่งน่าจะเป็นนินจาญี่ปุ่น คนพวกนี้กำลังภายในไม่ได้สูงส่งมาก หนึ่งในกลุ่มอยู่ที่ระดับสูงสุดของขั้นโฮ่วเทียน-9 เท่านั้น”

“ส่วนอีกกลุ่มมีกันเพียงแค่สองคน แต่ทั้งคู่ล้วนอยู่ในขั้นเซียงเทียนแล้ว และวรยุทธของพวกมันก็ลึกล้ำมาก กำลังภายในก็ค่อนข้างแปลกประหลาด ข้าเดาว่าน่าจะเป็นคนของลัทธิมาร”

“และอาการบาดเจ็บของข้าก็เกิดจากสองคนนี้..”

ตู้กู่โม่ตอบด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว เขาต้องฝึกฝนอย่างหนักอยู่เป็นเวลานาน และในที่สุดก็สามารถเข้าสู่ระดับกลางของขั้นเซียงเทียนได้ แต่กลับถูกยอดฝึมือของลัทธิมารทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้านัก!

“อ่อ.. นี่พวกมันสืบพบที่อยู่ของข้าแล้วสินะ..”  หลิงหยุนทำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจนักพร้อมกับถามต่อว่า

“แล้วเจ้าบอกเรื่องนี้กับใครบ้างหรือยัง?”

ตู้กู่โม่เพียงแค่ส่ายหน้ายิ้มๆ “เจ้ายังไม่กลับมา.. จะให้ข้าบอกกับใครได้?”

หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับตอบไปว่า “ถ้างั้นก็ดี.. ในเมื่อพวกมันรนหาที่ตาย ก็ให้พวกมันมา ข้าจะสังหารพวกมันทุกคน!”

เมื่อเห็นหลิงหยุนกลับมา ตู้กู่โม่ก็ยิ่งรู้สึกเศร้าใจมากจนแทบทนไม่ได้ เขาแอบคิดในใจว่ากำลังภายในของหลิงหยุนนั้นรุดหน้าได้อย่างรวดเร็ว จนแม้แต่เขาเองก็ดูไม่ออกว่าหลิงหยุนอยู่ในขั้นใหนแล้วกันแน่?!

“ข้าจะรักษาอาการบาดเจ็บให้เจ้าก่อน..”

หลิงหยุนพาตู้กู่โม่กลับเข้าไปในห้อง ให้เขานั่งขัดสมาธิลงบนเตียง และถอดเสื้อออก แต่แทนที่จะใช้วิชาเก้าเข็มปลุกชีพ ครั้งนี้หลิงหยุนกลับแนบฝ่ามือของตนเองไว้บนแผ่นหลังของตู้กู่โม่แทน

อาการของตู้กู่โม่ไม่ใช่ความเจ็บป่วย แต่มันคืออาการบาดเจ็บ แน่นอนว่าหลิงหยุนจะต้องใช้เก้าเข็มปลุกชีพในการรักษาอาการบาดเจ็บภายใน แต่ในเมื่อตอนนี้เขาได้เข้าสู่ด่านสุดท้ายของขั้นปรับร่างกายแล้ว การใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างรักษาโดยตรงย่อมให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า

หลิงหยุนเดินพลังลับหยิน-หยาง และพลังหยินหยางที่อัศจรรย์ก็พุ่งผ่านฝ่ามือทั้งสองข้างของเขาตรงเข้าสู่ร่างของตู้กู่โม่ทันที และกำลังเคลื่อนไปตามเส้นลมปราณของตู้กู่โม่ พลังหยินหยางของหลิงหยุนค่อยๆกลืนกิน และดูดเอาพลังปีศาจที่ปั่นป่วนในร่างกายของตู้กู่โม่เข้าไป และค่อยๆซ่อมแซมให้กลับสู่สภาพเดิม

หลังจากได้รับการรักษา.. ตู้กู่โม่ก็รู้สึกขึ้นได้ทันทีว่าพลังปราณของลัทธิมารที่ปั่นป่วนอยู่ในร่างกายของเขานั้นได้หายไปเป็นปลิดทิ้ง และพลังปราณของเขาก็ได้กลับคืนสู่สภาพปกติ และสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างไม่ติดขัด

เมื่อหลิงหยุนดึงฝ่ามือออกจากแผ่นหลังของตู้กู่โม่ ตู้กู่โม่จึงลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับยืดแขนยืดขาด้วยความรู้สึกสบายพร้อมกับร้องอุทานออกมาอย่างตื่นเต้น

“เจ้านี่สมกับเป็นศิษย์สำนักหมอสวรรค์จริงๆ ข้ากังวลอยู่ว่าการรักษาคงต้องใช้เวลานาน แต่คิดไม่ถึงว่าจะรวดเร็วทันใจเช่นนี้..”

หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อย “อย่าเพิ่งดีใจไป.. เจ้าได้รับบาดเจ็บภายในค่อนข้างสาหัส นี่เจ้าคิดว่าตนเองได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยหรือยังไง?”

ตู้กู่โม่กรอกตาไปมา “ดีนะที่เจ้าไม่ลืมทิ้งยันต์บำบัดไว้ให้ข้า บาดแผลสองสามแห่งที่ข้าได้รับจากการถูกกระบี่แทง ยันต์บำบัดของเจ้าสามารถรักษาได้อย่างดีเยี่ยม ไม่มีแม้แต่รอยแผลเป็น..”

หลิงหยุนถึงกับอึ้ง เขายิ้มพร้อมกับตบไหล่ตู้กู่โม่และพูดว่า “ตอนนี้เจ้าไม่เป็นไรแล้ว.. ถ้าคืนนี้พวกมันกล้ามาที่นี่อีก ข้าจะจัดการตัดน้องชายของมันแก้แค้นให้กับเจ้า!”

พูดจบหลิงหยุนก็สั่งให้ตู้กู่โม่สวมเสื้อ ส่วนตัวเขาก็เดินออกไปยังสวนหน้าบ้าน สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ต้นสมุนไพรชีฉียู่ที่เติบโตขึ้นมาก

“พลังชีวิตสะสมไว้มากจนเริ่มเป็นของเหลวแล้ว..” หลิงหยุนได้แต่พึมพำออกมา

ต้นสมุนไพรชีฉียู่เติบโตในหลุมพลังเล็กๆแห่งนี้ พลังชีวิตจึงค่อนข้างหนาแน่น หลิงหยุนรู้สึกสดชื่นอย่างมากเมื่อได้ไปยืนอยู่ใกล้ๆ แต่เพราะร่างกายของเขายังมีพลังอยู่เต็มเปี่ยม เขาจึงแค่อาบพลังชีวิตแต่ไม่ได้ดูดซับมันเข้าไป

การเติบโตของต้นสมุนไพรชีฉียู่เป็นเรื่องที่น่ายินดี เมื่อครั้งที่หลิงหยุนย้ายมาปลูกที่บ้าน เขาตั้งใจปลูกในที่ที่มีแสงแดดจัด เพื่อให้มั่นใจว่ามันจะได้รับพลังจากดวงอาทิตย์ได้ยาวนานที่สุด

หลิงหยุนรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะอีกเพียงแค่ครึ่งเดือนสมุนไพรชีฉียู่ก็จะเติบโตเต็มวัยแล้ว และเมื่อถึงตอนนั้นพลังชีวิตของมันก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งหลิงหยุนเองก็เคยถ่ายเทพลังอมตะลงไปในต้นสมุนไพรชีฉียู่ มันจึงไม่ใช่ต้นสมุนไพรชีฉียู่ธรรมดาอีกต่อไป

ตอนนี้แม้หลิงหยุนจะมีพลังอมตะอยู่ในร่างกาย แต่ช่างโชคร้ายที่เขาไม่สามารถใช้มันได้ตามใจชอบ และนั่นนับว่าเป็นความเศร้าใจที่ยิ่งใหญ่ของเขา

แต่สมุนไพรชีฉียู่ต้นนี้.. หลิงหยุนได้ถ่ายเทพลังอมตะลงไป และตั้งใจที่จะใช้มันสำหรับปรุงโอสถชีฉียู่

แต่หลิงหยุนก็ไม่ได้หวังพึ่งเพียงแค่โอสถชีฉียู่เท่านั้น เขายังมีน้ำลายมังกร โสม และสมุนไพรเหอโชวูที่มีอายุหลายพันปี อีกทั้งยังมีหญ้าหยิน หญ้าหยาง และหญ้าน้ำลายมังกรอีกด้วย..

ระหว่างที่รอต้นสุมนไพรชีฉียู่เติบใหญ่ไปตามลำดับนั้น มันก็ได้ปล่อยพลังชีวิตที่เข้มข้นจนเป็นของเหลวออกมา หลิงหยุนยังไม่รีบร้อนที่จะเก็บเกี่ยว เพราะพลังชีวิตที่เข้มข้นจนเป็นของเหลวนี้ จะเป็นประโยชน์กับเขาอย่างมากในวันข้างหน้า

เสียงรถยนต์สองคันดังกระหึ่ม และกำลังมุ่งหน้ามาที่บ้านเลขที่-1 และถังเมิ่งกับตี้เสี่ยวอู๋ก็มาถึง

แต่ทันทีที่ถังเมิ่งเดินลงมาจากรถ หลิงหยุนก็พุ่งไปหาเขาทันทีพร้อมกับร้องเตือนออกมาอย่างน่ากลัว

“นี่นายอยากตายหรือยังไงถึงได้กล้าเอา Spyker C8 ออกมาขับแบบนี้?”

ระหว่างทางกลับมาจากเมืองเหวินโจว หลิงหยุนได้จัดการฆ่ามือสังหารขององค์กรนักฆ่าที่เป็นเจ้าของรถพวกนี้หมดแล้ว และตอนนี้รถทั้งหมดก็ได้ถูกเคลื่อนย้ายกลับมาที่เมืองจิงฉู แต่หลิงหยุนกลับคิดไม่ถึงว่าถังเมิ่งจะกล้าขับรถ Spyker C8 ของธิดาพรรคมารไปอวดคนทั่วเมืองเช่นนี้

“พี่หยุน.. รถคันนี้เครื่องแรงมากเลย ขับมันจริงๆ”

ถังเมิ่งตอบหลิงหยุนด้วยความตื่นเต้น พร้อมกับใช้มือลูบไล้ Spyker C8 ราวกับกำลังลูบไล้เรือนร่างของคนรัก

“นายระวังตัวไว้ให้ดีก็แล้วกัน.. คนที่กล้าขับรถคันนี้ ฉันรับรองได้ว่าไม่มีชีวิตรอดแน่!” หลิงหยุนร้องเตือนถังเมิ่ง

ธิดาพรรคมารนั้นแข็งแกร่งกว่าหลิงหยุน แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่สามารถเอาชนะนางได้

“ฉันรู้แล้วน่าพี่หยุน.. ฉันก็แค่ขับมาส่งให้พี่เท่านั้นเอง..” ถังเมิ่งไม่ได้โง่ เขารีบส่งกุญแจรถให้กับหลิงหยุนทันที

“พี่หยุน.. แล้วถ้าขับรถคันอื่นล่ะ จะมีปัญหาอะไรมั๊ย?” ตี้เสี่ยวอู๋ถามพร้อมกับเกาศรีษะ เพราะเขาขับรถ Mercedes สีดำหรูหราซึ่งเป็นหนึ่งในรถหรูสิบกว่าคันที่หลิงหยุนยึดมา

“เจ้าของรถคันนี้ถูกฉันฆ่าตายแล้ว.. ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร..”

หลิงหยุนคิดวิเคราะห์อยู่เงียบๆว่า ธิดาพรรคมารไม่สนใจแม้แต่ความเป็นความตายของเหล่ามือสังหารพวกนั้น นางจึงไม่น่าจะสนใจรถที่พวกมันทิ้งไว้เช่นกัน

“พวกนายพาฉันไปดูสมุนไพรที่ซื้อมา..”

หลิงหยุนสั่งถังเมิ่งและตี้เสี่ยวอู๋ให้พาเขาเดินตรวจสมุนไพรมูลค่ายี่สิบล้านที่ซื้อมา และจัดเก็บไว้ทั่วบ้าน

สมุนไพรที่ซื้อมานั้นล้วนแล้วแต่เป็นสมุนไพรจีนที่มีตัวยาหลักและตัวยาเสิรม และหลิงหยุนได้สั่งให้นำมาเก็บไว้ภายในบ้านหลังนี้ เพื่อให้สมุนไพรได้รับพลังชีวิตเข้าไปเต็มที่ เพราะต่อไปมันจะถูกใช้เป็นวัตถุดิบในการปลุกเสกยันต์ และปรุงยาของหลิงหยุน

“ อืมม.. พวกนายทำได้ดีมาก..” หลิงหยุนพยักหน้าอย่างพอใจ

หลังจากเดินตรวจสมุนไพรแล้ว หลิงหยุนก็เดินนำทั้งสองคนกลับไปยังห้องรับแขก และทั้งสามคนก็เริ่มนั่งลงพูดคุยกันต่อ