บทที่ 1418 (1)+(2)

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1418 (1)+(2) Ink Stone_Romance

บทที่ 1418 เขาผิดปกติ พูดให้น้อยหน่อย (1)

แต่หลีเมิ่งซย่าดื่มไปมากที่สุด สองตาแดงเยิ้มหรี่ปรือด้วยฤทธิ์สุรา แทบกุมจอกสุราไม่อยู่แล้ว อย่างไรเสียกู้ซีจิ่วก็มีพลังยุทธ์สูง จึงยังแจ่มใสยิ่งนักอยู่

หลีเมิ่งซย่าอึดอัดอยากอาเจียน กู้ซีจิ่วจึงพยุงนางไปที่สุขา

หลงซือเย่นั่งอยู่ตรงนั้น ดื่มจนใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำนิดๆ ในมือเขาถือจอกสุราไว้ กำลังมองจอกสุราอย่างเลื่อนลอย

หลีเมิ่งซย่าอาเจียนอยู่พักหนึ่ง อีกทั้งกู้ซีจิ่วยัดลูกกลอนสร่างเมาเม็ดหนึ่งใส่ปากนาง นางสะบัดหัว รู้สึกแจ่มใสขึ้นไม่น้อย นางกะพริบตามองกู้ซีจิ่วที่เห็นได้ชัดว่ามีสติอยู่ “เจ้าคอแข็งกว่าข้าเสียอีก…ข้าไม่เคยดื่มสุรากับผู้ใดแล้วพ่ายแพ้มาก่อนเลย!”

กู้ซีจิ่วตบไหล่นาง “พอดีเลย ข้าก็เหมือนกัน”

หลีเมิ่งซย่าไม่ยินยอม “ถ้ามีเวลาพวกเรามาดวลกันสักตา!”

“รอว่างแล้วค่อยว่ากัน”

หลีเมิ่งซย่าสะบัดหัวอีกครั้ง “นี่ก็ใช่ ยามนี้เรื่องวุ่นวายมากมาก ดื่มสุราแล้วก่อเรื่องผิดพลาดคงไม่เข้าท่า แปลกจัง เดิมทีหนนี้ข้าอยากดื่มพอหอมปากหอมคอเท่านั้น ทำไมถึงดื่มมากขนาดนี้ล่ะ?”

กู้ซีจิ่วมองนาง “การควบคุมตัวเองของเจ้าถดถอยแล้ว”

หลีมิ่งซย่าผงะไปครู่หนึ่ง ส่ายหัวอย่างสำนึกเสียใจอยู่บ้าง “อาจจะใช่ ถึงอย่างไรก็หนีหัวซุกหัวซุนอยู่นานมาก ไม่ได้กินไม่ได้ดื่ม ยามนี้พอมีสุราจึงควบคุมไม่ได้อยู่บ้าง ถ้าเผลอดื่มมากไป หากนายท่านทราบเข้า คงซัดข้าจนน่วมเป็นแน่”

ถึงลูกกลอนสร่างเมาของกู้ซีจิ่วจะได้ผลยิ่งนัก แต่ก็ค่อยๆ ทำให้สติสัมปชัญญะของนางกลับมาแจ่มใสอย่างรวดเร็วเท่านั้น ฤทธิ์สุราที่อยู่ในร่างไม่อาจขจัดได้ในชั่วขณะหนึ่ง ดังนั้นนางจึงเดินโซเซอยู่บ้าง

นางเป็นเช่นนี้ย่อมไม่สะดวกจะเดินทาง กู้ซีจิ่วจึงตัดสินใจว่าคืนนี้จะพักผ่อนที่โรงเตี๊ยมนี้สักคืนแล้วค่อยเดินทาง เธอบอกกล่าวการตัดสินใจของตนแก่หลีเมิ่งซย่าหลีเมิ่งซย่าสำนึกเสียใจยิ่งกว่าเดิม “นายท่านให้เจ้ากลับไปภายในคืนนี้ กลับเป็นเพราะข้าจึงต้องโอ้เอ้ล่าช้า…”

กู้ซีจิ่วไม่เก็บมาใส่ใจ เธอมองยันต์ถ่ายทอดเสียงที่บั้นเอว ตี้ฝูอีไม่ได้ติดต่อมาหาเธอเลย เขาน่าจะยุ่งมากเช่นกัน

“ซีจิ่ว มิสู้เจ้าถ่ายทอดเสียงไปหานายท่าน บอกเล่าสถานการณ์ทางนี้ เขาจะได้สบายใจ” หลีเมิ่งซย่าเสนอ

กู้ซีจิ่วพยักหน้า เปิดใช้ยันต์ถ่ายทอดเสียงจริงๆ กลับนึกไม่ถึงว่าจะไม่มีการตอบรับจากอีกฝ่าย

เขาเข้าไปในเขตหวงห้ามอะไรอีกแล้วเหรอ?

กู้ซีจิ่วเป็นสามีภรรยากับเขามาแปดปี ทราบนิสัยเขาดี ขอเพียงเขาเข้าในไปเขตหวงห้าม ยันต์ถ่ายทอดเสียงนี้ก็จะเชื่อมต่อไม่ได้ ครั้งนี้เขาต้องไปพบผู้คนมากมาย เรื่องที่ต้องสะสางจัดการก็มีไม่น้อยเลยเช่นกัน ไม่แน่ว่าอาจต้องเข้าไปในเขตหวงห้ามอีก ดังนั้นถึงแม้กู้ซีจิ่วจะจนปัญญากับการติดต่อไม่ชั่วคราว ทว่าไม่ได้เก็บมาใส่ใจ

เธอพยุงหลีเมิ่งซย่ากลับไปที่ห้องส่วนตัว เห็นหลงซือเย่ฟุบนิ่งอยู่บนโต๊ะ

หลับอยู่หรอ?

หลีเมิ่งซย่าใช้มือเคาะโต๊ะตรงหน้าเขา “นี่ เจ้าสำนักหลง ท่านเจ้าสำนักหลง ท่านตื่นสิ”

หลงซือเย่ขยับเล็กน้อย ในที่สุดก็เงยหน้าขึ้นมา เขาดูงุนงงอยู่บ้าง นัยน์ตาดำขลับมองไปที่พวกกู้ซีจิ่วทั้งสอง สายตาจดจ่ออยู่ที่ร่างกู้ซีจิ่วแวบหนึ่ง ทันใดนั้นก็ลุกพรวดขึ้นมา จอกสุราที่อยู่ข้างหน้ามือเขาถูกเขาปัดตกลงบนพื้น “ซีจิ่ว!” น้ำเสียงแฝงความประหลาดใจเอาไว้

หลีเมิ่งซย่าอดขำไม่ได้ “ตกใจขนาดนี้เชียว? คงมิใช่ว่าเมาหลับไปจนเพี้ยนแล้วกระมัง? ลืมไปแล้วหรือว่าดื่มสุรากับผู้ใด?”

หลงซือเย่หลับตาลงเล็กน้อย เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งสายตาก็แจ่มใสขึ้นมาก ยิ้มขื่นๆ แล้วเอ่ยตอบ “ดื่มมากไปหน่อยจริงๆ…”

สายตาเขากวาดมองภายในห้องนี้อย่างรวดเร็วแวบหนึ่ง ยกมือนวดคลึงหว่างคิ้ว “ข้าดื่มจนเลอะเลือนไปหน่อยจริงๆ จู่ๆ ก็ลืมไปชั่วขณะว่าตัวอยู่ที่ไหน มาๆ ยากนักที่พวกเราจะได้พบปะกัน นั่งลงแล้วดื่มอีกสักจอกเถอะ”

หลีเมิ่งซย่ารีบโบกมือ “อย่าเลย ดื่มไปมากพอแล้ว ข้าเพิ่งสำรอกสุรามา ดื่มต่อไม่ได้แล้ว”

สายตาหลงซือเย่ร่อนลงบนหน้ากู้ซีจิ่ว บางทีน่าจะเกี่ยวเนื่องด้วยเขาค่อนข้างกรึ่มๆ แล้ว สายตานั้นจึงดูลุ่มลึกพร่าเลือนอยู่บ้าง “ซีจิ่ว ดื่มเป็นเพื่อนข้าอีกสองสามจอกได้หรือไม่? ไม่ได้พบเจ้ามานานถึงเพียงนี้ ข้ามีเรื่องมากมายที่อยากสนทนากับเจ้า”

————————————————————–

บทที่ 1418 เขาผิดปกติ พูดให้น้อยหน่อย (2)

กู้ซีจิ่วกล่าวไปว่า “ราตรีล่วงเข้ายามย่ำรุ่ง ดึกเกินไปแล้ว ข้าค่อนข้างเหนื่อยล้า…”

หลงซืเย่จึงยืนขึ้น เขาดื่มสุรามากไปแลวจริงๆ เพิ่งลุกขึ้นก็โซซัดโซเซเล็กน้อย สบถเสียงต่ำออกมาอย่างอดไม่อยู่

กู้ซีจิ่วยื่นยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งไปเบื้องหน้าเขา “ท่านดื่มมากไปแล้วจริงๆ นี่คือลูกกลอนสร่างเมา ท่านกินเข้าไปก่อนสักเม็ดเถอะ”

หลงซือเย่ก้มมองโอสถนั้นตามสัญชาตญาณ ยาลูกกลอนกลิ้งกลุกๆ อยู่ในฝ่ามือเขา เปล่งประกายแวววาว เจือประกายแสงจางๆ ไว้

ม่านตาเขาหดตัวเล็กน้อย “โอสถระดับเจ็ด!” สายตาที่มองกู้ซีจิ่วฉายแววประหลาดใจออกมาแวบหนึ่ง

หลีเมิ่งซย่ากล่าวยิ้มๆ “ประหลาดใจมากหรือ? ซีจิ่วในยามนี้แม้แต่โอสถระดับแปดก็สามารถหลอมออกมาได้เช่นกัน นางเป็น…”

ประโยคหลังนางไม่ได้เอ่ยออกมา เนื่องจากกู้ซีจิ่วส่งกระแสเสียงหานาง ‘เขาผิดปกติ พูดให้น้อยหน่อย’

หลีเมิ่งซย่าผงะไปเล็กน้อย ไม่พูดต่อแล้ว

หลงซือเย่สนใจในประโยคครึ่งหลังที่หลีเมิ่งซย่าไม่ได้กล่าวออกมายิ่งนัก “นางเป็นอะไร?”

หลีเมิ่งซย่าก็มีไหวพริบเช่นกัน นวดคลึงหว่างคิ้ว “ปวดหัวจังเลย สุรานี้แรงจริงๆ…”

พลางเอนซบร่างกู้ซีจิ่ว “ซีจิ่ว ข้าค่อนข้างเวียนหัว…”

กู้ซีจิ่วพยุงนางไว้ หันไปคุยกับหลงซือเย่ “ครูฝึกหลง ดึกดื่นแล้ว ข้าจะพยุงนางไปพักที่โรงเตี๊ยมก่อน มีเรื่องอะไรไว้คุยกันพรุ่งนี้เถอะ” แล้วพยุงหลีเมิ่งซย่าก้าวออกไป

ดวงตาของหลงซือเย่ที่อยู่ด้านหลังวูบไหวเล็กน้อย ก้าวขึ้นมาเดินเคียงเธอ “ถัดจากร้านนี้มีโรงเตี๊ยมที่ดีมากอยู่ ข้าจะไปส่งพวกเจ้าที่นั่น ข้าก็ค่อนข้างวิงเวียนเช่นกัน จะพักที่โรงเตี๊ยมสักหน่อย”

….

ถึงแม้หลงซือเย่จะดูกรึ่มสุราอยู่บ้าง แต่สติสัมปชัญญะกลับแจ่มใสยิ่ง เมื่อไปถึงโรงเตี๊ยมแห่งนั้น ก็เอ่ยว่าต้องการห้องพักสามห้อง

กู้ซีจิ่วกล่าวว่า “ไม่จำเป็นต้องสามห้องหรอก ข้ากับเมิ่งซย่าพักห้องเดียวกันได้ จะได้ดูแลสะดวกด้วย”

หลงซือเย่แย้มยิ้มอ่อนโยน คิ้วขมวดมุ่น “ได้”

ห้องพักทั้งสองห้องอยู่ติดกัน หลงซือเย่เข้าไปในห้องของตัวเอง กู้ซีจิ่วพยุงหลีเมิ่งซย่าเข้าไปอีกห้องหนึ่ง

หลีเมิ่งซย่าพอเข้าห้องมาก็ยืดกายขึ้น นางมีคำถามที่อยากถามอยู่เต็มท้อง “ซีจิ่ว…”

กู้ซีจิ่วทาบนิ้วหนึ่งลงบนริมฝีปาก ส่งกระแสเสียงหานาง ‘กำแพงมีหูประตูมีช่อง อย่าพูดออกมา’

หลีเมิ่งซย่ากะพริบตา ในเมื่อนางดำรงตำแหน่งเป็นประมุขของหอเงาราตรีได้ย่อมมีปฏิภาณไหวพริบยิ่งนักเช่นกัน เปลี่ยนถ้อยคำที่จะเอ่ยทันที “ซีจิ่ว ข้าง่วงมากเลย ขอนอนก่อนนะ”

คล้ายว่านางจะเมาสุราจนมือเท้าหนักอึ้งแล้ว นางทิ้งตัวลงบนเตียงหลังหนึ่งที่อยู่ตรงกลาง เกลือกกลิ้งอยู่บนนั้น “เมื่อยจัง”

กู้ซีจิ่วหน้าล้างตาเล็กน้อย ขึ้นเตียงอีกหลังหนึ่ง

หลีเมิ่งซย่าทนไม่ไหว ส่งกระแสเสียงหาเธอ ‘สรุปแล้วเรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่?’

กู้ซีจิ่วเอ่ยตอบ ‘ดูเหมือนเขาจะมีปัญหาอยู่บ้าง เขาในยามนี้เหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคน’

หลีเมิ่งซย่าประหลาดใจ ‘ทำไมข้าไม่รู้สึกถึงเลยล่ะ?’

กู้ซีจิ่วไม่พูดอะไร อย่างไรเสียระยะเวลาที่เธอกับหลงซือเย่รู้จักกันมาก็ไม่สั้นเลย ชาติก่อนเคยคลุกคลีอยู่ด้วยกันมาเนิ่นนานปานนั้น เข้าใจเขาจนไม่อาจเข้าใจไปมากกว่านี้ได้แล้ว กับท่าทางของเขาก็คุ้นเคยจนไม่อาจคุ้นเคยไปมากกว่านี้ได้แล้วเช่นกัน หลงซือเย่ในยามนี้ถึงแม้จะดูไม่แตกต่างไปจากเมื่อก่อนเท่าไหร่ แต่นั่นก็ตบตาได้เพียงคนที่ไม่ค่อยคุ้นเคยกับเขาเท่านั้น เมื่อตกอยู่ในสายตาของกู้ซีจิ่วที่คุ้นเคยกับเขาซ้ำยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้วย จึงมีพิรุธมากมายที่เปิดเผยออกมา

ยกตัวอย่างเช่นยามที่หลงซือเย่จับจอกสุรา จะติดนิสัยจับไว้ด้วยสี่นิ้ว มีเพียงนิ้วโป้งเท่านั้นที่เชิดขึ้นนิดๆ

แต่เมื่อครู่ยามที่หลงซือเย่จับจอกสุรากลับใช้สามนิ้วกุมไว้ นิ้วก้อยโค้งงอเสมือนจะกรีดกราย

ยามที่หลงซือเย่มองคนสายตาจะเยือกเย็นทรงพลัง แต่เมื่อครู่นี้ยามที่หลงซือเย่มองคนกลับค่อนข้างหยาดเยิ้ม ลวงล่อเย้ายวน

‘เจ้ารู้สึกได้ตอนไหนว่าราวกับเปลี่ยนตัวคนแล้ว?’

 ………………………………………..