ซุนยู้ สวมเสื้อฮู้ดสีแดงและนั่งอยู่ที่ด้านบนดาดฟ้าของโรงแรม เธอมองออกไปที่ทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเมืองที่มีแสงไฟสลัวอยู่ข้างใต้

ในตอนกลางคืนที่อากาศหนาวและลมพัดแรง แต่เธอก็ไม่รู้สึกหนาวแต่อย่างใด บางทีหัวใจของเธอนั้นอาจะแข็งตัวไปแล้วก็ได้ น้ำตาไหลรินออกมาจากหางตาของเธอ และไหลลงมาที่ใบหน้าอันบอบบางของเธอ

เธอนั่งพิงกำแพงและกอดเข่า ขณะที่ถือโทรศัพท์แนบหูข้างขวาเพื่อรอการรับสาย เธอสะอื้นไห้ออกมาอย่างเงียบๆ เหมือนกับเด็กที่กำลังหลงทาง

เมื่อเสี่ยวหลัวรับโทรศัพท์ เขาก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของเธอ ความโกรธของเขาและถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกเป็นกังวลในทันที

เสี่ยวหลัวถามในทันทีว่า“คุณเป็นอะไร?”

ซุนยู้ พูดออกมาพร้อมกับสะอื้นไห้“พี่ชายเสี่ยวหลัว ในวันนั้นเมื่อคุณประกาศกับทุกคนว่าฉันเป็นผู้หญิงของคุณ ฉันอยากจะพูดออกไปเสียงดังๆ ว่า ฉันก็ชอบคุณเหมือนกัน เมื่อเราพบกันในครั้งแรก ฉันก็ได้ตกหลุมรักคุณไปแล้ว ฉันชอบคุณมาก ฉันชอบรอยยิ้มที่เรียบง่ายของคุณ ฉันชอบมองคุณและฉันก็ชอบเวลาที่ได้ใช้ร่วมกันกับคุณ”

เธอร้องไห้และหัวเราะออกมาพร้อมกัน เสียงที่เศร้าโศกของเธอมันสัมผัสได้ถึงความอ้างว้าง

“ฉันหวังว่าในช่วงเวลาที่เราได้กินมันเผาด้วยกันในคืนนั้น มันจะคงอยู่อย่างนั้นตลอดไป คุณบอกกับฉันว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดนั้นเป็นช่วงเวลาตอนที่ยังเป็นเด็กคุณจำได้ไหม? เมื่อตอนที่เรายังเป็นเด็ก ฉันก็จะไม่ต้องกังวลและมีความทุกข์ หาปลาในแม่ลำธาร พับเครื่องบินกระดาษและเล่นในโคลน ตอนนั้นฉันมีความสุขมาก และในตอนนี้ฉันก็ยังคงจำเพลงกล่อมเด็กได้อยู่เลย พี่เสี่ยวหลัวให้ฉันร้องเพลงนี้ให้กับพี่ฟังได้ไหม?”

ก่อนที่เสี่ยวหลัวจะทันได้ตอบ เธอก็เริ่มร้องเพลงออกมาเบาๆ ด้วยเสียงอันไพเราะของเธอ

“คุณปรบมือหนึ่งครั้ง ฉันปรบมือหนึ่งเพื่ออาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าบ่อยๆ คุณปรบมือสองครั้งฉันปรบมือสองครั้งอย่าลืมนำผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดหน้าทุกวัน คุณปรบมือสามครั้ง ฉันปรบมือสามครั้งอย่าเล่นน้ำลาย คุณปรบมือสี่ครั้งฉันปรบมือสี่ครั้งฆ่าแมลงวันและยุง คุณปรบมือห้าครั้ง ฉันปรบมือห้าครั้งกำจัดแมงมุมและหนู…”

ในขณะที่เธอร้องเพลงน้ำตาของเธอก็เริ่มไหลรินลงมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ น้ำตามันทำให้การมองเห็นของเธอเริ่มพร่ามัว เธอรู้สึกได้ถึงความว่างเปล่าในตัวเอง เธอโหยหาสถานที่ที่เธอจะต้องการจะอยู่…

ตอนนี้เสี่ยวหลัวมาถึงที่ทางเข้าโรงแรมแล้ว ทันทีที่รถแท็กซี่จอดลง เสี่ยวหลัวก็ผลักประตูรถให้เปิดออกในทันทีและรีบวิ่งออกไป จากนั้นเสี่ยวหลัวก็ตะโกนใส่โทรศัพท์อย่างเป็นกังวล พร้อมกับถามว่า: “คุณอยู่ที่ไหน!”

“ฉันอยู่ที่บ้าน!”

ซุนยู้ ยิ้มอย่างอาลัยอาวรณ์แล้วนำโทรศัพท์มือถือของเธอเข้ามาใกล้ๆที่ริมฝีปากของเธอ “พี่เสี่ยวหลัว ฉันอยากจะบอกกับพี่มาตลอดว่าจริงๆแล้ว ฉันรักพี่ … ”

“บี๊บ…บี๊บ…บี๊บ…”

เสียงของสัญญาณโทรศัพท์ที่ขาดหายดังขึ้นมาในทันที เมื่อได้ยินเสียงนี้ หัวใจของเสี่ยวหลัวก็เต็มไปความตื่นตระหนกอย่างฉับพลัน

ในตอนนั้นเองมันก็มีความวุ่นวายเกิดขึ้นจากผู้คนบนถนน

“เฮ้ดูสิ! มีคนกำลังจะกระโดดลงมาจากด้านบนชั้นดาดฟ้า!” เสียงร้องแหลมและเสียงกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนกดังมาจากทุกทิศทาง

เสี่ยวหลัวหันไปมองตามที่ผู้คนกำลังมองดูอยู่อย่างรวดเร็ว เขาเพ่งสายตาไปที่นั่นและที่นั่นเขาก็ได้เห็นร่างเล็กๆ ในเสื้อฮู้ดสีแดงที่กำลังจะกระโดดลงมาจากบนดาดฟ้าของโรงแรม จากนั้นร่างของเธอก็กระโดดลงมาจากชั้นดาดฟ้าของโรงแรมเหมือนกับดอกกุหลาบสีแดงเพลิงและดิ่งลงสู่พื้นด้วยความเร็วที่น่าตกใจ

ซุนยู้!

เสี่ยวหลัวตะโกนเรียกออกไปตามสัญชาตญาณ เสี่ยวหลัว รู้ว่านั่นคือ ซุนยู้ แม้ว่าเขาจะไม่เห็นหน้าของเธอก็ตาม

เขาไม่มีเวลาที่จะมาลังเลเลยแม้แต่วินาทีเดียว นี่มันเป็นเรื่องของชีวิตและความตาย!

ในพริบตาเสี่ยวหลัวก็วิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็วอย่างกับเสือชีตาห์ แล้วยึดเท้าอยู่กับที่อย่างมั่นคง จากนั้นเขาก็งอขาที่แข็งแกร่งของเขา และกระโดดสูงขึ้นเข้าไปหาร่างของซุนยู้ที่กำลังร่วงลงมาใกล้จะถึงพื้น เสี่ยวหลัวเหยียดแขนของเขาไปหาเธอและดึงเธอเข้ามาหาเขา ในขณะที่พวกเขาลอยอยู่กลางอากาศ อย่างไรก็ตามด้วยโมเมนตัมที่ตกลงมาของซุนยู้นั้นมันรวดเร็วและรุนแรงเกินไป ความแข็งแกร่งของราชาทหารรับนั้นไม่เพียงพอ มันจึงทำให้เขาเสียสมดุลในทันทีและร่วงตงลงมาจากกลางอากาศอย่างรุนแรง

“คลิ๊ก ~” เสียงของกระดูกแขนทั้งสองข้างที่เคลื่อนมันดังส่งออกมาจากแขนทั้งสองข้าง ส่งตรงเข้าสู่สมองในทันที ทันใดนั้นความเจ็บปวดจากแขนทั้งสองข้างก็ตามมาอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้เสี่ยวหลัวแทบจะไม่รู้สึกถึงแขนทั้งสองข้างของเขาอยู่แล้ว

ร่างของซุนยู้ ร่วงลงมาอยู่ไม่ไกลไปจากเขาเท่าไหร่นัก เธอนอนนิ่งหมดสติอยู่ที่พื้นถนนที่เย็นเยียบ เลือดสีแดงสดมันค่อยๆไหลออกมาจากร่างกายของเธอและย้อมพื้นโดยรอบทั้งหมดให้เป็นสีแดงฉาดอย่างรวดเร็ว

เสี่ยวหลัวรีบลุกขึ้น และวิ่งไปหาเธอด้วยความกังวลในทันที ตอนนี้เขาไม่ได้ใส่ใจกับ.ความเจ็บปวดที่แขนทั้งสองข้างของเขาเลยแม้แต่น้อย เขารีบอุ้มเธอขึ้นมาและรีบวิ่งกลับไปที่รถแท็กซี่ที่เขานั่งมาอย่างรวดเร็ว

เมื่อมองเห็นร่างของซุนยู้ ที่เต็มไปด้วยเลือด คนขับรถแท็กซี่ก็หน้าซีดเผือดด้วยความกลัวในทันที: “นี่คือ … เพื่อนของคุณเหรอ?”

“ออกรถ!”

เสี่ยวหลัวไม่สามารถสงบสติอารมณ์ของตัวเองได้เลย เขาคำรามใส่คนขับรถเพื่อให้คนขับรีบขับรถออกไป

ไม่รอช้า คนขับรถรีบคาดเข็มขัดนิรภัยและขับรถตรงไปที่โรงพยาบาลในทันที และแล้วพวกเขาก็มาถึงโรงพยาบาลภายในไม่กี่นาที

……

กลิ่นของน้ำยาฆ่าเชื้อลอยคละคลุ้งไปทั่วอากาศในโรงพยาบาล

เสี่ยวหลัวนั่งอยู่ที่ด้านนอกห้องฉุกเฉิน และจ้องมองไปที่คราบเลือดที่ยังไม่แห้งจากการบาดเจ็บของซุนยู้ ซึ่งมันยังคงมองเห็นได้บนพื้น เสี่ยวหลัวจัดกระดูกแขนซ้ายของตัวเองให้เข้าที่ ตราบใดที่เขาไม่ออกแรงมันก็คงจะไม่เป็นไร พักผ่อนเพียงไม่กี่วันก็หาย

คิ้วของเขาขมวดมุ่นและสมองของเขาก็ทำงานอย่างรวดเร็วในทันที

เสี่ยวหลัวนึกถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ตั้งแต่คำเตือนของ หู่ ซัวหรง ไปจนถึงการปฏิเสธของ ซุนยู้…ทุกอย่างมันแสดงให้เห็นว่ามันมีเรื่องราวอะไรบางอย่างที่ไม่อาจแก้ไขได้ของซุนยู้ แต่มันเป็นเรื่องราวแบบไหนกัน ที่ทำให้เด็กผู้หญิงคนหนึ่งหมดกำลังใจที่จะอยู่ต่อบนโลก และเลือกที่จะกระโดดลงมาจากบนชั้นดาดฟ้าเพื่อจบชีวิตของตัวเอง?

เสี่ยวหลัว ไม่เข้าใจ แต่เขารู้ว่า หู่ ซัวหรง น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

“พี่ชาย!”

หลังจากได้รับข่าว เสี่ยวรุ่ยอิง และ ถังเหริน ก็รีบวิ่งมาในทันทีพร้อมกับหอบหายใจอย่างหนัก

“พี่ชายเกิดอะไรขึ้น ยู้ยู้ทำไมเธอถึงได้กระโดดลงมาจากชั้นดาดฟ้าได้?” เสี่ยวรุ่ยอิง ถามอย่างกระวนกระวาย

เสี่ยวหลัว ไม่ได้ตอบเธอ แต่เขาพูดออกคำสั่งแทน “โทรหา หู่ ซัวหรง!”

แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันมีอะไรเกิดขึ้น แต่ถังเหรินก็ยังคงตอบรับในทันทีว่า “ผมจะโทรหาเธอ”

จากนั้น ถังเหริน ก็เดินออกไปโทรศัพท์ในทันที

“มันเกิดอะไรขึ้น เรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง… ”

เสี่ยวรุ่ยอิง มองไปที่ประตูห้องฉุกเฉินที่ปิดอยู่และพึมพำกับตัวเอง จิตใจของเธอเต็มไปด้วยความสับสน

……

สถานที่ที่ซุนยู้ กระโดดได้ถูกปิดล้อมโดยตำรวจ

“หัวหน้า กู่ ตามคำให้การของคนขับรถแท็กซี่ หญิงสาวที่กระโดดลงมาจากตึก ได้ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษาแล้ว นอกจากนี้เขาให้การว่า มีผู้โดยสารชายแปลกหน้าคนหนึ่งได้โบกมือเรียกเขาจากหมู่บ้านกงในเขตไท่เหอ จุดหมายปลายทางของผู้โดยสารชายคนนั้นก็คือโรงแรมแห่งนี้ และนอกจากนี้ผู้โดยสารชายคนดังกล่าวก็ยังบอกให้เขาขับรถเร็วขึ้น และยังขู่ให้เขาขับฝ่าไฟแดงอีก ดูเหมือนว่าเขาจะรู้ว่าหญิงสาวคนนั้นกำลังจะกระโดดลงมาจากตึก และผู้โดยสารชายคนนั้นก็ได้ถูกนำตัวส่งไปที่โรงพยาบาลด้วยเช่นกัน”

เจ้าหน้าที่ หวัง ฮันเหียน รายงานสถานการณ์ต่อ กู่ กุ้ยหลิน

“หมู่บ้านกง เขตไท่เหอ งั้นเหรอ?”

คิ้วสีดำของ กู่ กุ้ยหลิน ขมวดเข้าด้วยกันแน่น เธอค่อนข้างจะอ่อนไหวกับชื่อของสถานที่นี้ เพราะว่าเสี่ยวหลัวที่เป็นผู้ต้องสงสัยคนสำคัญของเธออาศัยอยู่ที่นั่น เธอมองขึ้นไปที่โรงแรมซึ่งมันมีความสูงมากกว่าสิบชั้น และคิดว่าถ้าเธอกระโดดลงมาจากบนชั้นดาดฟ้าและตกลงไปที่พื้น มันจะยังเป็นไปได้ไหมที่จะช่วยเธอทัน?

“ได้ตรวจสอบตัวตนของคนที่กระโดดแล้วหรือยัง”

“เธอชื่อ ซุนยู้ เป็นแขกของโรงแรมแห่งนี้”

หวัง ฮันเหียน พยักหน้าและตอบว่า“เธอเป็นพยาบาลของโรงพยาบาลของประชาชน และนอกจากนี้เรายังพบร่องรอยของของยาไอซ์และยาอื่นๆอีกที่หลงเหลืออยู่ในห้องที่เธอพัก”

“ยาไอซ์และยาอื่นๆ?”

กู่ กุ้ยหลิน ขมวดคิ้ว ยาเสพติดเป็นเป้าหมายในการปราบปรามของประเทศนี้มาโดยตลอด เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายทุกคนรู้สึกไวต่อคำพูดเหล่านี้มาก

“ใช่แล้ว!”

หวัง ฮันเหียน พูดต่อว่า“ยังมีชายวัยกลางคนที่เข้ามาในห้องกับเธออีก ทีมสืบสวนกำลังค้นหาข้อมูลของเขา ตามที่ได้เห็นในวิดีโอของกล้องวงจรปิด ผมเชื่อว่าผลจะออกมาในอีกไม่ช้า จากหลักฐานที่พบอยู่ในห้อง ชายคนั้นน่าจะมีเพศสัมพันธ์กับหญิงสาวในห้อง และผู้หญิงที่กระโดดลงมาจากตึกก็มีแนวโน้มที่จะแลกร่างกายของเธอกับยาไอซ์และยาเสพติดอื่นๆเพื่อเสพจากชายวัยกลางคนคนนั้น”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ กู่ กุ้ยหลิน ซึ่งคุ้นเคยกับคดีในลักษณะเดียวกันนี้ จึงสันนิษฐานสาเหตุของการฆ่าตัวตายของหญิงสาวที่กระโดดลงมาจากอาคารได้ในทันที

หญิงสาวคนนั้นต้องติดยาแน่ๆ และคนที่ติดยานั้นก็ดูเหมือนกับคนปกติ แต่เมื่อความอยากเสพยาเริ่มเข้ามา พวกเขาก็จะทรมานจรแทบจะทนไม่ได้ เพื่อสนองความต้องการของพวกเขา พวกเขาไม่เพียงแต่จะขายร่างกายเท่านั้น แต่พวกเขาก็ยังไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยที่จะหักแขนตัวเองเพื่อแลกกับยาเสพติด

อะไรทำให้เธอตัดสินใจที่จะฆ่าตัวตาย?!

สิ่งนี้มันแสดงให้เห็นว่าหญิงสาวที่สิ้นหวังคนนี้ตัดสิ้นใจที่จะเลิกยาให้ได้ แต่น่าเสียดายที่ทุกครั้งที่ความอยากยามา เธอก็จะจมดิ่งลงไปอีกครั้ง การจมดิ่งลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า มันนำมาซึ่งความรู้สึกผิดและความอับอายมากขึ้นเรื่อยๆ

ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน เธอก็ไม่สามารถที่จะหลุดพ้นจากมันได

และนั่นมันก็น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอตัดสินใจที่จะจบชีวิตของตัวเอง

นัยน์ดวงตาของ กู่ กุ้ยหลิน เปลี่ยนไปเป็นสีแดงเล็กน้อย เธอรู้ดีถึงการต่อสู้และความสิ้นหวังของหญิงสาวคนนี้ที่จะต้องพบเจอ