บทที่ 1418 (3)+(4)

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1418 (3)+(4) Ink Stone_Romance

บทที่ 1418 เขาผิดปกติ พูดให้น้อยหน่อย (3)

‘ยามที่ข้าพยุงเจ้าออกไปอาเจียนแล้วกลับเข้ามา’

หลีเมิ่งซย่าขมวดคิ้ว ‘หรือว่าคนจะถูกเปลี่ยนตัวตั้งแต่ยามนั้นแล้ว? มีคนปลอมตัวเป็นเขารึ?’ แล้วส่ายหน้าอีกครั้ง ‘เป็นไปไม่ได้กระมัง? ข้าเห็นรูปร่างหน้าตาส่วนสูงเป็นเช่นใดก็เช่นนั้น เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเป็นคนเดิม’

การจับสังเกตของหลีเมิ่งซย่าย่อมละเอียดลออพิถีพิถันยิ่งนัก จดจำรูปลักษณ์ผู้คนได้แม่นยำยิ่ง แม้ว่าจะเป็นฝาแฝดกันก็ไม่มีทางจำผิด หากว่าเปลี่ยนตัวคนแล้ว นางยังคงแยกแยะได้ชัดเจน อย่างไรเสียต่อให้เป็นฝาแฝดกันก็ยังมีจุดที่แตกต่างกันอยู่เล็กน้อย นับประสาอะไรกับผู้อื่นที่แปลงโฉมมา

การจับสังเกตของกู้ซีจิ่วก็ละเอียดลออยิ่งนักเช่นกัน เมื่อครู่ยามที่เธอฉุกใจสงสัย ก็ลอบสังเกตวงหน้าของหลงซือเย่อยู่เงียบๆ เช่นกัน ขนงเนตร จมูก ริมฝีปาก…

ตรงหางคิ้วของหลงซือเย่จะมีรอยแผลเป็นขนาดเท่ากุ้งยิงอยู่ บนจมูกมีไฝสีเข้มเม็ดหนึ่ง ใบหูมีรอยบากเล็กๆ รอยหนึ่ง นิ้วก้อยข้างซ้ายยาวกว่าข้างขวาเล็กน้อย…อัตลักษณ์เหล่านี้ล้วนเล็กน้อยยิ่งนัก ผู้อื่นไม่มีทางใส่ใจ หากว่ามีคนปลอมเป็นเขา ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะลอกเลียนรายละเอียดเหล่านี้ได้ทั้งหมด

กล่าวก็คือ ร่างนั้นยังคงเป็นร่างเดิม แต่ด้านในกลับคล้ายว่าจะเปลี่ยนผู้ถือครองแล้ว…

เมื่อครู่บุคลิกของหลงซือเย่ราวกับไม่มีอะไรเปลี่ยนไป แต่มีไอมารจางๆ สายหนึ่งเพิ่มขึ้นมาในอากาศ และไอมารนี้ก็ทำให้เธอรู้สึกคุ้นตาอยู่บ้าง

แต่ว่าเห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าคนที่ดื่มสุรากับพวกเธอคือหลงซือเย่ แล้วทำไมถึงเปลี่ยนผู้ถือครองได้ล่ะ?

หรือว่าในร่างเขาจะมีดวงวิญญาณอาศัยอยู่สองดวง?

ไม่ถูกสิ ตี้ฝูอีเคยบอกเอาไว้ ที่โลกนี้การยึดร่างมิใช่เรื่องง่าย วิญญาณสองดวงไม่อาจอยู่ร่วมกันในร่างเดียวได้

เว้นแต่จะถูกสิงสู่มาตั้งแต่กำเนิด ซ้ำยังต้องได้รับการยินยอมจากเจ้าของร่างด้วย ดวงวิญญาณที่มาภายหลังถึงจะอยู่ร่วมกับวิญญาณเดิมได้ ยกตัวอย่างเช่นหรงเช่อในอดีต…

ครานั้นโม่เจ้าสิงสู่หรงเช่อมาตั้งแต่ถือกำเนิด ทำให้เจ้าของร่างเคยชินกับการมีอยู่ของมัน จากนั้นก็ค่อยๆ ยึดร่าง พลังยุทธ์ของโม่เจ้าแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น คิดจะช่วงชิงสังขารของเด็กน้อยคนหนึ่งยังยากเย็นถึงเพียงนั้น นับประสาอะไรกับร่างของคนแข็งแกร่งอย่างหลงซือเย่ที่บรรลุพลังวิญญาณขั้นสิบแล้วเล่า? เป็นไปได้ไม่ที่เขาจะถูกคนอื่นยึดร่าง!

เช่นนั้นสรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เป็นเธอระแวงมากไปหรือ?

สารพัดความคิดกู้ซีจิ่วคิดไม่ตก เธอหยิบยันต์ถ่ายทอดเสียงออกมาอีกครั้ง ยันต์ถ่ายทอดเสียงนี้สงบเงียบยิ่งนักมาทั้งคืน ไม่ใช่แค่ตี้ฝูอีที่ไม่ติดต่อมาหาเธอ แม้แต่คนอื่นๆ ก็ไม่ติดต่อมาหาเธอเหมือนกัน…

เธอนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ลองติดต่อตี้ฝูอีดู เหมือนกับที่ผ่านมา ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวเลย

ครุ่นคิดแวบหนึ่ง เธอจึงติดต่อหาพี่ชายของตนอีกครั้ง ไม่น่าเชื่อว่าจะติดต่อไม่ได้เหมือนกัน

เธอกุมยันต์ถ่ายทอดเสียงไว้แน่น นี่ผิดปกติแล้ว!

เธอพลันตัดสินใจ ลองติดต่อกับอีกสองสามคนที่มักจะติดต่อกันอยู่เสมอดู ผลคือติดต่อไม่ได้เลยสักคน

หรือว่ายันต์ถ่ายทอดเสียงของตนจะมีปัญหาแล้ว?

เธอครุ่นคิดเล็กน้อย เรียกหลีเมิ่งซย่าขึ้นมา จากนั้นก็ลองติดต่อกับยันต์ของนางดู…

ผ่านไปครู่หนึ่ง ทั้งสองคนนั่งอยู่บนเตียงมองหน้ากันเหลอหลา ยันต์ถ่ายทอดเสียงในมือของพวกเธอติดต่อกันไม่ได้!

“เมิ่งซย่า เจ้าลองติดต่อกับคนอื่นดูสิ”

“ได้”

หลีเมิ่งซย่ายันต์ถ่ายทอดเสียงติดต่อกับคนอื่นดูทันที ผลลัพธ์เป็นเดียวกับกู้ซีจิ่ว อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ว่าจะติดต่อกับใครก็ติดต่อไม่ได้ทั้งสิ้น

ยันต์ถ่ายทอดเสียงนี้เป็นสิ่งที่กู้ซีจิ่วประดิษฐ์ขึ้น เธอนำยันต์ถ่ายทอดเสียงทั้งสองแผ่นมาตรวจสอบดูอย่างละเอียดหนึ่งรอบ ไม่มีปัญหาอะไรเลย หรือว่าในโรงเตี๊ยมแห่งนี้จะมีสิ่งที่มีคุณสมบัติในการตัดสัญญาณของยันต์ถ่ายทอดเสียงอยู่?

————————————————————–

บทที่ 1418 เขาผิดปกติ พูดให้น้อยหน่อย (4)

หลังจากสั่งการหลีเมิ่งซย่าแล้ว ก็ใช้วิชาเคลื่อนย้ายออกไปนอกโรงเตี๊ยม หาสถานที่เปิดโล่งแห่งหนึ่ง หยิบยันต์ถ่ายทอดเสียงออกมาแล้วลองติดต่อดูอีกครั้ง ผ่านไปสักครู่ยันต์ถ่ายทอดเสียงก็เรืองแสงขึ้น เพิ่งจะทำการติดต่อ ก็มีเสียงกระจ่างชัดดึงดูดของตี้ฝูอีแว่วมากจากด้านนั้นแล้ว “ไปอยู่ที่ไหนมา? เหตุใดติดต่อไม่ได้เลย?”

กู้ซีจิ่วถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดูเหมือนรูปแบบการก่อสร้างของโรงเตี๊ยมแห่งนั้นจะมีปัญหา ไม่น่าเชื่อว่าสามารถตัดสัญญาณยันต์ถ่ายทอดเสียงของเธอได้จริงๆ ขณะที่เธอกำลังจะเล่าเรื่องราวตลอดวันนี้ให้เขาฟัง หัวใจพลันเต้นแรงขึ้นมา ถ้าการที่สัญญาณของยันต์เธอถูกตัดไม่ใช่เรื่องบังเอิญ นั่นก็มีความเป็นไปได้ยิ่งนักว่าสัญญาณยันต์ถ่ายทอดเสียงของเธอจะถูกผู้อื่นดักฟังด้วย! หากว่ามีคนแอบฟังอยู่…

เธอหัวเราะเบาๆ “ข้ามาเยี่ยมเยือนสหายเก่า ทุกคนดีใจจึงดื่มจนเมามายเล็กน้อย เมิ่งซย่าดื่มมากไป ดังนั้นพวกเราจึงเดินทางกลับในคืนนี้ไม่ได้ ท่านนอนคนเดียวไปก่อนนะ”

ทางนั้นเงียบไปครู่หนึ่ง “ตอนนี้เจ้าอยู่ที่ไหน?”

“โรงเตี๊ยมลักษณ์หงส์ที่เมืองเฟิ่งไหล”

“รอก่อน” ตี้ฝูอีกล่าวเพียงสองคำ แล้วตัดการติดต่อไป

กู้ซีจิ่วจ้องยันต์ถ่ายทอดเสียงในมือครู่หนึ่ง อดไม่ได้ที่จะนวดคลึงหว่างคิ้ว ตี้ฝูอีคงไม่ได้จะตามมากระมัง?! ระยะทางไกลถึงเพียงนี้…

เธอกลับไปที่โรงเตี๊ยม หลีเมิ่งซย่ายังรออยู่ในห้องพัก เมื่อเห็นเธอเข้ามาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก “เป็นยังไง?”

กู้ซีจิ่วเอ่ยตอบ “โรงเตี๊ยมนี้มีปัญหา ออกจากบริเวณนี้ไปก็ไม่มีปัญหาแล้ว ยันต์ถ่ายทอดเสียงไม่ได้ขัดข้อง”

หลีเมิ่งซย่ายังข้องใจอยู่ “โรงเตียมแห่งนี้สามารถทำให้ยันต์ถ่ายทอดเสียงไม่มีสัญญาณได้ด้วยหรือ? อัศจรรย์ถึงเพียงนี้เชียว?”

กู้ซีจิ่วดึงผ้านวมมาห่ม “ไม่นับว่าอัศจรรย์เกินไปหรอก บางที่ก็มีระบบพิเศษที่สามารถตัดสัญญาณได้…”

กล่าวมาถึงตรงนี้ก็ฉุกใจขึ้นมา!

ยันต์ถ่ายทอดเสียงที่เธอคิดค้นขึ้นคุณสมบัติค่อนข้างคล้ายโทรศัพท์มือถือ เพียงแต่ใช้คลื่นพลังวิญญาณที่เสถียรมาเป็นสัญญาณ และอ้างอิงมาจากป้ายหยกสื่อสารชนิดนั้นของตี้ฝูอี นับว่าเป็นฉบับย่อของป้ายหยกสื่อสาร สัญญาณยังคงแข็งแกร่งยิ่งนัก เว้นแต่จะมีคนเข้าไปในเขตหวงห้ามอันใดถึงจะติดต่อไม่ได้ เนื่องจากเขตหวงห้ามเป็นเขตแดนอับสัญญาณ

และเขตแดนอับสัญญาณก็ติดตั้งได้ยากนัก ถ้าไม่มีพลังวิญญาณขั้นแปดขึ้นไปไม่มีทางสร้างได้

แต่ถ้าหากมีเขตแดนดังกล่าว เธอก็สามารถสัมผัสถึงได้ ดังนั้นประเด็นเขตแดนจึงปัดตกไป

หากว่าไม่ได้ใช้เขตแดนมาสกัดกั้น เช่นนั้นก็เป็นการใช้วิทยาการสมัยใหม่บางอย่างมาตัดสัญญาณแล้ว…

ในยุคนี้นอกจากตัวเธอที่สามารถทำเช่นนี้ได้ ก็มีเพียงหลงซือเย่กับหลงฟั่นอีกสองคนที่สามารถทำได้ หรือว่าหลงซือเย่จะเล่นลูกไม้กับโรงเตี๊ยมนี้?

ถ้างั้นจุดประสงค์ที่เขาเล่นลูกไม้เช่นนี้คืออะไรกันล่ะ?

ดูเหมือนหงซือเย่จะไม่สนใจกระทำเรื่องเช่นนี้ หรือว่าจะเป็น…เป็นหลงฟั่น?!

เธอเงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวจากห้องข้างๆ ห้องข้างๆ เงียบยิ่งนัก ถ้าตั้งใจฟังจะได้ยินเสียงลมหายใจที่สงบมั่นคงด้วย

โรงเตี๊ยมแห่งนี้พิกล หลงซือเย่ก็ค่อนข้างพิกลเช่นกัน เดิมทีกู้ซีจิ่ววางแผนไว้ว่าจะเดินทางกลับพรุ่งนี้ แต่ถ้าเรื่องพิกลเหล่านี้ไม่ได้รับการสะสางคลี่คลาย เธอก็ไม่อาจสงบใจจากไปได้…

เธอส่งกระแสเสียงพูดคุยกับหลีเมิ่งซย่าอีกสองสามประโยค จากนั้นก็ใช้วิชาเคลื่อนย้ายไปที่ห้องของหลงซือเย่

แน่นอนว่าหลังจากเธอเข้าไปก็เร้นกายไว้ มองไปที่บนเตียงก่อน หลงซือเย่นอนสงบนิ่งอยู่บนเตียง สองตาปิดพริ้ม แพขนตายาวหลุบลู่ ลมหายใจสงบยืดยาว เห็นได้ชัดว่าหลับสนิทไปแล้ว

ดูเช่นนี้เขาก็ไม่มีอะไรผิดปกติเลย

กู้ซีจิ่วถอนหายใจเบาๆ อย่างโล่งอก เหลือบมองใบหน้าเขาอีกแวบหนึ่ง หัวใจพลันสะท้าน!

————————————————————————–