ตอนที่ 450 มิเป็นที่โปรดปรานแล้วหรือ?
น้ำเสียงของมู่จวินฮานแฝงไว้ด้วยการคุกคาม แต่อันหลิงเกอก็อดเงยหน้ามองเขามิได้ ขณะเดียวกันนางก็ทำมิสนใจร่างกายของเขา
เมื่อเห็นอันหลิงเกอเขินอาย มู่จวินฮานก็บังเกิดความคิดแกล้งนางขึ้นมา
“มิได้สังเกตมานานแล้วว่าเจ้าก็หน้าแดงเป็นเหมือนกัน” คำพูดนี้ทำให้อันหลิงเกอหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา
“ขึ้นไป”
มู่จวินฮานชี้ไปที่เตียง ทว่าพอหันไปมองก็ทำให้อันหลิงเกอแสลงใจขึ้นมา
เมื่อครู่เขาเพิ่งอยู่บนนั้นกับสตรีอีกคน…
“ข้าไม่ทำ ! ”
อันหลิงเกอเอ่ยเสร็จก็ลุกขึ้นยืนเตรียมออกจากห้อง แต่นางมิใช่คู่ต่อสู้ของมู่จวินฮาน พริบตาเดียวก็โดนเขาจับโยนลงเตียง
“เปิ่นหวางต้องการเจ้า”
คำพูดของมู่จวินฮานมิรู้ว่านางควรดีใจหรือเสียใจดี ทั้งที่เขาทำแบบนี้กับคนอื่นแล้วยังมาแกล้งนางอีก
อันหลิงเกอมองเข้าไปในแววตาที่ดุดันคู่นั้น นางรู้สึกว่ามู่จวินฮานเปลี่ยนไปมากทั้งที่เขาคือมู่จวินฮานตัวจริง ความทรงจำ รูปลักษณ์ทุกอย่างล้วนเป็นเขา
ร่างกายของเขายังมีร่องรอยและกลิ่นของสตรีผู้นั้นติดอยู่ ยิ่งทำให้อันหลิงเกอมิอาจลืมตาได้
เดิมทีนางก็แพ้กลิ่นเช่นนี้อยู่แล้ว แต่ไหนแต่ไรมานางมิชอบกลิ่นเหล่านี้ ทว่าบัดนี้กายของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นเหล่านี้ยามเข้ามาชิดใกล้นาง
ทำให้นางอยากอาเจียนออกมา
เหมือนเขาสังเกตเห็นถึงสีหน้ารังเกียจของอันหลิงเกอ แววตาของมู่จวินฮานจึงเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ก่อนผลักอันหลิงเกอจนตกจากเตียง
แม้มิอยากทำร้ายนาง แต่เมื่อหนอนกู่ที่อยู่ในร่างกายแผลงฤทธิ์ มู่จวินฮานก็มิอาจรู้ได้ว่าตนทำอันใดลงไปบ้าง
“โอ๊ย…”
เข่าของนางกระแทกพื้นอย่างแรง ครั้งนี้ถึงขั้นมีเลือดไหลออกมา
“เจ้าออกไปเสีย”
เขามิได้หันมองนาง ราวกับไร้อารมณ์จนมิอยากสนใจนางอีก
อันหลิงเกอลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเลแล้วค่อย ๆ ก้าวออกไป น้ำตาของนางไหลรินลงมาโดยมิอาจห้ามได้
“พระชายา ท่านเป็นอันใดเจ้าคะ ! ”
เมื่อเห็นท่าทางของอันหลิงเกอ ปี้จูก็รีบวิ่งมาหาทันที
พระชายาไปหาท่านอ๋องมิใช่หรือ ? เหตุใดถึงดูน่าสงสารเช่นนี้ ดูเหมือนร่างกายของนางบาดเจ็บด้วย
“มิเป็นไร”
อันหลิงเกอฟื้นฟูร่างกายได้เร็วอยู่แล้ว เมื่อครู่มู่จวินฮานมิได้ออกแรงมากเท่าไร แผลก็มิได้หนักหนา แต่ก็เป็นแค่แผลภายนอกเท่านั้น
แผลที่อยู่ในใจต่างหากที่กำลังแผลงฤทธิ์อยู่
“พระชายา…”
ปี้จูรีบประคองนางให้นั่งลง เมื่อเห็นสายตาเลื่อนลอยของอันหลิงเกอก็รู้ทันทีว่ามีเพียงมู่จวินฮานเท่านั้นที่ทำร้ายเจ้านายได้ถึงเพียงนี้
“พระชายา เมื่อครู่ปี้จูพูดผิดเองเจ้าค่ะ หากตอนนี้ท่านอ๋องมีหนามอยู่รอบกาย ท่านก็อย่าเข้าใกล้เลยเพราะมีแต่ทำให้ท่านบาดเจ็บ ปี้จูหวังว่าท่านจักปกป้องตนเอง อย่าทำเรื่องที่โง่เขลาเลยเจ้าค่ะ”
ปี้จูรู้ดีว่าเพราะคำพูดของตนเมื่อครู่จึงทำให้อันหลิงเกอไปหามู่จวินฮาน ตอนนี้นางมิสามารถทนมองอันหลิงเกอทำเรื่องโง่เขลาได้อีกแล้ว
“เอาล่ะ มิใช่เพราะเจ้าหรอกปี้จู เจ้ากลับไปพักผ่อนเถิด ข้าอยู่คนเดียวได้”
อันหลิงเกอแค่อยากนอนหลับให้ลึกที่สุดโดยมิต้องคิดสิ่งใดทั้งนั้น เพียงแต่การทำเช่นนี้ต้องใช้สมาธิอย่างมากและนางกลัวว่าจักทำให้ปี้จูตกใจ
อีกอย่างหลายวันที่ผ่านมาปี้จูก็กังวลเรื่องของนางและมู่จวินฮานมิน้อย ตอนนี้ก็ควรได้พักผ่อนบ้าง
“แต่พระชายาจักอยู่คนเดียว…”
“ในจวนนี้ข้าอยู่คนเดียวที่ไหนกันเล่า ? ”
อันหลิงเกอหัวเราะเยาะตนเองออกมา ที่นี่ครึกครื้นอยู่ตลอด แม้แต่ยามที่นางต้องการความสงบก็มิเคยหาได้
“เช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ”
ปี้จูมองออกว่าเวลานี้อันหลิงเกออยากอยู่คนเดียวมากกว่า บางทีนางอยู่ด้วยอาจมิดีเท่าไรนัก
หลังปี้จูออกไปแล้ว อันหลิงเกอก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงโดยมิรู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่
“ผู้ใด ! ”
อยู่ ๆ อันหลิงเกอก็ได้ยินเสียงบางอย่างจึงหันไปทางหน้าต่าง
“ใคร ? ”
นางถามอีกครั้งแต่เสียงเมื่อครู่ก็หายไปแล้ว แม้แต่เงาก็หายไปด้วย
อันหลิงเกอมิมีกะจิตกะใจนอนแล้ว หลายวันมานี้นางรู้สึกว่ามีคนแปลกปะปนเข้ามาในจวนตลอดเวลา ทั้งยังวนเวียนอยู่รอบเรือนของนาง ดูท่าคงมีนางเป็นเป้าหมายแน่นอน
ช่างเถิด
“ออกมาสิ”
ขณะนั้นอันหลิงเกอก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นที่คุ้นเคย
คือกลิ่นของอวี๋หมิงหลัน
“ครั้งนี้พวกเรามาสู้กันอย่างยุติธรรมเถิด ! ”
อวี๋หมิงหลันก็รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของมู่จวินฮาน ครั้งนี้พวกนางมิต้องทำอันใดเพราะแค่แย่งผู้ชายคนนี้อย่างยุติธรรมก็พอ
“หืม ? ” อันหลิงเกอหัวเราะออกมา พอเสือหมดอำนาจก็โดนสุนัขรังแกเลยหรือ
“ทำไม ? เจ้ามิกล้าหรือ ? ”
น้ำเสียงของอวี๋หมิงหลันหยิ่งผยองมาก อันหลิงเกอจึงหัวเราะออกมา ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเหตุใดจักมิได้ ?
แม้ตอนนี้นางมิรู้ว่าเหตุใดมู่จวินฮานถึงเปลี่ยนไป แต่นางรู้จักเขาดีว่าเนื้อแท้ของเขาย่อมมิเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน
“เฮอะ ตามใจเจ้าสิ”
เหตุผลสำคัญที่อันหลิงเกอมิอยากสนใจนางเพราะรู้ดีว่าอวี๋หมิงหลันมิได้รักมู่จวินฮาน เพียงแค่ในใจยังยึดติดกับเขาเท่านั้น
“อันหลิงเกอ หากพวกเรามิเอ่ยถึงเรื่องฐานะและตำแหน่งแล้ว บางทีเจ้าอาจสู้ข้ามิได้ด้วยซ้ำ”
อวี๋หมิงหลันเชิดหน้าขึ้น ท่าทางราวกับภูมิใจในตนเองมาก
ท่าทางตอนนี้ของอวี๋หมิงหลันดูเย้ายวนมิน้อย เพียงแต่นางมิใช่สตรีในแบบที่มู่จวินฮานชอบ
“ตอนนี้เจ้าเป็นคนในจวนแล้วก็ตามใจเจ้าเถิด”
“หืม ? เช่นนั้นเรามารอดูต่อไปแล้วกัน”
กล่าวจบ อวี๋หมิงหลันก็ออกไปจากเรือนฝูหลิงทันที
บางทีนางอาจมาเพื่อเอ่ยประโยคเมื่อครู่เท่านั้น ทว่าตอนนี้อันหลิงเกอรู้สึกไร้เรี่ยวแรงยิ่งนัก
ตอนนี้มู่จวินฮานเปลี่ยนไปแล้ว มิรู้ว่าอนาคตเขาจักเป็นของใครและมิรู้ว่าเขายังเลือกตนหรือไม่
“พระชายา…เมื่อครู่บ่าวเห็นมีคนเดินออกไป เหมือนเป็นอวี๋หมิงหลันเจ้าค่ะ”
ปี้จูตกใจมากเพราะอวี๋หมิงหลันออกไปจากจวนอ๋องแล้วมิใช่หรือ ?
“อืม นางกลับเข้ามาใหม่”
ภายในใจของปี้จูรู้สึกหวาดกลัวมิน้อย ขณะที่นางเดินออกไปก็เห็นมีคนทำลับล่ออยู่ในนี้จึงย้อนมาดูอีกครั้ง คาดมิถึงว่าจักพบอวี๋หมิงหลันที่นี่
เมื่อเห็นอวี๋หมิงหลันอีกครั้งก็ทำให้ปี้จูรู้สึกกลัวมิน้อย
“มิเป็นไรหรอก นางมาหาข้า และวางใจเถิดเพราะข้ารับมือนางได้อยู่แล้ว”
ตามความคิดของอันหลิงเกอคือครั้งนี้อวี๋หมิงหลันคงอยากพนันกับนางจริง ๆ และคงมิยุ่งกับคนอื่นอีก
ตอนนี้อวี๋หมิงหลันยึดติดกับมู่จวินฮานมิใช่เพราะความรักอีกแล้ว
“พระชายา ท่านต้องป้องกันตัวให้ดี ท่านอ๋องเป็นเช่นนี้ต้องมีสาเหตุบางอย่าง แต่บ่าวเชื่อว่าสักวันหนึ่งพวกท่านต้องกลับมาเป็นเหมือนเดิมเจ้าค่ะ”
กลับมาเป็นเหมือนเดิมหรือ ?
อันหลิงเกอจดจำสิ่งที่ผ่านมามิได้แล้ว ครั้งนี้นางเองก็มิมั่นใจเอาเสียเลย
ที่ผ่านมานางเชื่อมั่นในตนเองโดยตลอด ทว่าตอนนี้รู้สึก…สับสน
“เอาล่ะ เอาล่ะ ท่านมิต้องคิดมากแล้วเจ้าค่ะ”
ปี้จูก็มิอยากกลับไปที่ห้องของตนแล้วเพราะนางอยากคอยอยู่ข้างกายอันหลิงเกอมากกว่า
หากตอนที่นางมิอยู่แล้วเกิดอันใดขึ้นกับอันหลิงเกอ นางคงรู้สึกผิดไปจนตาย
“เอาล่ะ เจ้ารีบกลับไปเถิดเด็กโง่ รีบกลับไปพักผ่อนได้แล้ว” อันหลิงเกอมิอยากทำให้ปี้จูพลอยลำบากไปด้วย