ถึงแม้ ภายในใจจะรู้สึกไม่พอใจเธอ และไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ แต่ในเมื่อเธอได้พูดแบบนี้ เชอร์รีนจะพูดแข็งเกินไปก็ไม่ได้ ดังนั้น เธอเลยกล่าวขึ้นมาอย่างเรียบ ๆ : “ขอบคุณอาหญิงที่หวังดีนะคะ แต่ฉันไม่ค่อยได้มันสักเท่าไหร่หรอกค่ะ”
ความรู้สึกภายในใจก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจที่มีต่อเชอร์รีน แต่หยาดฝนก็ไม่ได้มีท่าทางเปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิด เพียงแต่ว่า ในน้ำเสียงกลับมีความจริงจังขึ้นมาเล็กน้อย
“โอเค แต่จำไว้ให้ดีล่ะ ทางที่ดีต่อไปให้รักษาระยะห่างกับผู้ชายที่อยู่ข้างกายเอาไว้”
ความจริงจังในคำพูดของเธอนั้น ทำให้เชอร์รีนไม่ชอบมาก แต่ก็ไม่ดีที่แสดงออกมา จึงเพียงพูดว่า: “ฉันรู้อยู่แก่ใจแล้วค่ะ”
ได้ยินดังนั้น หยาดฝนก็ได้ขมวดคิ้วโค้งเรียวของเธอ: “ในเมื่อรู้อยู่แก่ใจแล้ว ทำไมเธอถึงยังทำแบบนี้อีกล่ะ?”
เธอไม่เข้าใจ สายตาจ้องมองไปที่หยาดฝน: “รบกวนอาหญิงพูดให้ชัดเจนด้วยค่ะ ทำแบบนี้ ฉันทำแบบไหนแล้วเหรอคะ?”
“ก็เพราะเรื่องที่พาดหัวข่าวบนหนังสือพิมพ์ยังไงล่ะ เมื่อตอนเที่ยงที่บ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ได้เกิดความวุ่นวายขึ้นถึงขนาดนั้นแล้ว หรือว่าเธอไม่ควรที่จะรักษาระยะห่าง ยับยั้งการกระทำแบบนั้นของเธอเอาไว้หรือยังไง?” น้ำเสียงของหยาดฝนทุ้มต่ำเล็กน้อย ไม่ค่อยพอใจกับการกระทำของเธอสักเท่าไหร่นัก
เพราะเรื่องที่พาดหัวข่าวบนหนังสือพิมพ์ ความสัมพันธ์ระหว่างสุนันท์และเลอแปงถึงได้แข็งกระด้างไปโดยสิ้นเชิง ระหว่างออกัสก็ได้เกิดความร้าวฉานขึ้นมาเล็กน้อย พูดได้ว่าบ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ในตอนนี้ถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอกที่มืดครึ้ม
ส่วนเธอ ไม่สมควรที่จะรู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น และรักษาระยะห่างกับผู้ชายคนนั้นหรือยังไง?
ท้องฟ้าได้มืดขนาดนี้แล้ว เธอยังให้ผู้ชายคนนั้นมาส่งเธอที่หน้าคอนโด นี่ถ้าเกิดถูกพวกปาปารัสซีจับภาพได้ เธอจะรู้ไหมว่าจะถูกเขียนข่าวที่ไม่น่าฟังถึงขนาดไหน!
ภาพลักษณ์ของตระกูลตระกูลสิริไพบูรณ์ และยังมีหน้าตาของพี่ชาย อยู่ที่เมืองs นับว่าได้ถูกแปดเปื้อนแล้ว คิดจะเช็ดแต่ก็เช็ดไม่ออก
ยิ้มอ่อน ๆ เชอร์รีนมองหยาดฝน ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน แทงใจดำ: “ฉันสงสัยจริง ๆ เลยว่า อาหญิงพูดคำพูดพวกนี้กับฉันในฐานะอะไร……”
ได้ยินดังนั้น สีหน้าของหยาดฝนก็ได้เปลี่ยนเล็กน้อย และตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันที เป็นธรรมดาที่ในใจของเธอจะเข้าใจว่า เชอร์รีนกำลังบ่งบอกอะไรเป็นนัย ๆ
“อีกอย่าง ต่อให้ฉันขึ้นเตียงกับผู้ชายคนอื่น ก็ไม่เห็นว่าสามีของฉันจะขมวดคิ้วเลยสักนิด แล้วอาหญิงจะเป็นกังวลขนาดนั้นทำไมล่ะคะ?” เชอร์รีนสีกน้าสงบนิ่ง
ออกัสสีหน้าบึ้งตึง จ้องมองเธอด้วยสายตาคมกริบและเย็นชา รูม่านตาที่หดเล็กลงจับจ้องไปบนเงาร่างของเธอ……
ดวงตาของเขาหม่นหมองมาก เหมือนกับจะดูดกลืนเธอเข้าไป ไฟโมโหในใจยิ่งลุกโชนราวกับคลื่นลูกใหญ่ ซัดสาดทับถมเขาจนแทบไม่เหลือ
เธอนี่มันสุด ๆ ไปเลยจริง ๆ!
เชอร์รีนไม่ได้รู้สึกกลัวกลับสีหน้าของเขาเลยสักนิด เธอมองตอบรับอย่างไม่สะทกสะท้าน ไม่ได้เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย
สายตาของเธอเย็นชา แต่ก็ใสสะอาดเป็นพิเศษ ราวกับน้ำที่ไหลผ่านลำธารเล็ก ๆ ใสจนมองเห็นก้น
แต่ทว่า เพราะความเย็นชาและใสสะอาดนี่เอง ดังนั้น ถึงได้ทำให้ออกัสโกรธ ไฟโมโหที่ลุกโชนแทบจะแผดเผาเขาจนหมดสิ้น
ส่วน หยาดฝนคิดไม่ถึงเลยว่าเชอร์รีนจะพูดอย่างเปิดเผยแบบนี้
ในฐานะครูคนหนึ่ง เธอคิดว่าเชอร์รีนเย็นชา มีสติ พูดจามีวาทศิลป์
แต่ทว่า เธอคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าเชอร์รีนจะมีด้านที่เปิดเผยแบบนี้
เหมือนกับว่า บนตัวของเธอนั้นมีอยู่หลายด้าน ที่คุณสามารถจินตนาการได้ และที่คุณไม่สามารถจินตนาการได้ เธอเป็นเหมือนกับร่างที่รวบรวมความขัดแย้งเอาไว้……
เธอรู้สึกกลัวจริง ๆ กลัวว่าออกัสจะถูกเชอร์รีนดึงดูดเข้าให้
ช้า ๆ มือที่อยู่ข้างกายของหยาดฝนกำแน่น เล็บยาวที่ค่อนข้างจะแหลมคมทิ่มแทงลงไปบนฝ่ามือที่อ่อนนุ่ม ทำให้บริเวณนั้นรู้สึกเจ็บ
ในเวลานี้ การเผชิญหน้าระหว่างสองคนทำให้เธอรู้สึกกังวลมากยิ่งขึ้น ความกังวลเช่นนั้นแผ่ซ่านออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
สีหน้าเละท่าทางของทั้งสองคนนั้นลึกซึ้งมากเกินไป ราวกับวังวันที่มองไม่เห็นก้น ทำเธอมองไม่ชัดเจน และคาดเดาไม่ออก
แต่ความรู้สึกเพียงหนึ่งเดียวที่เธอสัมผัสได้ คือ ณ เวลานี้ นี่เป็นโลกของทั้งสองคน เธอไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้เลยแม้แต่น้อย
มือใหญ่เรียวยาวจับข้อมือของเชอร์รีนเอาไว้แน่น ออกัสสีหน้าเคร่งขรึม ดึงมือเธอเดินไปทางตึกเล็ก ๆ ในย่านผู้ผักอาศัยโดยไม่พูดอะไร
ฝีเท้าของเขาค่อนข้างจะใหญ่ ทำให้เชอร์รีนเดินตามไปอย่างยากลำบาก กลับไม่ได้ตั้งใจที่จะไปเดินตามฝีเท้าของเขา แต่ได้เอ่ยเตือนเขาอย่างเรียบ ๆ : “อาหญิงยังอยู่ที่นั่นอยู่เลยนะ”
พึงจะพูดจบ เสียงของหยาดฝนก็ได้ดังลอยมาจากด้านหลัง: “ออกัส”
เชอร์รีนยิ้มอย่างเย้ยหยันที่มุมปากเล็กน้อย และรอให้เขาปล่อยมือ
แต่ใครจะไปรู้ละว่า ออกัสไม่เพียงไม่ปล่อยมือ แต่กลับจับข้อมือเธอแน่นกว่าเดิม ยกริมฝีปากขึ้น เปล่งเสียงทุ้มลึกออกมา: “คืนนี้ผมจะพักอยู่ที่นี่ คุณกลับไปบอกเขาด้วย……”
จากนั้น ก็ไม่มีคำพูดใด ๆ อีก เขาดึงมือเธอ เดินเข้าไปในดึกพักอาศัย
ทิ้งให้หยาดฝนยืนอยู่ที่เดิมเพียงลำพัง สายลมเย็น ๆ ผัดผ่าน เธอรู้สึกเหน็บหนาวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
เขาพาเชอร์รีนเดินจากไป แต่กลับทิ้งเธอไว้ที่ข้างถนนเพียงลำพัง……
บางทีอาจจะไม่ใช่อากาศที่ทำให้เธอเหน็บหนาว แต่เป็นการกระทำและคำพูดของเขา
แต่ เธอเชื่อว่า เขาไม่ได้ตกหลุมรักเชอร์รีนอย่างแน่นอน ไม่อย่างแน่นอน ความมั่นใจและความเชื่อมั่นนี้ เธอหยาดฝนยังพอมีอยู่บ้าง
สายลมอันเหน็บหนาวได้พัดผ่านไปอีกครั้ง กระโปรงสีดำที่เธอสวมอยู่ถูกลมพัดปลิวไสวขึ้นมา ปิดบังดวงตาคู่นั้นของเธอ……
……
เปิดประตูห้องออก เชอร์รีนเดินนำหน้าเข้าไปในห้องก่อน เอื้อมมือออกไปเปิดไฟในห้อง ห้องที่เดิมทีปกคลุมไปด้วยความมืด สว่างไสวขึ้นมาในพริบตา
วางกระเป๋าที่อยู่ในมือลงไปบนโซฟา เธอเดินไปหยุดที่ด้านหน้าโต๊ะกาแฟ รินน้ำอุ่นใส่แก้วหนึ่งแก้วและถือไวในมือ และเอ่ยกับเขาขึ้นมาอย่างเรียบ ๆ : “คุณแน่ใจเหรอว่าจะไม่ไปส่งเธอกลับไป?”
จะว่าไปแล้ว นั่นเป็นคุณอาหญิงของเขา เป็นคนที่อยู่ในหัวใจของเขา เขาจะใจร้ายทิ้งเธอไว้ที่ข้างถนนเพียงลำพังได้จริง ๆ เหรอ?
ได้ยินดังนั้น เปลวไฟที่อยู่ภายในใจของเขายิ่งลุกโชนขึ้นมากกว่าเดิม ออกัสกลัวจริง ๆ เลยว่าจะทนเอาไว้ไม่ได้และบีบคอเธอให้ตายไปทั้งเป็น
ใบหน้าแดงเปล่งปลั่งของเธอนั้นมีน้ำมูกไหลออกมา
“ไปไหนกับขามาเมื่อตอนกลางคืน?”
เชอร์รีนดื่มน้ำอุ่นอึกหนึ่ง และไม่ได้พูดอะไร
“พูดสิ!” เขาขยับมือใหญ่ ๆ ดึงเอาเนกไทที่รัดแน่นอยู่บริเวณคอออกมาอย่างหงุดหงิด และโยนลงไปบนโซฟาที่อยู่ด้านหลังของเธอ ดุร้ายราวกับราชสีห์ที่กำลังโมโห
“มันเป็นอิสรภาพของฉัน” หรือว่า เธอต้องรายงานการกระทำทุกอย่างของเธอกับเขางั้นเหรอ?
ออกัสหรี่ตาลง น้ำเสียงทุ้มต่ำเยือกเย็นราวกับน้ำค้าง เขาจ้องมองเธอ ตั้งแต่หัวจรดเท้า ความรู้สึกกดดันอันแข็งแกร่งพรั่งพรูเข้ามา: “ผมมีสิทธิ์ที่จะรับรู้อิสรภาพของคุณ!”
แก้วน้ำถูกวางลงไปบนโต๊ะ เธอเงยหน้าขึ้น สายตาจับจ้องไปที่เขา และถามกลับ
“องค์ชายพาฉันไปสอนหนังสือให้กับลูกชายของเพื่อนของเขา กลับทางเดียวกันเลยพาฉันมาส่งด้วย และนี่คือที่มาที่ไปของฉัน ขอถาม ฉันมีสิทธิ์ที่จะรับรู้อิสรภาพของคุณออกัสหรือเปล่า?”
หน้าตาหล่อเหลาเคร่งขรึมไปชั่วขณะ แสงสว่างสายหนึ่งแว็บผ่านไปในสายตาที่ลึกล้ำของเขา น่าแปลก ความหงุดหงิดของเขาได้สลายไปไม่น้อย แม้กระทั่งน้ำเสียงที่ทุ้มลึกเองยังอ่อนโยนขึ้นมาเล็กน้อย: “อืม……”
ครั้งนี้ กลับกลายเป็นเชอร์รีนที่ชะงักงันอยู่กับที่ เธอคิดว่าตัวเองได้คิดไปเอง แต่มันกลับแจ่มแจ้ง ชัดเจนแบบนั้น
น่าแปลก ความตกตะลึงเล็กน้อยของเธอทำให้เขารู้สึกพอใจ ร่างสูงโปร่งของออกัสนั่งลงไปบนโซฟา เขายื่นมือออกมา ยกแก้วน้ำของเธอ และจิบน้ำอุ่นเบา ๆ