เป็นเวลากว่าเจ็ดวันแล้วนับตั้งแต่งานเลี้ยงฉลองกลางฤดูใบไม้ร่วง
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เสี่ยวหลัว ก็ไม่ได้ติดต่อกับ ซุนยู้ อีกเลย และเธอก็ไม่ได้คิดริเริ่มที่จะติดต่อหาเขา ด้วยความสัตย์จริงเขาได้ตกหลุมรักเธอ แต่หลังจากที่เธอปฏิเสธเขาไป อารมณ์ของเขาก็ไม่ค่อยดีนักและคำพูดของเขาก็ลดน้อยลง
……
ตกเย็น เสี่ยวหลัว ก็นั่งลงบนโซฟาถือกระป๋องเบียร์อย่างเบื่อหน่าย ดูรายการทีวีนัดบอด เช่นเดียวกับ จาง ซูซาน จิตใจของเขายุ่งเหยิงไปด้วยอารมณ์ที่ขัดแย้งกัน เขาสงสัยว่า ซุนยู้ นั้นมีปัญหาอะไรที่ไม่สามารถบอกเขาได้ หรือว่า มันเป็นเขาเองที่ไม่รู้จักวิธีจีบผู้หญิงและทำให้ผู้หญิงมีความสุข เมื่อก่อนมันไม่น่าเป็นไปได้ แต่ถ้าเป็นอย่างหลังเขาก็อาจจะเรียนรู้มันได้จากการดูรายการทีวีนัดบอดเหล่านี้
“เสี่ยวหลัว มีข่าวดี ฝาง ฉงเหล่ ถูกจับและถูกตัดสินจำคุกสองปีแปดเดือน เนื่องจากเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้าประเวณีในโรงแรมของเขา” จาง ซูซาน นั่งอยู่บนพื้นห้องโถง กับ เฟิง อู๋ฮั่น และคนอื่นๆ ในขณะที่รายงานข่าวล่าสุดให้กับเสี่ยวหลัวฟัง
“ค้าประเวณี?”
เสี่ยวหลัวส่ายหัวและหัวเราะออกมาเบาๆ “ทำตัวเองจริงๆ”
“ใช่มีคำพูดบนอินเทอร์เน็ตว่า ‘NO ZUO NO DIE’ (ไม่ทำไม่ตาย) และไอหลานชาย ฝาง ฉงเหล่ มันก็สามารถอธิบายความหมายของประโยคนี้ได้ดีจริงๆ”
จาง ซูซาน ค่อยๆเปิดไพ่สามใบของเขา และเมื่อเขาเห็นมัน ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นในทันที ไพ่ทั้งสามใบนั้นเป็นรูปโพธิ์แดงทั้งหมด นั่นหมายความว่าเขาถือไพ่สเตรทฟลัช ด้วยไพ่นี้ มันจะเอาชนะไพ่ชุดอื่นๆได้ทั้งหมด จากนั้นเขาก็วางไพ่ลงบนพื้นข้างหน้าก่อนจะลงเงินเดิมพัน
“เอาไป! 500 หยวน!”
จาง ซูซาน ตะโกนเสียงดัง พร้อมกับหยิบธนบัตร 500 หยวน ออกมาจากกระเป๋าและกระแทกมันลงไปที่พื้นเสียงดัง
“พี่จาง พี่จะน่ากลัวเกินไปแล้ว เราเพิ่งจะเริ่มเล่นเกมกันเอง แต่พี่กลับเล่นใหญ่ขนาดนี้” เสี่ยวอู๋ พูดด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“พี่จาง เงินเดือนของเราไม่เท่ากับของพี่ ดังนั้นพี่อย่าเล่นใหญ่เลย” คนอื่นๆ เริ่มบ่น
จาง ซูซาน พูดตอบโต้เสียงดัง“หยุดพูดเรื่องไร้สาระ ถ้าพวกนายยังต้องการเดิมพันก็เดิมพัน ถ้าหากพวกนายไม่ต้องการเดิมพันก็หมอบไพ่ลงไป แค่นี้เองมันเป็นเรื่องง่ายๆ!”
เสี่ยวอู๋ มองดูไพ่ของตัวเอง คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน พร้อมพูดขึ้นมาว่า:“ลืมไปเถอะ”
เสี่ยวอู๋ และคนอื่นๆ เลือกที่จะหมอบไพ่ของพวกเขา
ในทางกลับกัน เฟิง อู๋ฮั่น กลับตัดสินใจที่จะตาม เฟิง อู๋ฮั่น เขาไม่ได้ดูไพ่ของตัวเองเลย ดูเหมือนว่าเขาต้องการจะให้มันเป็นไปตามโชคชะตาของเขา
“ฉันจะตาม!”
“เอาไปซะ!~” เฟิง อู๋ฮั่น ลงเดิมพัน 500 หยวน ตามไปในทันที
“เฮ้ ไอเด็กน้อย นายอยากจะสู้กับฉันใช่ไหม ได้ฉันจะลงเดิมพันเพิ่มไปอีก 500 หยวน” จาง ซูซาน พูดพร้อมกับพับแขนเสื้อขึ้นเตรียมพร้อมที่จะสู้
“ฉันจะตามต่อไป!”
เฟิง อู๋ฮั่น ยังคงเสี่ยงต่อเดิมพันอีก 500 ด้วยหัวใจตุ่มๆต่อมๆ
“ไอน้องชาย นายจะสุดยอดเกินไปแล้ว นายคิดที่จะฟาดฟันกับฉันโดยที่ไม่มองไพ่ของตัวเองเลยเหรอ”
“แม้แต่รถจักรยานก็สามารถเอาชนะรถมอเตอร์ไซค์ได้ และเพียงแค่เดิมพันง่ายๆแค่นี้ ใครจะไปรู้รถเข็นมันอาจจะกลายจะเป็น BMW ก็ได้!” เฟิง อู๋ฮั่น เลียริมฝีปากและหัวเราะออกมา
“อย่ามั่นใจเกินไป จนแม้แต่กางเกงก็ไม่เหลือหละ!”
จาง ซูซาน พูดพร้อมกับหยิบเงินหนึ่งพันออกมาจากกระเป๋าของเขาและโยนมันลงไป “เอาไปอีก หนึ่งพัน!”
เมื่อมองไปที่ธนบัตรสีแดงที่อยู่บนพื้นที่เริ่มกองกันเป็นเนินเล็กๆ เสี่ยวอู๋และคนอื่นๆ ก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงคอ สายตาของพวกเขาจับจ้องมองไปที่กองเงินสดจำนวนมหาศาล ในใจพวกเขาปรารถนาให้เงินทั้งหมดนั่่นเป็นของพวกเขา
เฟิง อู๋ฮั่น เริ่มลังเลและพิจารณาว่าเขาต้องการตรวจสอบไพ่ของตัวเองก่อนหรือไม่
“จะลังเลทำไม จะลงต่อไหม”
จาง ซูซาน ไม่มีความกลัวเลยแม้แต่น้อย เขาถือไพ่สเตรทฟลัช อยู่ ด้วยไพ่นี้มันทำให้เขาไม่จำเป็นที่จะต้องกลัว
ในตอนนั้นเอง เสี่ยวหลัว ก็เดินเข้ามาตบไหล่ของ จาง ซูซาน พร้อมกับพูดว่า “ทำไมแกจะต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้ด้วยเนี้ย แกคิดว่าบ้านของฉันเป็นคาสิโนหรือไง”
“เพื่อนเอ๋ย มันก็แค่ 2,000 หยวนเท่านั้นเอง มันเป็นเพียงแค่การเดิมพันเล็กๆ ถ้าแกไม่ได้เล่นก็อย่ามาพูด” จาง ซูซาน พูดออกมาอย่างกะทันหันจากนั้นเขาก็ผลัก เสี่ยวหลัว ออกไป
เสี่ยวหลัว ยิ้มและเมื่อเขาเดินจากไป เขาก็ใช้เท้าเเตะไปที่ไพ่ของ จาง ซูซาน เขาเปลี่ยนไพ่ของ จาง ซูซาน โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น การเคลื่อนไหวของเขานั้นรวดเร็วและแม่นยำมาก หลังจากที่เปลี่ยนไพ่เสร็จแล้ว เขาก็เดินจากไปในทันที ขณะที่ถือเครื่องดื่มราวกับว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เฟิง อู๋ฮั่น ทำการตัดสินใจครั้งใหญ่ เขาประกาศออกมาอย่างกล้าหาญว่า“เอาล่ะเอาล่ะ ฉันจะเสี่ยง! มาดูกันว่าไพ่ใครจะใหญ่กว่ากัน!”
เขาพลิกไพ่สามใบของตัวเองในทันที ให้ตายเถอะ!คู่ของสามและKing ใบหน้าของ เฟิง อู๋ฮั่น หมองลงในทันที
“ฮ่าๆๆ ไอหนูน้อย นี่แหละคือสิ่งที่นายจะได้รับเมื่อมาต่อสู้กับฉัน ฉันจะแสดงให้นายเห็นเองว่าไพ่ใหญ่มันหน้าตาเป็นยังไง”
จาง ซูซาน หัวเราะอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เขาหยิบไพ่ของเขาขึ้นมาจากพื้นและกระแทกมันลงไปอย่างแรง “เจ็ดแปดเก้า สเตรทฟลัช!”
เฟิง อู๋ฮั่น และ เสี่ยวอู๋ มองไปที่ไพ่ จากนั้นพวกเขาก็หัวเราะออกมาในทันที
“พี่จาง ไพ่ของพี่ไม่ใช่ สเตรทฟลัช ”
“มันคือหก – แปด – เก้า สีมันก็แตกต่างกัน ไพ่สูงของพี่ก็คือเก้าเท่านั้น”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น จาง ซูซาน ก็มองลงมา….
อะไรกัน … ไพ่ของเขาจริงๆแล้วมันคือหกแปดเก้า! ไพ่แปดและเก้าเป็นโพธิ์แดงทั้งคู่ แต่ในขณะที่ไพ่หกเป็นรูปดอกจิก เขาพูดติดอ่าง“นี่นี่นี่…มันเกิดอะไรขึ้น โพธิ์แดง ทั้งเจ็ดของฉันไปอยู่ที่ไหน!”
เฟิง อู๋ฮั่น ไม่สนใจอะไร จาง ซูซาน เลยแม้แต่น้อย เขาเอื้อมมือไปหาเงินและคว้ามันขึ้นมาจากพื้นอย่างยินดี“เหอเหอ…พี่จาง ฉันขอโทษ แต่เงินทั้งหมดนี้มันเป็นของฉันแล้ว!”
เสี่ยวอู๋ รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก“ถ้าฉันรู้ก่อนหน้านี้ ว่าพี่จาง กำลังหลอกลวง ฉันก็คงจะไม่หมอบไพ่ลงไปเด็ดขาด ให้ตายเถอะ ยอมแพ้แบบนี้มันทำให้ฉันรู้สึกอยากไปกินอึจริงๆ”
“หลอกลวง น้องสาวของแกสิ ฉันมี สเตรทฟลัช เจ็ดแปดเก้าจริงๆ แกควรจะไปเข้าห้องน้ำเพื่อกินและอึในตอนที่มันยังอุ่นอยู่น่ะ!”
ตอนนี้พูดไม่ได้ว่า จาง ซูซาน นั้นรู้สึกโกรธเคืองแค่ไหน ทันใดนั้นเขาก็คิดถึงความเป็นไปได้หนึ่งขึ้นมา
ด้วยความตกใจ เขาวิ่งไปที่ที่เสี่ยวหลัวนั่งอยู่ในทันที และพูดออกมาอย่างหวาดกลัวว่า“มีผีอยู่ที่นี่เสี่ยวหลัว! บ้านเช่าของแกมันมีผีอยู่อย่างแน่นอน และผีมันก็ได้เปลี่ยนไพ่ของฉัน พรุ่งนี้ค่อยย้ายออกจากที่นี่กันเถอะ ตอนนี้แกมีเงินแล้วหนิ แกไม่จำเป็นที่จะต้องทนให้ตัวเองที่อยู่นี่อีกต่อไปแล้ว”
เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่ซีดเซียวและหวาดกลัวของ จาง ซูซาน เสี่ยวหลัว ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
……
[ฉางชานพาวิลเลียน]
ชู หยุนเชียง กำลังเดินอยู่ข้างๆกับ จี เซินเจิ้น บนถนนสายหลักซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานของ บริษัท พวกเขาเดินสูดอากาศในยามค่ำคืนพร้อมกับพูดคุยเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้
“ฝาง ฉงเหล่ ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลาสองปีแปดเดือน ตอนนี้ บริษัท หลัวฝาง อยู่ในสถานะที่มั่นคงแล้ว และพวกเขาก็จะได้เป็น บริษัท ชั้นนำในอุตสาหกรรมการทำขนมของ เจียงเฉิง”จี เซินเจิ้น กล่าว
ชู หยุนเชียง กล่าวด้วยความเสียใจ: “ฝาง ฉงเหล่ โชคร้ายจริงๆ แต่อย่างไรก็ตามในขณะที่เขาล้มลง มันก็ยังคงมีศัตรูอีกคนที่ยืนขวางทาง เสี่ยวหลัว อยู่”
“บอสชู คุณกำลังพูดถึงแก๊งมังกรงั้นเหรอ” จี เซินเจิ้น ถามเพื่อนของเขาขณะที่คาดเดาเป็นครั้งที่สอง
ชู หยุนเชียง พยักหน้า:“ใช่แล้ว แม้ว่าโรงแรมจะถูกพบว่าเป็นชื่อของ ฝาง ฉงเหล่ แต่เจ้าของที่แท้จริงของพวกมันก็คือ หลง ซานกุย และนอกจากนั้น หุ้น 30% ของ taste buds ก็เป็นของ หลง ซานกุย การล่มสลายของ ฝาง ฉงเหล่ นั้นจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลประโยชน์ของเขา ด้วยความใจแคบของ หลง ซานกุย มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่ทำอะไรเลย”
จี เซินเจิ้น สูดลมหายใจเข้าลึก “ใช่แล้ว แม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นอันตรายต่อผลประโยชน์ของ หลง ซานกุย เขาก็คงจะไม่ปล่อย เสี่ยวหลัว ไปอยู่ดี เพราะว่า ฝาง ฉงเหล่ นั้นได้ช่วยเหลือเขาให้หลุดพ้นจากสถานการณ์ที่ยากลำบากในช่วงปีแรกๆ ”
ฝาง ฉงเหล่ ช่วย หลง ซานกุย?
ชู หยุนเชียง ยิ้มออกมาและพูดว่า:“มันเป็นเพียงแค่ข่าวลือเท่านั้น ฝาง ฉงเหล่ เขาก็เป็นเพียงแค่ตัวแทนในแสงสว่างของ หลง ซานกุย พูดอีกอย่างคือเขาไม่มีอะไรมากไปกว่าหุ่นเชิดของ หลง ซานกุย การสูญเสียหุ่นเชิดเชิดนี้ไป หลง เซียง กุย ก็ไม่ได้สูญเสียอะไรมาก แต่ถ้าหากผลกำไรของเขาถูกคุกคาม เขาก็คงจะไม่ปล่อยมันไปง่ายๆอย่างแน่นอน”
“ดูเหมือนว่า เสี่ยวหลัว กำลังจะประสบกับปัญหาใหญ่อีกครั้งแล้ว” จี เซินเจิ้น พูดออกมา ด้วยความเห็นอกเห็นใจต่อเสี่ยวหลัว
“นั่นก็อาจจะจริง แต่มันก็ยากที่จะบอกว่าใครคือคนที่กำลังจะมีปัญหาใหญ่กันแน่” ชู หยุนเชียง พูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม