ตอนที่ 889 มีของแบบนั้นอยู่

Elixir Supplier

นิยาย Elixir Supplier 889 มีของแบบนั้นอยู่

“เขากินยาอะไรเข้าไปครับ แล้วได้รับการรักษาอะไรไปบ้าง?” หวังเย้าถามรายละเอียด

ผู้เป็นแม่จดจํายาทุกตัวที่ลูกชายของเธอกินเข้าไป เธอถึงขนาดบอกชื่อ, ปริมาณ,และเวลาที่ กินด้วย

“ไม่แปลกใจเลย!”หวังเฝ้ามองดูรายชื่อตัวยาที่มีมากกว่า 15 ชนิด

แบบนี้ก็อธิบายได้แล้วหวังเฝ้าคิดตับของเด็กคนนี้เกิดความเสียหายและค่อนข้างหนักมากยาทุกตัวล้วนมีความเป็นพิษอยู่เล็กน้อย หลังจากกินยาเข้าไปหลายตัวจึงทําให้เด็ก 2 ขวบคนนี้ที่อวัยวะภายในยังไม่สมบูรณ์เต็มที่การสะสมของตัวยามากเกินไปจึงทําให้ส่งผลเสียต่อร่างกายของเขา

“หมอหวัง อาการป่วยของลูกชายฉันเป็นยังไงบ้างคะ?” เธอถาม

“สาเหตุที่เขาหมดสติไปเกิดจากอวัยวะภายในของเขาได้รับความเสียหายในระดับหนึ่งโดยเฉพาะที่ตับของเขา”หวังเย้าพูด“ในช่วงหนึ่งปีมานี้คุณได้ให้เขากินยาไปหลายตัวมากพวกมันจึงส่งผลต่อตับโดยตรงนั่นคือสาเหตุที่ทําไมร่างกายของเขาถึงได้อ่อนแอลงเรื่อยๆและสุขภาพของเขาแย่ลงในท้ายที่สุดมันจึงนําไปสู่อาการหมดสติที่บ่อยครั้งขึ้น”

เมื่อได้ยินค่าอธิบายจากหมอสีหน้าของสองสามีภรรยาก็แย่ลง

“หมอหวัง ช่วยหาทางรักษาลูกของเราที่เถอะค่ะ”เธอพูด“ขอแค่รักษาชีวิตของเขาเอาไว้ได้เรายินดีจ่ายเงินเก็บทั้งหมดของเรา” ในฐานะของคนเป็นแม่เธอยินดีสูญเสียชิ้นเนื้อของตัวเอง มากกว่าผิวหนังเพียงเล็กน้อยของลูกนี่คือความรักที่ยิ่งใหญ่ของแม่

“ใช่ครับ ใช่” ฝ่ายชายพูด

“พวกคณไม่ใช่คนเมืองนี้ใช่ไหมครับ?” หวังเย้าถาม

หลังจากได้ยินสําเนียงของพวกเขาแล้ว หวังเย้าก็บอกได้ว่าพวกเขามาจากเมืองอื่น

“พวกเรามาจากเมืองเต๋ค่ะ” เธอพูด

“เมืองเต่ํา?”

“ถูกแล้ว”

ทั้งสองบังเอิญได้ยินคนอื่นกําลังพูดถึงเรื่องหมออายุยังน้อยคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านกลางเขาแห่งนี้ และได้รู้ว่าเขามีฝีมือในการรักษาที่ยอดเยี่ยมและสามารถรักษาโรคที่รักษาได้ยากหลายโรคพวกเขาจึงตัดสินใจขับรถมาที่นี่ด้วยหวังว่ามันจะเป็นความจริง

“ผมรักษาโรคนี้ได้”หวังเย้าพูด“พวกคุณคงต้องหาที่พักเพราะการรักษาอาจใช้เวลาประมาณ10 วันนะครับ”

“โอ้ ดีค่ะ” เธอพูด

“ช่วยวางลูกของคุณลง แล้วถอดเสื้อผ้าของเขาออกด้วยครับ” หวังเย้าพูด

ในช่วงเวลานี้ อากาศด้านนอกมีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณสิบองศา แต่ภายในคลินิกค่อนข้างอบอุ่น

สองสามีภรรยาช่วยกันถอดเสื้อผ้าลูกของพวกเขา

หวังเย้าหยิบเข็มขึ้นมาและเริ่มต้นการฝังเข็ม เขาทําอย่างช้าๆและมั่นคงนี่เป็นครั้งแรกที่เขาฝูงเข็มลงไปในร่างของเด็กเล็กแบบนี้

เมื่อมองดูเข็มทิ่มแทงลงไปบนร่างลูกของพวกเขาเล่มแล้วเล่มเล่า เป็นธรรมดาที่คนเป็นพ่อแม่จะรู้สึกกังวลโดยเฉพาะคนเป็นแม่ ธอจับมือสามีเอาไว้แน่นข้อนิ้วของเธอซีดขาวจากการบีบ มือสามีแน่นเกินไป

“ไม่ต้องกังวลครับ ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน” เมื่อรับรู้ถึงอารมณ์ตึงเครียดจากสองสามีภรรยาหวังเย้าก็หันหน้าไปพูดเพื่อช่วยให้พวกเขาผ่อนคลายลงก่อนจะกลับไปฝังเข็มต่อ

เข็มเงินแทงลงไปบนจุดฝังเข็ม พร้อมกับพลังที่ส่งเข้าสู่ร่างของเด็กน้อย

เข็มเงินที่ถูกฝังลงไปเพื่อกระตุ้นจุดฝังเข็มพลังฉีบริสุทธิ์หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเด็กจุดฝังเข็มแต่ละจุดในร่างกายล้วนเชื่อมต่อกันวิธีการที่ใช้เป็นการกระตุ้นและซ่อมแซมร่างกายทําให้สามารถรักษาเด็กได้ในระยะเวลาที่สั้นที่สุดเท่าที่จะทําได้

เมื่อหมดเวลา หวังเย้าก็เริ่มถอนเข็มทั้งหมดออก

หลังจากถอนเข็มออกจนหมดแล้ว เด็กก็ค่อยๆมีสติกลับมา ใบหน้าซีดเซียวเริ่มมีสีสัน“แม่พ่อ”น้ำเสียงของเด็กยังคงเบาจากอาการอ่อนแรง “โอ้เสี่ยวหลาน”

“เรียบร้อย ใส่เสื้อผ้าให้เขาได้เลยครับ” หวังเย้าพูด “เราจะปล่อยให้เขาเป็นหวัดไม่ได้”

ผู้เป็นแม่รีบแต่งตัวให้ลูกชายและโอบกอดเขาเอาไว้ในอ้อมแขน

“รอเดี๋ยวนะครับ” หวังเย้าพูดกับสองสามีภรรยา

เขาเดินออกไปและไม่นานก็กลับมาพร้อมกับขวดขนาดเล็กใบหนึ่ง เขาเทยาร้อนๆจากขวดลงไปในถ้วย

“มาครับ เอายาถ้วยนี้ให้เด็กดื่ม” หวังเย้าพูด

มันคือซุปเปยหยวนที่เขาทําเอาไว้ เขาได้เก็บรักษาเอาไว้ในช่องเก็บของของระบบโดยไร้ความเสียหายไม่ว่ามันจะร้อนแค่ไหนในตอนที่เก็บเข้าไปเมื่อนําออกมามันก็ยังคงร้อนเหมือนเดิมนี่คือความมหัศจรรย์ของระบบ

“อ่อ ได้ค่ะ”

เด็กคนนี้ยังเด็กมากแต่กลับรู้ความเขาไม่ร้องไห้หรืองอแงเขาทําเพียงจ้องมองหวังเย้าด้วยดวงตากลมโต

ยาตัวนี้ขมเล็กน้อยเด็กคนอื่นคงร้องไห้อย่างหนักและปฏิเสธที่จะกินยาแต่เด็กคนนี้กลับให้ความร่วมมือในการกินยาเป็นอย่างดีเขาต้องเคยกินยาที่ขมแบบนี้มาก่อนอย่างแน่นอน

“นั่งรอก่อนนะครับ”หวังเย้าพูด

ภรรยาโอบกอดลูกชายเอาไว้แล้วนั่งลงบนตักของสามีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้

“เสี่ยวหลาน ลูกรู้สึกไม่สบายตรงไหนไหมจ๊ะ?”ผู้เป็นแม่กระซิบถามลูกชายที่อยู่ในอ้อมกอด“ผมไม่เป็นไรครับแม่”เด็กชายตอบเสียงเบา

หลังจากรออยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมงหวังเย้าก็ยื่นมือออกไปจับดูชีพจรของเด็ก

“อืม ไม่เลว อีกสองวันให้กลับมาอีกครั้งนะครับ” หวังเย้าพูด

“อ้อ ขอบคุณค่ะ

สองสามีภรรยาออกจากคลินิกไปพร้อมกับลูกของพวกเขา

หลังจากขึ้นนั่งบนรถแล้ว เธอก็ถามลูกชายอีกครั้งว่า “เสี่ยวหลาน บอกความจริงกับแม่มาว่าลูกรู้สึกไม่สบายที่ตรงไหนบ้างไหม?” เธอกังวลว่าการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แปลกไปและพบคนแปลกหน้าจะทําให้เขาหวาดกลัวและไม่กล้าบอกความจริงกับเธอ

“ผมไม่รู้สึกไม่สบายตรงไหนเลยครับแม่”เด็กชายพูดเสียงเบา“อ้อถ้าอย่างนั้นก็ดีๆ!”เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“เราไปหาที่พักกันเลยไหม?” สามีของเธอถาม

“อืมในเมื่อเรามาถึงที่นี่แล้วเราก็ต้องลองดูเผื่อว่าเขาจะรักษาเสี่ยวหลานได้จริงๆ”เธอพูด

รถขับออกไปจากหมู่บ้าน

ภายในคลินิก หวังเข้าจดบันทึกอาการของเด็กเอาไว้ อาการป่วยของเด็กคนนี้ค่อนข้างพิเศษไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งในร่างกายของเขาที่มีปัญหาอย่างชัดเจนการเสียสมดุลในร่างกายของเขาทําให้มีอาการหมดสติสภาพร่างกายของเขาย่าแย่ลงจํานวนครั้งที่หมดสติเพิ่มมากขึ้น

โรคชนิดนี้ค่อนข้างแปลกและมันเป็นหนึ่งในโรคที่รักษาได้ยาก แต่ไม่ใช่เรื่องยากสําหรับหวังเย้าภายในระยะเวลา 10 วันเขามั่นใจว่าจะสามารถรักษาเด็กคนนี้ให้หายจากโรคได้

สองสามีภรรยาสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในลูกของพวกเขาได้

“นานเท่าไหร่แล้ว?” เขาถาม

“เอ่อ ตั้งแต่ที่เราออกจากคลินิกจนมาถึงในตัวเมือง เขาอยู่ที่โรงแรมและกินของกิน”เธอพูด“อย่างน้อยก็สองชั่วโมงครึ่งได้แล้ว”

“ดูสิ เสี่ยวหลานไม่หมดสติเลยสักครั้ง” เขาพูด “ใช่ ฉันเห็นแล้ว” เธอพูด “เขายังกินได้เยอะกว่าปกติด้วย”

พวกเขาพบว่าลูกชายมีอาการดีขึ้น ทั้งสองมีความสุขมาก ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็ใส่ใจมากขึ้นด้วยกลัวว่ามันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้นคืนนั้นลูกชายของพวกเขาไม่มีอาการผิดปกติอะไรเลยพวกเขาต่างก็ต้องตกใจกับการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นของเขา
“หรือมันจะเป็นเพราะการรักษาของหมอ?”

ตอนนี้ พวกเขามั่นใจแล้วว่าการรักษาของหวังเย้านั้นได้ผล และมันยังแสดงผลให้เห็นในทันทีด้วย

อาการของเด็กนั้นคงที่ เขามีสุขภาพดีและมีสติตลอดจนกระทั่งถึงเวลาเข้านอนก่อนหน้านี้เด็กชายมักจะหมดสติสองครั้งหรือมากกว่านั้นในหนึ่งวัน
“มันได้ผลเยี่ยมไปเลย!”

สองสามีภรรยาต่างยินดีและตื่นเต้น“พวกเราคิดถูกแล้ว”

พวกเขาต่างเฝ้ารอการรักษาครั้งต่อไป

ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในคืนนั้นเมื่อยามเช้ามาเยือนท้องฟ้าก็อึมครึม

สายฝนโปรยลงมาในหมู่บ้านยูนนานใต้ที่ห่างออกไปหลายพันไมล์ มันเป็นวันที่พระอาทิตย์เจิดจ้าและสายลมอุ่นพัดโชยมา

“ลุงเสวี่ย ทําไมถึงได้รีบมาพบผมขนาดนี้ล่ะครับ?” กั่วเจิ้งเหอถาม

“คุณชาย ขอบคุณที่เตือนผมครั้งก่อนผมหาศัตรูของหุบเขาพันโอสถเจอแล้วครับ”เสียวซินหยวนพูดอย่างยินดี

“มีศัตรูอยู่จริงๆเหรอครับ? แล้วลุงไปเจอพวกเขาได้ยังไง?”กั่วเจิ้งเหอถามตอนที่พวกเขาคุยกันครั้งก่อนเขาแค่เสนอออกไปเท่านั้นว่าให้เขาลองค้นหาศัตรูของอีกฝ่ายดูในเวลาเดียวกันเขาก็ต้องการชี้นําให้อีกฝ่ายออกห่างจากหุบเขาพันโอสถให้ได้มากที่สุดเขาไม่ต้องการเอาตัวเองเข้าไปยุ่งในปัญหาของคนที่มาจากหุบเขาพันโอสถซึ่งมันอาจส่งผลต่อชีวิตและหน้าที่การงานในอนาคตของเขาได้ เขาจึงไม่คิดว่าเสวี่ยซินหยวนจะทําอย่างที่เขาบอกและหาคนเจอได้ในเวลาไม่นาน

“บังเอิญจริงๆ!” “ใช่ครับ มันบังเอิญมาก” เสวี่ยซินหยวนพูด

“ในหมู่บ้านของพวกเขามีปัญหาขัดแย้งกันภายในอยู่”

“ความขัดแย้งภายใน?” กั่วเจิ้งเหอถาม

“ใช่ครับเดี๋ยวเหอที่เป็นผู้นําคนปัจจุบัน”เสวี่ยซินหยวนพูด“เขาได้ขึ้นเป็นผู้นําเมื่อ 20 ปีก่อนแต่วิธีการที่ทําให้ได้ตําแหน่งมาดูเหมือนจะไม่ถูกต้องเท่าไหร่มีบางอย่างที่ไม่แน่ชัดและไม่มีใครเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ในตอนนั้นเขาไม่สามารถดึงคนทั้งหมดให้ติดตามเขาได้บางคนที่ต่อต้านเขาแต่ก็ถูกเขากดเอาไว้ได้บางคนถึงขั้นถูกฆ่าไปก็มีหลายคนที่ไม่เห็นด้วยจึงเริ่มต่อสู้กับเขาแต่ก็สู้ไม่ได้เลยต้องหนีออกมา”

“แล้วตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหนครับ?” กั่วเจิ้งเหอถาม

“พวกส่วนใหญ่อยู่ในยูนนานใต้ครับ”เสวี่ยซินหยวนพูด“ผมได้ติดต่อหนึ่งในพวกเขา เขารู้เรื่องบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับหุบเขาพันโอสถ”

“ลุงติดต่อหนึ่งในพวกเขาได้”

“ถูกแล้วครับ!”

“พูดต่อสิครับ” กั่วเจิ้งเหอพูด ตั้งแต่พวกเขามีความเชื่อมโยงกับคดีความในพื้นที่ที่เขาดูแลเขาก็เริ่มให้ความสนใจเรื่องของหุบเขาพันโอสถอย่างมากมันคงเป็นเรื่องโกหกหากบอกว่าเขาไม่มีความสนใจในสถานที่แห่งนั้นเลย

“หุบเขาพันโอสถมีอยู่มานานมากแล้ว ว่ากันว่าสถานที่แห่งนั้นอยู่มาตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิงซึ่งมันนานกว่า 400 ปี พวกเขาเชี่ยวชาญในเรื่องการใช้พิษและแมลงพิษความสามารถนี้ถูกส่ง ต่อจากรุ่นสู่รุ่นพวกเขาศึกษาเรื่องพิษก็จริงแต่สิ่งที่พวกเขาทําได้ดีกว่าก็คือการรักษาและช่วยผู้คน”

“พวกเขารักษาได้ด้วยเหรอครับ?” กั่วเจิ้งเหอถาม

“ได้ครับ คุณชาย ความจริงพวกเขาถือเป็นสาขาหนึ่งของหมอเยี่ยว และอาจจะเป็นสาขาที่เก่าแก่ที่สุดด้วย”เสวี่ยซินหยวนพูด“พิษกับแมลงพิษสามารถสังหารผู้คนได้แต่มันก็สามารถรักษาโรคและช่วยผู้คนได้ด้วยเช่นกัน”

“นี่เป็นครั้งแรกเลยนะครับ ที่ผมได้ฟังเรื่องแบบนี้” กั่วเจิ้งเหอพูด

“เริ่มแรกหมู่บ้านของพวกเขายังมีการติดต่อกับโลกภายนอกอยู่ แต่ไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นพวกเขาถึงค่อยๆเริ่มปิดกั้นการติดต่อกับโลกภายนอกในทุกทางผมเคยได้ยินมาว่าผู้นําที่ชื่อว่า เมี่ยวซีเหอเคยสังหารคนในหมู่บ้านไปหลายคนเลยล่ะครับ”

“หรือคนพวกนั้นจะฆ่าคนของเขาก่อน?”

“ไม่ใช่ครับ พวกเขาเป็นคนจากข้างนอก”

“แล้วมีหลักฐานอะไรไหมครับ?”

“เอ่อ ไม่มีครับ คนที่ตายล้วนถูกโยนลงไปในทะเลสาบกลางหมู่บ้านเป็นอาหารปลาจนหมดแล้ว”

“ในเมื่อไม่มีหลักฐานมายืนยันเรื่องนี้แล้วลุงมั่นใจได้ยังไงครับว่าที่เขาพูดมาเป็นความจริงและเขาไม่ได้กาลังใส่ร้ายเมี่ยวซีเหออยู่?” กั่วเจิ้งเหอถามด้วยรอยยิ้ม

“นั่นก็จริงครับ ผมเลยยังไม่เชื่อเรื่องทั้งหมดที่เขาพูดมา”