ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
บทที่ 1434 – เข้าสู่วิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณ อสูรศิลา กล่องสมบัติ
ทันทีทันใด ชิงสุ่ยและรูปปั้นเทพสงครามเปลี่ยนตำแหน่งกัน หลังจากการเปลี่ยนตำแหน่ง ชิงสุ่ยมุ่งตรงเข้าไปสู่ใจกลางรูปแบบ ในเวลาเดียวกันประมุขอสูรก็เข้าไปเช่นกัน ทั้งคู่ตกตะลึงเมื่ออยู่ข้างใน
รูปแบบโบราณ!
นี่คือรูปแบบโบราณ? ชิงสุ่ยเห็นหมอกอยู่ทุกหนแห่ง นอกจากนี้จิตสังหารยังแผ่ไปทั่วและมีผังแปดทิศเขียนอยู่ใต้รูปแบบ ยิ่งไปกว่านั้นชิงสุ่ยเห็นบางสิ่งภายในรูปแบบ มีชายชราคนหนึ่งกำลังดิ้นรนอยู่ข้างใน
เขาไม่แน่ใจว่ารูปแบบนี้เป็นอย่างไร แต่อย่างน้อยเขารู้ว่านี่เป็นรูปแบบชนิดดักจับ มันมีรูปปั้นเทพสงครามอยู่ด้านนอก หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ชายชราที่ดิ้นรนก็พบประตูออกจากรูปแบบ
ชิงสุ่ยสังเกตเห็นเล็กน้อยและคิดออก ถ้าพวกเขาเดินไปข้างหน้าได้มากกว่าครึ่งหนึ่งของรูปแบบ รูปปั้นเทพสงครามก็จะไม่โจมตี เขามองไปที่ประมุขอสูรและกล่าว “อย่าได้ออกไปจากรูปแบบ อย่างน้อยเดินไปให้ได้ครึ่งทางและรอข้าอยู่ที่นั่น”
ทันใดนั้นรูปปั้นเทพสงครามก็พุ่งเข้ามาอย่างรุนแรง!
ทักษะย่างก้าว 9 เทวา!
ย่างก้าวของชิงสุ่ยช่วยให้เขาหลบเลี่ยงการโจมตีรูปปั้นเทพสงครามทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์ ก่อนหน้านี้ชิงสุ่ยต้องการให้ประมุขอสูรรอเพื่อที่พวกเขาจะสามารถเข้าไปพร้อมกันได้โดยไม่ถูกซุ่มโจมตี
เมื่อประมุขอสูรมาถึงตำแหน่งที่มากกว่าครึ่งหนึ่งของรูปแบบ ชิงสุ่ยก็หายตัวไปทันทีและปรากฏที่ด้านข้างประมุขอสูร เขาปรากฏตัวขึ้นอย่างใกล้ชิดจนถึงจุดที่ได้กลิ่นหอมจากตัวเธอ
ชิงสุ่ยและประมุขอสูรออกมาจากรูปแบบ พวกเขารู้สึกถึงอันตรายและจิตมุ่งร้ายที่ตามมา มันรู้สึกได้ถึงพลังที่ล้นหลามซึ่งพุ่งมาหาพวกเขา
ชิงสุ่ยไม่คิดอะไรมากมาย พลังนี้รุนแรง ดังนั้นเขาจึงจับมือประมุขอสูรเอาไว้และใช้ทักษะย่างก้าว 9 เทวาทันที
เขาทำเช่นนี้เพราะการรับรู้ทางจิตวิญญาณบอกถึงบางสิ่งบางอย่างที่เคยผ่านมา
ทักษะย่างก้าว 9 เทวา!
ชิงสุ่ยและประมุขอสูรหายตัวไปจากตรงนั้น!
ปัง ปัง ปัง……
สถานที่ซึ่งทั้งสองเคยอยู่ก่อนหน้านี้ราบเป็นหน้ากลอง ฝุ่นคละคลุ้งจากการทำลาย ทั้งสองจับมือกันพุ่งไปไกลหลายพันเมตร เมื่อพวกเขาลงถึงพื้นแล้ว ชิงสุ่ยหันไปมองผู้ที่โจมตีพวกเขา มันเป็นกลุ่มของชายชราสามคน แต่เขาไม่ทราบว่าเป็นใครบ้าง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านั่นคือทักษะสังหารไร้ปรานี
ทันใดนั้นมือของเขารู้สึกได้ถึงความนุ่มนวลและอบอุ่น มันรู้สึกอ่อนนุ่มมากเสียจนหัวใจของเขาแทบละลายและไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ ในที่สุดเขาก็สังเกตเห็นว่ามือของเขาและประมุขอสูรยังคงจับกันอยู่
“เจ้าปล่อยข้าได้หรือยัง?” เสียงของประมุขอสูรเย็นชา แต่เป็นธรรมชาติ ไม่มีความผันผวนของอารมณ์
“แน่นอน ข้าปล่อยได้ จริงๆแล้วข้าชอบเจ้า เจ้าควรจะลองคิดดู” ชิงสุ่ยยิ้มขณะกล่าว ครั้งล่าสุดที่เขาพูดกับหญิงคนนี้ เขารู้สึกเหมือนการพูดผ่านกำแพงเมือง เขาแทบจะไม่มีโอกาส เนื่องจากไม่มีลัพธ์ใดเกิดขึ้น
ประมุขอสูรรู้สึกว่าชิงสุ่ยช่างหน้าทน เขาพูดคำเหล่านั้นออกมาต่อหน้าเธอทันทีและเธอด้วยกลับด้วยความเย็นชาตามปกติ “ข้าไม่ชอบเจ้า ข้าไม่ชอบผู้ชาย”
“…” ชิงสุ่ยแทบจะสำลักจนถึงตาย
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น ชิงสุ่ยก็รู้สึกมีความสุขอยู่ภายในใจ คำพวกนั้นเป็นข้อพิสูจนฺว่าอารมณ์ของประมุขอสูรมีความผันผวน แม้ว่าจะน้อยมาก
ตอนนี้ชิงสุ่ยสามารถมองเห็นสถานการณ์ภายในภูเขาสงครามเทวะได้ นอกเหนือจากจุดศูนย์กลางรูปแบบก็คือวิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณ
วิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณ!
มีอาคารที่สูงเสียดฟ้าตั้งอยู่ ชั้นบนปล่อยกลิ่นอายของความโบราณออกมา มันปกคลุมไปทั่วตัวอาคาร กลิ่นอายนี้ทำให้หัวใจของผู้คนสั่นไหว
ไม่มีอสูรบรรพกาลผู้พิทักษ์ให้เห็น ปัจจุบันพวกเขาควรอยู่ภายในวิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณ
ชายชราทั้งสามคนที่อยู่ตรงข้ามพวกเขาสวมชุดแตกต่างกันไป หนึ่งในนั้นสวชุดตำหนักจิตกระบี่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชายชราจากตำหนักจิตกระบี่นั้นหยิ่งยโส หนึ่งในพวกเขาเริ่มพุ่งเข้ามาหา
ประมุขอสูรไม่ได้มองไปที่ชิงสุ่ย อย่างไรก็ตามร่างกายของเธอขยับเล็กน้อย ราวกับว่าเธอกำลังอดกลั้นบางสิ่ง
“ตั้งแต่ที่พวกเจ้าเข้ามา พวกเราก็ต้องสู้กันจนกว่าจะตายไปข้างหนึ่ง มันจะช่วยรักษาชีวิตพวกเราหากต้องต่อสู้หลังจากนี้” ชายชรารูปร่างแข็งแรงกล่าว
“เจ้าคิดว่าถ้าหากไม่มีพวกเราคอยหยุดเจ้า เจ้าจะสามารถเข้าสู่วิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณได้งั้นหรือ?” ชิงสุ่ยหัวเราะขณะมองฝ่ายตรงข้าม
“หากไม่มีพวกเจ้าคอยขัดขวาง แน่นอนว่าพวกเราสามารถเข้าไปในวิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณได้” หนึ่งในชายชรากล่าวด้วยความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม
“เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับอสูรบรรพกาลผู้พิทักษ์ไหม?” ชิงสุ่ยหัวเราะขณะถาม
“แน่นอนว่าพวกเรารู้ เจ้าจะบอกว่ามีอสูรบรรพกาลผู้พิทักษ์อยู่ที่นี่งั้นหรือ? ถ้าหากมีการวางรูปแบบด้านนอก มันก็จะไม่มีอสูรบรรพกาลผู้พิทักษ์อยู่ข้างใน เจ้าไม่รู้เรื่องนี้หรือ?” ชายชราคนหนึ่งหัวเราะเยาะ
ชิงสุ่ยนึกถึงสิ่งที่งูเปลวเพลิงบรรพกาลบอก อาจจะมีข้อผิดพลาดในสิ่งที่มันกล่าว ปัญญาแห่งจิตวิญญาณของสัตว์อสูรนั้นแข็งแกร่ง เขาหัวเราะ “ข้าจะไม่ขัดขวางพวกเจ้า แต่เจ้ากล้าที่จะเข้าไปในวิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณหรือ?”
“เจ้าจงใจทำให้เรื่องมันยุ่งยาก หากเป็นเช่นนี้ พวกเราจะเข้าไปก่อนเอง” เมื่อพูดจบ ชายชราก็เดินเข้าไปในห้องโถงของวิหาร
บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยต้นไม้เก่าแก่สูงตระหง่าน พวกมันล้วนหายาก แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นเพียงต้นสน พวกมันดูแข็งแรงและแทบจะมองไม่เห็นยอดต้นไม้
ประมุขอสูรไม่ได้แสดงท่าทีใดๆขณะเฝ้าดูชายชราเข้าไป ผู้หญิงคนนี้เยือกเย็นเสมอ บางครั้งคนเราจะรู้สึกโดนดูถูก แต่เธอไม่ได้เป็นเช่นนั้น เธอจะทำให้พวกเขารู้สึกถูกเมินเฉย คนเหล่านั้นจะรู้สึกไม่คู่ควรที่จะยืนอยู่เคียงข้างความงามจากสวรรค์เช่นเธอ
ภายในวิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณ ไม่มีเสียงอะไรให้ได้ยิน ราวกับว่ามันจมอยู่ในมหาสมุทรลึกที่เงียบเชียบ
“พวกเราควรจะเข้าไป ดูกันว่ามีสิ่งใดอยู่ข้างใน” ชิงสุ่ยหัวเราะ
“อืม ระวังตัวด้วย” ประมุขอสูรคิดเล็กน้อยและกล่าว จากนั้นเธอก็เดินเข้าไปในวิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณอย่างช้าๆ
ชิงสุ่ยรู้สึกปลาบปลื้มในหัวใจ เวลานี้เขาคิดว่าคำเหล่านั้นมีบางอย่างแตกต่างออกไป
วิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณกว้างใหญ่มาก มันกว้างขวางกว่าห้างสรรพสินค้าในช่วงชีวิตก่อนหน้านี้ วัตถุดิบที่ใช้สร้างมีความพิเศษและไม่ซ้ำกัน มันสามารถต้านทานแผ่นดินไหวหรือแม้กระทั่งแรงโจมตีใดๆ วัตถุดิบเหล่านี้ไม่สามารถใช้เพื่อสร้างเกราะ มิฉะนั้นพวกมันคงยากที่จะทำลายได้
เมื่อพวกเขาเข้ามา พวกเขาสามารถมองเห็นพื้นที่โล่งขนาดใหญ่ตรงหน้าพวกเขา
อสูรศิลา!
ด้านหน้ามีกล่องที่ดูเก่าแก่และชายชราสามคนยืนอยู่ หนึ่งในนั้นได้รับบาดเจ็บ
“มันเป็นไปได้อย่างไร? นั่นถือเป็นอสูรบรรพกาลผู้พิทักษ์หรือไม่?” ชิงสุ่ยทักทายพวกเขาขณะที่เดินเข้าไป
“นี่เป็นขั้นแรกของวิหาร มันไม่ง่ายเลยที่จะโจมตีอสูรศิลา มันแข็งแกร่งและไม่มีอะไรทำให้มันสะเทือนได้ กล่องสมบัติควรมีสมบัติอยู่ข้างใน ทำไมเจ้าไม่ลองเอามันมา เจ้าไม่สามารถเอามันมาได้งั้นหรือ?” หนึ่งในชายชรากล่าวอย่างช้าๆขณะที่เขามองไปที่ชิงสุ่ยและประมุขอสูร
“เจ้าไม่สามารถเอามันมาได้หรือ? ถ้าหากเจ้าทำไม่ได้ ข้าก็คงต้องขอผ่าน” ชิงสุ่ยมองไปที่ชายชรา
“ฮึ่ม พวกเรากำลังให้โอกาสเจ้า เจ้าไม่ต้องการที่จะรับไว้หรือเจ้ากำลังรอให้พวกเราจัดการอสูรศิลาลงก่อนและค่อยขโมยมันไปรึ?” ชายชรามองไปที่ชิงสุ่ย ดูเหมือนทั้งสองฝ่ายจ้องที่จะจัดการกัน
“ข้าไม่มีเวลามาเล่นกับพวกเจ้า เพราะข้าต้องไปที่ชั้นถัดไป เชิญพวกเจ้าสนุกกันต่อกับอสูรศิลาเถอะ!”
ชิงสุ่ยมองไปที่ประตูด้านหลังอสูรศิลาเมื่อเขาพูด
อสูรศิลาตรงหน้าดูราวกับหมีศิลาขนาดใหญ่ มันสูง 300 เมตร มีลำตัวสีเทา มันถูกแกะสลักออกมาจากศิลาชนิดพิเศษ การเคลื่อนไหวของมันนั้นธรรมดาและรุนแรง ด้วยกรงเล็บที่แหลมคมและขากรรไกรก็เพียงพอที่จะหยุดใครบางคน
“ฝันไปเถอะ ถ้าเจ้าไม่จัดการอสูรศิลา เจ้าก็ไม่สามารถผ่านไปได้” ชายชรากล่าวด้วยความรังเกียจเมื่อมองไปที่ชิงสุ่ย
“พวกเรามาดูกัน”
ชิงสุ่ยเรียกอสูรสยบมังกรออกมา จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าใส่อสูรศิลา
อสูรศิลาอนุญาตให้เคลื่อนไหวได้ภายในขอบเขตที่กำหนดเท่านั้น เมื่อมีสิ่งได้เข้ามาในระยะ มันก็จะทำการโจมตี
เพื่อป้องกันกล่องสมบัติและประตูด้านหลังมัน พื้นที่เฝ้าระวังของอสูรศิลาจึงไม่กว้างมากนัก อย่างไรก็ตามการลองจัดการอสูรศิลาจากระยะไกลเป็นไปไม่ได้ ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าอสูรสยบมังกรจะสามารถผ่านอสูรศิลาไปได้หรือไม่
ด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ ถ้าอสูรสยบมังกรไม่สามารถผ่านไปได้ มันก็จะถูกซัดกระเด็นออกไป อสูรสยบมังกรไม่ได้สามารถเจาะทะลวงได้ทุกอย่าง โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับอสูรศิลา อย่างก็ตามมันอาจเป็นไปได้
ประตูที่อยู่ข้างหลังอสูรศิลาถูกเปิดอยู่ พวกเขาสามารถเข้าไปตราบเท่าที่ผ่านอสูรศิลาได้ อย่างไรก็ตามประตูหินไม่ได้ใหญ่นักและยังถูกบดบังไว้ด้วยอสูรศิลา แม้ว่าพวกเขาจะสามารถล่อหลอกมันได้ มันก็ยังคงขวางประตูอยู่ มันเป็นพวกที่จะปกป้องสิ่งที่มันต้องทำแม้จนตัวตาย
ชิงสุ่ยใช้ทักษะย่างก้าว 9 เทวา แต่ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ตาม อสูรศิลาก็ไม่ได้ออกมาจากบริเวณประตูหิน นอกจากนี้มันยังโจมตีอย่างต่อเนื่องโดยใช้พลังอันลึกลับในร่างกาย อสูรศิลาเป็นเหมือนหุ่นเชิดที่ไม่เคยรู้สึกเหนื่อย นอกเหนือจากการกำจัดมัน ดูเหมือนจะไม่มีทางอื่นที่จะเข้าไปได้
ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรกับสถานการณ์ที่ยากลำบากตรงหน้านี้ เขาลองโจมตีอสูรศิลาแล้ว แต่การโจมตีของชิงสุ่ยไม่มีผลใดๆเลย
“ฮ่าฮ่า คำพูดทั้งหมดช่างว่างเปล่า การกระทำของเจ้าก็ไร้ผลเช่นเดียวกัน…”
ชายชรามีโอกาสที่จะเยาะเย้ยชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย อสูรสยบมังกรยังคงโจมตีด้วยกระสุนน้ำแข็งต่อไปอยู่หลายครั้ง มันเป็นวิธีเดียวของเขา
โดยไม่สนระดับหรือขั้น มันมีโอกาสที่จะแช่แข็งเป้าหมาย
แม้ว่าโอกาสจะมีน้อยเล็ก แต่ก็ยังมีโอกาส ชิงสุ่ยกำลังรอมันอยู่
“ข้าบอกแล้วว่าให้เจ้าเอามันไป ถ้าไม่ เจ้าก็ถอยไปซะ ไม่ว่าในกรณีใด ถ้าเจ้าไม่สามารถเอาสมบัติไปได้ เช่นนั้นก็หยุดและอย่าพยายามทำให้ตัวเองเดือดร้อน”
ปัง!
หลังคำพูดของชายชรา อสูรศิลาขนาดใหญ่ก็ถูกแช่แข็งอยู่ในน้ำแข็งขนาดยักษ์ ชิงสุ่ยคว้ามือของประมุขอสูรเอาไว้อีกครั้งและหายวับไปโดยไม่ลังเล
ทักษะย่างก้าว 9เทวา เคลื่อนย้าย!
มีช่องว่างอยู่เล็กน้อยที่สามารถพุ่งผ่านก้อนน้ำแข็งไป พวกเรารีบเข้าไปในช่องว่าง อสูรสยบมังกรเองก็สามารถผ่านไปได้แล้ว
เขาลอดผ่านเข้าไปอย่างรวดเร็ว ขณะนั้นชิงสุ่ยและประมุขอสูรลำตัวแนบซึ่งกันและกัน เขารู้สึกถึงความอ่อนนุ่มของหน้าอกและสัมผัสของริมฝีปากอันบางเบา ความรู้สึกนี้ทำให้มึนเมา ในช่องว่างขนาดเล็กนี้ทั้งสองแนบชิดติดกัน มันแน่นพอดีที่จะผ่านเข้าไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหน้าอกของประมุขอสูรบีบเข้าหากัน