ตอนที่ 449 ถอนพิษหนอนกู่
“ได้ยินว่าเจ้าหาวิธีถอนพิษได้แล้วหรือ?” มู่จวินฮานที่นั่งอยู่บนเก้าอี้มองซูโจวด้วยความพึงพอใจ
“ใช่แล้วขอรับ” ซูโจวมีเหงื่อโทรมกายเนื่องจากเมื่อครู่เขารีบเดินทางกลับมาจากนอกเมือง ครั้งนี้เขาได้รับความช่วยเหลือจากหอสดับพิรุณจนสามารถพาสตรีที่เป็นคนของเผ่าพิษหนอนกู่มาด้วย
“ท่านอ๋อง หนอนกู่ตัวแม่ถ้าเข้าไปในร่างกายของอีกคนหนึ่งแล้วมันจักสามารถสงบลงได้ แน่นอนว่าหนอนกู่ตัวลูกก็เข้าสู่สถานะหลับใหลด้วยขอรับ”
หืม ?
แววตาของมู่จวินฮานเปล่งประกายขึ้น
“เพียงแต่หนอนกู่ตัวแม่แต่ละตัวแตกต่างกันไป มิรู้ว่าหนอนกู่แม่ตัวนี้จักส่งผลเยี่ยงไรหรือไม่ ทั้งต้องให้คนที่ใกล้ชิดเป็นคนดูแลด้วยจึงสามารถรับประกันความปลอดภัยและปกป้องพระชายาได้ขอรับ”
“ข้ารู้แล้ว ! ” มู่จวินฮานตัดสินใจแล้วว่าจักให้ซูโจวนำหนอนกู่ตัวแม่ใส่เข้ามาในกายของตน “จริงสิ เรื่องนี้มิต้องบอกเกอเอ๋อ”
“ขอรับ ! ”
เห็นท่าทางเจ็บปวดของมู่จวินฮานแล้ว ซูโจวถึงขั้นเหงื่อแตกพลั่ก
พวกเขามิรู้ว่าจักเกิดอันใดขึ้นบ้าง แต่มู่จวินฮานก็ยอมเสี่ยงเพื่ออันหลิงเกอ
รอจนเขาฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ความเจ็บปวดบนร่างกายก็หายไปจนสิ้น
“เรียนท่านอ๋อง วันนี้อินเยว่หยากู่เหนียงพระสหายของอันหนิงกงจู่มาที่จวนขอรับ”
อินเยว่หยา ? มู่จวินฮานพอจำได้เพราะหลายวันก่อนบิดาของนางมอบของมาตั้งมากมาย
“ตอนนี้นางอยู่ที่ใด ? ”
“อยู่ที่สวนขอรับ”
มู่จวินฮานเพิ่งเดินเข้ามาในสวนก็เห็นสตรีนางหนึ่งถูกปี้จูสาวใช้ของอันหลิงเกอขวางไว้
“ในเมื่อมิมีเทียบเชิญก็ขอเชิญท่านกลับไปเถิด” เป็นเสียงของอันหลิงเกอที่ดังขึ้นมา
“แขกของเปิ่นหวาง เจ้ากล้าไล่ได้อย่างไร ? ”
อันหลิงเกอรู้สึกตระหนกขึ้นมาทันที ก่อนเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม “เรื่องภายในจวนข้าดูแลแทนท่านอ๋องมาโดยตลอด ท่านอ๋องลืมไปแล้วหรือเจ้าคะ ? ”
นางรู้สึกว่าวันนี้มู่จวินฮานมีบางอย่างแปลกไป แต่นางก็บอกมิได้เช่นกันว่าแปลกอย่างไร
“พระชายา เจ้ากล้าล่วงเกินเปิ่นหวางหรือ ? เปิ่นหวางขอสั่งลงโทษเจ้าคุกเข่า 2 ชั่วยาม ! ” มู่จวินฮานก็มิรู้ว่าเหตุใดอยู่ ๆ ภายในใจก็นึกรังเกียจอันหลิงเกอขึ้นมา
“ท่านอ๋อง…” ปี้จูกำลังคิดเอ่ยบางอย่าง แต่มู่จวินฮานส่งสายตาให้ชิงเฟิงมาคุมพวกนางไว้
อันหลิงเกอสูดหายใจเข้าแล้วคุกเข่าลง ทว่าสายตาของนางยังจ้องมองไปยังมู่จวินฮาน
“ท่านอ๋อง เช่นนั้นเชี่ยเซินขอตัวก่อนเจ้าค่ะ” อินเยว่หยาเห็นเช่นนั้นจึงรีบขอตัวกลับ เพราะดูจากสถานการณ์วันนี้แล้วระหว่างนางกับท่านอ๋องอาจเป็นไปได้
อันหลิงเกอคุกเข่าอยู่เยี่ยงนั้น ชิงเฟิงที่อยู่ด้านข้างก็ลำบากใจมิน้อยเพราะเขาเองก็ทนมองมิได้เช่นกัน
“ท่านอ๋องเป็นอันใดไปหรือ ? ” ปี้จูกระซิบถามระหว่างที่คุกเข่าเป็นเพื่อนเจ้านายอย่างน่าสงสาร
“คือ…” ชิงเฟิงส่ายหน้าและมิได้กล่าวอันใดออกมา
อันหลิงเกอยิ่งคิดก็ยิ่งแปลกใจ เรื่องอันใดที่ทำให้นิสัยของมนุษย์เปลี่ยนไปชั่วข้ามคืนเช่นนี้ ? หรือมู่จวินฮานมีเรื่องลำบากใจ ?
“เรียนท่านอ๋อง ระหว่างหนอนกู่แม่และลูกอาจเกิดการต่อต้านกันก็ได้ขอรับ” ซูโจวอธิบายให้มู่จวินฮานฟังในห้องหนังสือ
ทั้งที่ภายในใจของเขาก็เป็นห่วงอันหลิงเกอมิน้อย แต่พอเห็นหน้านางก็อยากทำร้ายทั้งยังมิสามารถควบคุมตนเองได้จนเมื่อสงบลงแล้วจึงมานั่งไตร่ตรอง
“ช่วงต่อต้านจักนานเท่าใด ? ”
“เกรงว่าอีกสองถึงสามเดือนขอรับ”
สองถึงสามเดือนเชียวหรือ ?
มู่จวินฮานขบกรามแน่น อย่างมากช่วงนี้เขาก็พยายามมิไปพบหน้านางเท่านั้นเพื่อเลี่ยงการทำร้ายนางโดยมิตั้งใจด้วย
เรื่องในวันนี้คงพอทำให้อันหลิงเกอห่างจากตนได้บ้าง อย่างน้อยก็สามารถปกป้องนางได้ และภายในสองถึงสามเดือนนี้หนอนกู่ตัวลูกในกายของนางก็คงมิกำเริบขึ้นมาแล้ว
“ท่านอ๋องจักมิบอกพระชายาจริงหรือขอรับ ? ” ซูโจวรู้สึกกังวล
“อย่าให้นางรู้เด็ดขาด ! ” มู่จวินฮานเอ่ยอย่างเด็ดขาด
“เรียนท่านอ๋อง พระชายามาขอรับ”
ซูโจวหลบออกไปทันที ส่วนมู่จวินฮานพอได้ยินว่าอันหลิงเกอมา ภายในใจก็รู้สึกโมโหราวกับมีบางอย่างคอยสะกิดจากข้างในให้เป็นเช่นนี้
“2 ชั่วยามแล้วหรือ ? ”
เดิมทีเขามิอยากลงโทษนางแต่โทสะที่อยู่ในใจมิสามารถระงับได้เลย
“ครบแล้วขอรับ”
ชิงเฟิงทราบดีว่าหากมิครบสองชั่วยาม องครักษ์ก็มิยอมปล่อยพระชายาออกมาหรอก
“ช่างเถิด ให้นางเข้ามา”
มู่จวินฮานมองออกไปด้านนอก อากาศเย็นเช่นนี้มิหนำซ้ำนางยังคุกเข่าอยู่ข้างนอกนานเพียงนี้ มิรู้ว่าร่างกายจักเป็นเช่นไรบ้าง…
“ท่านอ๋องเจ้าคะ”
อันหลิงเกอเดินเข้ามา และทันทีที่เห็นหน้านาง ความคิดเมื่อครู่ของเขาก็มลายหายไปจนสิ้น
มู่จวินฮานก็มิรู้ว่าเหตุใด ทั้งที่ในใจเป็นห่วงนางยิ่งนัก ทว่าเพียงพริบตาเดียวก็แปรเปลี่ยนเป็นความเย็นชาเสียแล้ว
“เจ้ามาด้วยเหตุใด ? ”
เมื่อเห็นนางเข้ามาหา ในใจก็เกิดความรู้สึกประหลาด
“ในเมื่อเจ้าทำเรื่องวันนี้พังต่อหน้าแขก เช่นนั้นอีกสามวันให้หลังเจ้าจงไปรับสตรีคนนั้นเข้ามาในจวน เปิ่นหวางจักแต่งนางเข้ามาเป็นสนม” อยู่ ๆ มู่จวินฮานก็โยนปัญหาให้อันหลิงเกอ
“เจ้าค่ะ”
อันหลิงเกอมิได้ปฏิเสธ ปี้จูที่หลบอยู่นอกประตูก็รู้สึกมิพอใจ เข่าของนางยังรู้สึกชาก็จริง แต่พอเห็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับอันหลิงเกอและมู่จวินฮานก็อดร้อนรนมิได้
เดิมทีบิดาของอินเยว่หยาส่งของมาถึงเพียงนั้นก็ทำให้อันหลิงเกอมิพอใจอยู่แล้ว มู่จวินฮานกลับยั่วโมโหนางถึงเพียงนี้ แม้แต่ปี้จูที่เป็นคนนอกก็ยังมองออก
“มู่จวินฮาน ข้าอยากทานซุปถั่วเหลือง” อยู่ ๆ อันหลิงเกอก็เอ่ยกับคนที่นั่งอยู่ นางแค่อยากลองหยั่งเชิงว่าเหตุใดเขาจึงทำเช่นนี้กับตน
ทว่าภายในใจของเขาเหมือนมีความรู้สึกที่กำลังต่อสู้กันอยู่และมีบางอย่างคอยควบคุมมิให้เขาแสดงด้านอ่อนโยนออกมา
“สั่งห้องครัวทำให้นาง เสร็จแล้วก็ส่งไปที่เรือนพระชายา ! ”
คาดมิถึงว่ามู่จวินฮานสั่งออกมาเช่นนี้ อันหลิงเกอยิ้มอย่างขมขื่นก่อนพยักหน้ารับ
“ขอบคุณท่านอ๋องเจ้าค่ะ”
ผ่านไปสองวัน อันหลิงเกอก็ส่งคนไปรับสตรีนางนั้นเข้าจวน
เมื่อเป็นเช่นนี้ อันหลิงเกอก็อดก้าวถอยหลังมิได้ เพราะนางทนแบ่งเขาให้สตรีคนอื่นได้หรือ ทว่าตอนนี้…
มู่จวินฮานก็ช่างดีนัก เนื่องจากวันทั้งวันเขาเอาแต่ขลุกอยู่กับอินเยว่หยาโดยมิมาหาอันหลิงเกออีกเลย
“ท่านอ๋อง…”
เสียงของสตรีดังมาจากห้องหนังสือ อันหลิงเกอที่ตั้งใจเดินจากไปพลันนิ่งค้างอยู่ตรงหน้าประตูแล้วทรุดลงตรงนั้น
“อ๊ะ”
“อ๊ะ…”
สองเสียงที่ดังขึ้นพร้อมกัน เสียงหนึ่งเป็นเสียงของนางที่ทรุดลงหน้าประตูห้องส่วนอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงของสตรีที่อยู่ด้านใน
อันหลิงเกอมองภาพที่เกิดขึ้นในห้องแล้วชะงักงัน มิรู้ตัวว่าน้ำตาไหลออกมาด้วยซ้ำ
เดิมทีนางคิดว่านิสัยของมู่จวินฮานเท่านั้นที่เปลี่ยนไป คาดมิถึงว่าเขาจักทำเรื่องเช่นนี้จริง
บางทีอาจเป็นนางที่เพ้อฝันไปเอง ตอนนี้เขาคงมิกลับมาอยู่ข้างกายนางอีกแล้ว
“เจ้ามาทำไม ! ”
เสียงตะคอกด้วยความโมโหของเขาดังขึ้น อันหลิงเกอจึงเงยหน้ามองเขา ก่อนก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกหลากหลาย
เมื่อเห็นท่าทางของนางแล้ว มู่จวินฮานจึงสะบัดแขนเสื้อให้สตรีนางนั้นออกไปก่อน
เมื่อครู่มู่จวินฮานมิรู้ว่าเหตุใดภายในร่างกายก็รู้สึกกระสับกระส่ายและเมื่อนึกถึงเรื่องหนอนกู่ตัวแม่ สตรีนางนั้นก็เข้ามาจนเขาเกือบทำเรื่องที่ผิดพลาดเสียแล้ว
“เด็กเด็ก พานางไปส่ง”
เพียงพริบตา ภายในห้องก็เหลือเพียงมู่จวินฮานและอันหลิงเกอ เขาก้มมองหน้านางอยู่เนิ่นนาน
“อย่าลืมหน้าที่ของตน เงยหน้าขึ้นมา ! ”