ขณะที่เสี่ยวหลัวยืนอยู่ที่ชั้นบนสุดของบ้านของเขาและเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ในยามค่ำคืนทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น มันเป็นน้องสาวของเขา เสี่ยวรุ่ยอิง

“ว่าไง รุ่ยอิง”

“พี่ชาย ซุนยู้ ไม่คู่ควรกับความรักของพี่ อย่าติดต่อหาเธออีกต่อไป หนูจะต้องตาบอดไปแล้วแน่ๆ หนูไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอจะเป็นผู้หญิงแบบนั้น” เสี่ยวรุ่ยอิง พูดออกพร้อมกับขบฟันของเธอจนเสี่ยวหลัวแทบจะได้ยินเสียงที่เธอพูด

ถังเหริน ที่อยู่ใกล้ๆก็กระซิบจากด้านข้าง:“ภรรยาอย่าเพิ่งด่วนสรุปสิ เราอาจจะคิดผิดหรืออาจจะไม่ใช่อย่างที่เราคิดก็ได้”

“คุณหมายความว่ายังไง ทำไมมันจะไม่ใช่อย่างที่ฉันคิด? เธอไปโรงแรมกับไออ้วนที่ไม่มีคางแล้ว! คุณจะเชื่อก็ต่อเมื่อเห็นพวกเขากลิ้งไปมาบนเตียงหรือไง” เสี่ยวรุ่ยอิง กล่าว เธอไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของเธอได้และฟาดมือใส่ถังเหรินในทันที

ไปโรงแรมกับคนอื่น?

ทันใดนั้นอารมณ์ของเสี่ยวหลัวก็ลดลงจนเย็นยะเยือก เขาไม่อยากจะเชื่อและเขาก็ยอมรับไม่ได้ว่า ซุนยู้ เธอจะเป็นผู้หญิงแบบนั้น!

“แน่ใจนะ ว่าเป็นเธอ”

“หนูมั่นใจ 200% และหนูก็แอบถ่ายรูปไว้ด้วย หนูจะส่งให้พี่ดูในภายหลัง”

เสี่ยวรุ่ยอิง รู้สึกเสียใจแทนพี่ชายของเธอเป็นอย่างมาก เธอคิดว่านี่มันไม่ยุติธรรมเลย! ในขณะเดียวกันเธอก็ยังคงตำหนิตัวเองที่สนับสนุนให้พวกเขามารักกัน “พี่ชาย พี่ไม่ต้องเสียใจ เธอเป็นแค่ผู้หญิงเจ้าชู้ เธอไม่คุ้มกับความเสียใจของพี่เลยแม้แต่น้อย! มันเป็นความผิดของหนูทั้งหมดเอง หนูไม่ควรไปแนะนำพี่ให้รู้จักกับเธอเลย” เสี่ยวรุ่ยอิง พูดออกมา เธอหวังว่ามันจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาบ้าง

“เสี่ยวหลัว เกิดอะไรขึ้น?” จาง ซูซาน ถามอย่างสงสัย

เสี่ยวหลัวพยักหน้าตอบกลับอย่างรวดเร็ว“อืมเข้าใจแล้ว” จากนั้นเขาก็วางสายไป

เสี่ยวหลัวไม่อาจสงบใจลงได้เลย เขาค้นหาข้อมูลติดต่อของ ซุนยุ้ ที่อยู่ในรายชื่อผู้ติดต่อของเขาเพื่อโทรหาเธอ แต่เขาก็พบว่าโทรศัพท์มือถือของ ซุนยู้ นั้นปิดเครื่องอยู่

จากนั้นการแจ้งเตือนก็สว่างขึ้นบน WeChat ของเขา มันแจ้งเตือนว่าเขาได้รับข้อความใหม่ หลังจากที่คลิกเข้าไปที่ภาพนั้น มันก็เป็นภาพที่ เสี่ยวรุ่ยอิง บอกว่าเธอจะส่งมาให้กับเขา ภาพนี้เป็นภาพถ่ายภายนอกโรงแรม มันแสดงให้เห็นผู้ชายและผู้หญิงคู่หนึ่งที่กำลังจะเข้ามาในโรงแรม แม้ว่าจะเป็นเพียงมุมมองด้านข้าง แต่เขาก็สามารถบอกได้อย่างรวดเร็วว่าผู้หญิงคนนั้นคือ ซุนยู้ อย่างแน่นอน

เมื่อมองไปที่ภาพนั้น เสี่ยวหลัว ก็หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา เขาบีบกระป๋องเบียร์ในมือซ้ายด้วยนิ้วทั้งห้าบีบอัดจนเกิดเสียงดัง “กริ๊ก” ของเหลวที่เหลือพุ่งออกมาทางช่องเล็กๆ ที่ด้านบนของกระป๋องเบียร์และหยดลงไปทั่วพื้น

อึก

จาง ซูซาน ที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาพบว่ามันยากที่จะกลืนน้ำลายลง เขารู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นที่ไหลผ่านกระดูกสันหลังของเขาที่มันกำลังแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย บนใบหน้าของเสี่ยวหลัวมีรอยยิ้มที่เย็นชาและแข็งกระด้าง ถ้าหากรอยยิ้มนี้ของเสี่ยวหลัวสามารถฆ่าคนได้ ตอนนี้ จาง ซูซาน ก็คงจะตายไปแล้ว!

“เสี่ยวหลัว…”

“ฉันจะออกไปข้างนอกสักหน่อย!” หลังจากพูดจบเสี่ยวหลัวก็หันหลังเดินออกไปในทันที

“แกจะไปไหนเสี่ยวหลัว? เอารถฉันขับไปไหม!” จาง ซูซาน ตะโกนตามหลังเขา

“ไม่จำเป็น”

เสียงที่เต็มไปด้วยความเย็นชาของเสี่ยวหลัว ดังขึ้นขณะที่เขาเดินออกไป

เมื่อได้ยินเสียงดัง เฟิง อู๋ฮั่น และ เหล่าพี่น้องที่เหลือ ก็เดินออกมาตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อพวกเขาพบว่าเสี่ยวหลัวกำลังเดินออกไป พวกเขาก็แสดงความกังวล เฟิง อู๋ฮั่น ถามในทันทีว่า“สี่ทุ่มแล้ว พี่เสี่ยวจะไปไหน”

“มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้!”

จาง ซูซาน ถอนหายใจอย่างเป็นกังวล เฟิง อู๋ฮั่น มองไปที่ใบหน้าของ จาง ซูซาน แล้วขมวดคิ้วด้วยความกังวล เขาอดคิดไม่ได้ว่า ใบหน้าของ จาง ซูซาน นั้นดูเหมือนกับเศษผ้าเก่าๆที่ยับยู่ยี่ แต่เขาก็เก็บความคิดนั้นไว้กับตัวเอง จาง ซูซาน แตะ ไปที่ใบหน้าของตัวเองและทันใดนั้นเขาก็พูดว่า“ให้ตายเถอะ เปลือกตาของฉันมันกระตุกตลอดเวลาเลย ฉันรู้สึกเหมือนกับว่า มันกำลังจะมีบางสิ่งบางอย่างที่เลวร้าย กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้…”

“ทำไมเราไม่ติดตามพี่เสี่ยวไปดูหละ” เฟิง อุ๋ฮั่น แนะนำ

“ตามไปให้ตายหรือไง! ก่อนหน้านี้นายไม่เห็นแววตาของเขาเหรอ ราวกับว่าเขากำลังจะไปฆ่าใครบางคน ถ้าอยากไปก็ไปเอง แต่ฉันไม่ไป!” จาง ซูซาน พูด

เมื่อนึกถึงแววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารในดวงตาของเสี่ยวหลัว จาง ซูซาน ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความหนาวสั่นไปจนถึงกระดูกสันหลังของเขาอีกครั้ง เขาหันหลังกลับและเดินกลับเข้าไปในบ้านเช่า ในใจเขาภาวนาอย่างเงียบๆ หวังว่ามันจะเป็นเพียงแค่จินตนาการของเขาและไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในคืนนี้

ดวงตาสังหาร?

พี่น้องทั้งสี่ และ เฟิง อู๋ฮั่น มองหน้ากัน ทันใดนั้นพวกเขาก็นึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโกดังเก่าที่ท่าเรือเจียงเฉิง ในตอนนั้นสมาชิกของแก๊งมังกรถูกหั่นออกไปทีละชั้นเหมือนกับผัก และทั่วทั้งตัวของเสี่ยวหลัวก็เปื้อนไปด้วยเลือดราวกับเทพสังหารที่กระหายเลือดที่โหดร้ายและน่ากลัว!

เมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้นทั้งห้าคนตัวสั่นเทา และ ล้มเลิกคิดที่จะตามไปในทันที

……

เสี่ยวหลัวเรียกแท็กซี่และมุ่งหน้าไปยังโรงแรมที่อยู่ในภาพในทันที

เสี่ยวหลัวพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสงบสติอารมณ์ แต่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนเขาก็พบว่ามันยากที่จะควบคุมความอารมณ์ความขมขื่นและความโกรธที่กำลังเพิ่มขึ้นของเขา มันเหมือนกับว่าเขากำลังอยู่ท่ามกลางลมพายุหมุนแห่งความโกลาหล ที่กำลังพัดอยู่รอบตัวของเขา และมันก็ยากยิ่งขึ้นเรื่อยๆที่จะควบคุม ตอนนี้เสี่ยวหลัวมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะทุบโลกให้แหลกสลายด้วยหมัดเดียว

“เร็วเข้า!”

“พี่ใหญ่นี่ก็เร็วที่สุดเท่าที่จะไปได้แล้ว ถ้าเร็วไปกว่านี้ผมคงจะได้รับใบสั่งส่งตรงถึงบ้านแน่ๆ” คนขับรถแท็กซี่ กล่าวขณะที่เขามองผ่านกระจกมองหลัง

เสี่ยวหลัว มองผ่านคำพูดของคนขับรถ จากนั้น เสี่ยวหลัว ก็ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่ข่มขู่:“ฉันอยากให้คุณขับรถเร็วขึ้น!”

น้ำเสียงที่โกรธเกรี้ยว มันทำให้คนขับแท็กซี่ไม่อาจที่จะฝ่าฝืนได้

คนขับรถแท็กซี่ตกใจมากและเพิ่มความเร็วขึ้นในทันที เขากำลังตกอยู่ในความหวาดกลัวและเขาก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ว่า เขากำลังขับรถอยู่กับอาชญากรที่อันตรายหรือไม่ ด้วยความคิดของเขาที่กำลังสับสนวุ่นวาย เขาจึงคิดที่จะโทรแจ้งตำรวจ แต่ต่อมาความคิดนั้นก็สลายหายไป เมื่อเขาเห็นว่าเสี่ยวหลัวนั้นแต่งตัวดูดีและไม่ได้ดูเหมือนกับพวกนักเลงที่โหดเหี้ยม เขาจึงค่อยๆนำมือออกจากปุ่มฉุกเฉินที่ติดตั้งบนแดชบอร์ด

เขาถามว่า:“พี่ชายมีอะไรเร่งด่วนเกิดขึ้นงั้นเหรอ”

เสี่ยวหลัวยังคงเงียบและไม่พูดอะไร

คนขับแท็กซี่ยังคงตั้งคำถามต่อไปว่า“พี่ชายบนโลกนี้อุปสรรคทุกอย่าง นั้นสามารถที่จะเอาชนะได้ ใจเย็นๆกันก่อนดีกว่า เมื่อคุณอายุมากขึ้นคุณก็จะตระหนักถึงสิ่งต่างๆขึ้นอีกมากมาย ‘ผู้คนร้องไห้เมื่อพวกเขาเมาและร้องไห้อีกครั้งเมื่อพวกเขาจากไป’ เมื่อพวกเราจากไปพวกเราก็จะหวนคืนกลับไปเป็นฝุ่น พี่ชายผ่อนคลายเข้าไว้!”

เสี่ยวหลัวยังคงไม่ได้พูดอะไร

เมื่อมาถึงทางแยกสัญญาณไฟจราจรก็เปลี่ยนไปเป็นสีแดง คนขับรถแท็กซี่หยุดรถในทันที

“ขับฝ่าไป!” เสี่ยวหลัว พูดอย่างเย็นชา

คำพูดนี้มันทำให้คนขับรถตกใจมาก เขาหันกลับมาถามในทันทีว่า:“พี่ชายตอนนี้เป็นไฟแดงแล้ว!”

“ฉันอยากให้คุณขับรถต่อไป!”

น้ำเสียงของ เสี่ยวหลัว เต็มไปด้วยการคุกคาม

ในตอนนี้คนขับแท็กซี่แน่ใจแล้วว่า เขาได้เผชิญหน้ากับอาชญากรเข้าแล้ว เขาสบตากับเสี่ยวหลัวที่จ้องมองด้วยสายตาที่เย็นชาราวกับน้ำแข็ง เขามีความรู้สึกอย่างมากว่า ถ้าเขาไม่ทำตามคำสั่งของเสี่ยวหลัว เขาจะตายตรงนี้เลยในทันที เขากัดฟันเข้าเกียร์และเหยียบคันเร่งพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วในทันที

การขับรถที่อันตรายของรถแท็กซี่ มันทำให้รถคันอื่นๆที่ปฏิบัติตามกฎจราจรโกรธ รถคันคื่นๆลดกระจกลงมาด่าในทันที

“ฉันรู้หมายเลขป้ายทะเบียนของคุณ ดังนั้นถ้าหากว่าคุณไม่ต้องการสร้างปัญหาหละก็ ให้ละมือออกจากปุ่มฉุกเฉินซะ!”

การกระทำของคนขับแท็กซี่ ไม่ได้รอดพ้นสายตาของเสี่ยวหลัว คำพูดเหล่านี้มันทำให้คนขับแท็กซี่เกิดความกลัว และเขาก็ละมือออกมาในทันทีราวกับว่ามีกระแสไฟฟ้าช็อต

“พี่ชาย การเป็นคนขับแท็กซี่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่คุณ…คุณกำลังทำให้เรื่องมันยากสำหรับฉัน…” คนขับแท็กซี่ กล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้า

“เรามาจากฝุ่นและเราก็จะกลับไปเป็นฝุ่น ผ่อนคลายเข้าไว้!” เสี่ยวหลัว กล่าวเบาๆ

คนขับแท็กซี่อยากจะร้องให้ เขาพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยความปรารถนาดี แต่แน่นอนว่า เขาไม่ได้ตั้งใจ ที่จะใช้พวกมันกับตัวเองในคืนนี้

หนึ่งชั่วโมงต่อมาก่อนที่จะมาถึงจุดหมายปลายทาง คนขับแท็กซี่ก็ได้เตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้นแล้ว ความตายไม่ได้ดูเป็นเรื่องเลวร้ายเช่นนั้น จำนวนไฟจราจรสีแดงที่เขาฝ่า นั้นไม่สามารถนับได้ด้วยนิ้วมือทั้งสิบได้อีกต่อไป เขาคิดว่าเขาจะต้องไปสอบใบขับขี่ใหม่อย่างแน่นอน และที่ยิ่งไปกว่านั้น เขาจะต้องจ่ายค่าปรับในจำนวนมาก สำหรับความผิดเหล่านี้ ดูเหมือนว่าเขาจะต้องกลับไปใช้ชีวิตที่เป็นหนี้อีกครั้งแล้ว

ทันใดนั้นเองโทรศัพท์ของเสี่ยวหลัวก็ดังขึ้น

เขาหยิบมันออกมาและเขาก็เห็นชื่อของ ซุนยู้

ในขณะนี้อารมณ์ของเสี่ยวหลัวนั้นไม่สามารถพูดได้ว่า มันซับซ้อนแค่ไหน มันราวกับว่ามีน้ำท่วมที่ไม่พบช่องระบาย และทุกอย่างมันก็ดูอัดอั้นไปหมดอยากที่จะระเบิดออกมา อย่างไรก็ตามเขาก็ยับยั้งตัวเองให้สงบลง และรับสายโทรศัพท์