ตอนที่ 387 เพราะใบหน้างาม

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

กระบี่เล่มนี้ที่ได้รวบรวมพลังของระดับราชาเอาไว้ทั้งหมดนั้นน่ากลัวเป็นอย่างมาก กระบี่นี้เพียงแค่อาศัยพลังเล็กน้อยของจอมภูตระดับล่างก็สามารถทำให้ผู้ที่โดนโจมตีนั้นบาดเจ็บสาหัสจนถึงขั้นตายได้ นับประสาอะไรกับพลังของระดับราชาแห่งภูต

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของนาง มู่เฉียนซีกลับไม่หลบหลีกแต่อย่างใด ในพริบตานั้น พลังที่น่ากลัวพลังหนึ่งบีบกดไปทางอวิ๋นฮุ่ย

“ทักษะซวนตี้!”

มู่เฉียนซีที่ได้ฝึกทักษะซวนตี้จนถึงขั้นสมบูรณ์นั้น จะเอาชนะปรมาจารย์ภูตระดับเก้าจอมปลอมเป็นเรื่องง่ายดั่งพลิกฝ่ามือ

พลังอันน่าสะพรึงกลัวทําให้อวิ๋นฮุ่ยล้มลงกับพื้น ซ้ำร้ายร่างนางยังตกกระแทกจนพื้นกลายเป็นหลุมลึก  ทั้งตัวของนางนั้นมีจุดที่กระดูกแตกไปแล้วไม่รู้กี่ท่อน อวิ๋นฮุ่ยเจ็บปวดสุดทนจนสลบไปเสียตั้งแต่แรกแล้ว

ทว่ามู่เฉียนซีนั้นรู้จักความพอประมาณ จึงไม่ได้ทำให้อวิ๋นฮุ่ยถึงแก่ความตาย  ถ้าหากว่าอวิ๋นฮุ่ยตายไป องค์รักษ์รอบตัวนางเหล่านี้คงได้ลงมือกับนางอย่างแน่นอน

มู่เฉียนซีใช้โอกาสที่องครักษ์ของอวิ๋นฮุ่ยไม่ปกป้องนาง ลงมือกับนางอย่างไร้ยางอาย แต่ทว่าเหล่าองค์รักษ์พวกนี้ก็ได้ถูกทักษะซวนตี้ทำให้ตกตะลึงไปแล้ว

องครักษ์ผู้หนึ่งเปิดปากกล่าวขึ้น “แม่นาง ขอเชิญเจ้าไปพบกับเจ้าสำนักของเรา”

ทั้งทวีปเซี่ยโจว กระบวนท่าที่สามารถทำให้คนผู้หนึ่งข้ามขั้นไปได้หลายขั้นนั้นมีน้อยมากจริง ๆ แต่นางกลับมีอยู่ถึงสองกระบวนท่า

มู่ฉียนซีส่ายหน้า “ถ้าหากข้าบอกว่าไม่ไป เจ้าจะว่าอย่างไร ?”

“เช่นนั้นก็จงอย่าได้โทษพวกเรา…”

พวกเขายังไม่ทันกล่าวจบ เงาร่างสีม่วงของมู่เฉียนซีก็อันตรธานหายวับไปเสียแล้ว  จุดประสงค์ของนางคือหม้อเทพนิรันดร์ นางนั้นไม่ได้อยากที่จะมาเปลืองกำลังมากมายกับคนระดับจักรพรรดิเหล่านี้

เดิมทีพวกเขาคิดจะตามไป แต่เวลานี้อวิ๋นฮุ่ยได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก พวกเขาไม่สามารถปล่อยอวิ๋นฮุ่ยไว้ที่นี่ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ไล่ล่ามู่เฉียนซีไป ทำได้แต่เพียงปล่อยให้นางวิ่งหนีไปต่อหน้าต่อตา

อย่างไรเสียคงได้พบเจอกันอีก  คุณหนูรองรู้จักกับสตรีผู้นั้น อย่างไรเสียคงหนีกันไม่พ้น

มู่เฉียนซีซัดอวิ๋นฮุ่ยไปอย่างหนักหน่วงอยู่หลายที จึงรู้สึกสบายอารมณ์ขึ้นมาไม่น้อย จากนั้นนางเริ่มหาเบาะแสของหม้อเทพนิรันดร์

เท้านางเหยียบย่ำเดินอยู่บนพื้นหญ้า แต่ทว่าพื้นหญ้าดูราวกับว่าจะมีชีวิตชีวาขึ้นมา มันไหวปลิวพร้อมไล่ตามมู่เฉียนซีอย่างบ้าคลั่ง

— บึ้ม! —

กระบี่มังกรเพลิงกวาดผ่านใต้ฝ่าเท้าของมู่เฉียนซี ทำให้นางหลุดพ้นจากพันธนาการของหญ้ายาวเหล่านี้

เมื่อนางเดินหน้าต่อไป หญ้าเหล่านี้กลับยิ่งบ้าคลั่งขึ้นกว่าเดิม กระบี่มังกระเพลิงหั่นตัดหญ้ายาวเหล่านี้อย่างไม่หยุดหย่อน ผืนหญ้าที่รอบข้างดูเหมือนจะขยายตัวใหญ่ขึ้น หากเป็นเช่นนี้ต่อไปจะยุ่งยากเป็นอย่างมาก

ไม่ว่าจะวางการทดสอบไว้แบบใด อย่างไรเสียก็ต้องมีวิธีทางที่จะฟันฝ่ามันไปได้

พลังจิตของมู่เฉียนซีนั้นขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งครอบคลุมไปทั้งผืนหญ้าแห่งนี้ ทันใดนั้นพลันปรากฏถนนที่ดูชัดเจนขึ้นในหัวของมู่เฉียนซี  นางนั้นรู้ชัดเจนแล้วว่าที่ตรงไหนทที่จะไม่มีการเคลื่อนไหวอันประหลาดนี้เกิดขึ้น

เท้าของมู่เฉียนซีเหยียบเดินไปบนที่ที่นางตั้งใจเอาไว้ และหญ้าในที่แห่งนี้ก็ไม่ได้โจมตีนางเหมือนดั่งที่นางคิดเอาไว้ไม่มีผิด  นางจึงรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อนางออกมาจากพื้นหญ้าที่เกรี้ยวกราดแห่งนั้นเรียบร้อยแล้ว ก็ได้ยินเสียงที่สง่างามเสียงหนึ่งลอยมา

“สาวน้อย เจ้าทําได้ดี ข้าพอใจเจ้าเป็นอย่างมาก เพียงไม่นานก็สามารถมองทะลุได้ทั้งหมด”

มู่เฉียนซีกล่าวถามขึ้น “หม้อเทพนิรันดร์ เจ้าอยู่ที่ไหนกันแน่ ?”

“สาวน้อย อย่างเพิ่งรีบร้อนกระโดดเข้าสู่อ้อมกอดของข้าเลย ข้ายังต้องปลูกฝังความรู้สึกของเจ้าอีกสักหน่อย เจ้าถึงจะสามารถครอบครองข้าได้  แต่ข้ารับรองได้เลยว่านอกจากเจ้า คนอื่น ๆ ที่เข้ามาในที่แห่งนี้ไม่มีสิทธิ์เลยแม้เพียงนิด”

มู่เฉียนซีกล่าวถามอีก “ที่เจ้ากล่าวมาเมื่อครู่นี้ จริงรึ ?”

“ใช่แล้ว พวกเขานั้นงดงามไม่เท่าเจ้าเลยแม่สาวน้อย ดังนั้นแล้วข้าจะเป็นของเจ้า เจ้าจงรอที่จะมีข้าเถอะ”

ใบหน้าของมู่เฉียนซีหม่นคล้ำ เพราะว่านางนั้นงดงาม หม้อเทพนิรันดร์จึงเลือกนาง  เจ้าหม้อนี้เข้าใจอะไรผิดไปหรือไม่ ?! มันควรจริงจังกว่านี้มิได้หรืออย่างไร ?

มู่เฉียนซีถามขึ้น “ต่อไปเจ้ามีกระบวนท่าใดที่จะใช้อีก ?”

“เจ้าแค่รอก่อนก็พอแล้ว”

ทิ้งไว้เพียงคำกล่าวประโยคนั้น แล้วเงาร่างของมันก็ได้หายวับไป มู่เฉียนซีถอนหายใจเอือมระอา นางทำได้เพียงรอโชคชะตา ทว่าในเมื่อหม้อเทพนิรันดร์กล่าวออกมาแล้วว่าคนผู้อื่นนั้นไม่มีคุณสมบัติ เช่นนั้นแล้วนางก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีผู้ใดมาแย่งมันไป

ขอเพียงแต่ให้นางหามันพบไว ๆ และให้มันยอมรับนางก็เพียงพอ

— ตูม!  ตูม!  ตูม! —

มีเสียงการต่อสู้ดังขึ้นและกลิ่นคาวเลือดลอยมาจากด้านหน้า

เมื่อมู่เฉียนซีมองไปก็เห็นว่าเป็นคนที่คุ้นเคย นั่นคือผู้ที่เคยได้พบกันในตอนแรกของหอการค้าอันดับหนึ่ง คราวนี้พวกเขานั้นค่อนข้างแย่ เมื่อไม่มีการช่วยเหลือจากนางในมุมมืด พวกเขาได้พบเข้ากับผู้อาวุโสเสียแล้ว

ศัตรูของศัตรูนั้นคือมิตร มู่เฉียนซีตัดสินใจลงมือ!

“เสี่ยวหง อู๋ตี้ จัดการ!”

“อู๋ตี้ผู้ไร้เทียมทานหนึ่งเดียวในใต้หล้า มาแล้ว!” อู๋ตี้แปลงเป็นร่างยักษ์ภายในเวลาพริบตาและพุ่งกระโจนเข้าไป

มันเหมือนกับนายท่านของตนเองไม่มีผิด มันเกลียดคนของสำนักอวิ๋นเยียนขนานหนัก เจอหนึ่งคนเป็นต้องฆ่าทิ้งหนึ่งคน

“เพลิงเผาสวรรค์!”

กลิ่นอายของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามสองตัวทำให้สีหน้าของผู้อาวุโสเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก หากมีเพียงเขาที่เป็นจักรพรรดิระดับเก้า คงเอาสัตว์สักดิ์สิทธิ์สองตัวไม่อยู่เป็นแน่

เขากล่าวขึ้น “รีบไป!”

พวกเขาสามารถละเว้นที่จะไม่ฆ่าคนของหอการค้าอันดับหนึ่งได้ แต่ถ้าหากว่าพวกเขาไปรับมือกับสัตว์ศักดิ์สิทธ์สองตัวนี้แล้วได้รับบาดเจ็บสาหัส ก็จะได้ไม่คุ้มเสีย …พวกเขาต้องเก็บแรงเอาไว้แย่งชิงสมบัติล้ำค่านั้น

คนของสำนักอวิ๋นเยียนตกใจกลัวจนหนีไปแล้ว มู่เฉียนซีจึงได้เดินเข้าไปกล่าวขึ้น “พวกเจ้าไม่เป็นไรแล้ว”

ขณะเดียวกันอู๋ตี้ก็กลับมาเป็นลูกแมวน้อยดังเดิม มันเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของมู่เฉียนซี ส่วนเสี่ยวหงนั้น เมื่อเสร็จงานแล้วก็กลับไปนอนหลับ

เมื่อเห็นหญิงสาวในชุดสีม่วง หวงฝูอวี้ก็ตกตะลึงอยู่บ้าง เขากล่าวขึ้น “เป็นเจ้า!”

“ขอบคุณแม่นางที่ช่วยเหลือ”

นางนั้นมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามอยู่ถึงสองตัว ไม่แปลกที่จะปรากฏตัวกลางสถานที่โบราณแห่งนี้เพียงคนเดียว

มู่เฉียนซี “พวกเจ้าต้องรักษาอาการบาดเจ็บเสียก่อน”

“ใช่ ๆ รีบรักษาอาการบาดเจ็บเร็วเข้า”

มู่เฉียนซีพบว่าเม็ดยาที่พวกเขาหยิบออกมานั้น เป็นยาที่นางหลอม

หอหมอปีศาจยังไม่ได้เปิดกิจการที่ภาคกลางของทวีปเซี่ยโจว และพวกเขาเป็นคนของหอการค้าอันดับหนึ่ง ยาพวกนี้มีความเป็นไปได้สูงว่าพวกเขาได้มันมาจากนายน้อยน่าหลานอวี้แห่งหอการค้าอันดับหนึ่ง

หวงฝูอวี้กล่าว “แม่นาง วันนี้ข้าหวงฝูอวี้ติดหนี้บุญคุณท่านหนึ่งบุญคุณ”

หวงฝูอวี้เป็นน้องชายบุญธรรมของประธานแห่งหอการค้าอันดับหนึ่ง—น่าหลานเฮา เขาเป็นนายท่านที่สองแห่งหอการค้าอันดับหนึ่ง เดิมทีเขาคิดว่าเมื่อบอกชื่อของเขาไปแล้วนั้น สตรีผู้มีอาการสงบเยือกเย็นตรงหน้าจะต้องตกตะลึง ไม่นึกเลยว่าใบหน้าของนางจะยังคงนิ่งสงบเช่นเดิม

มู่เฉียนซีตอบกลับไป “ในเมื่อเจ้าติดหนี้บุญคุณข้า ข้าก็จะให้ใช้คืนในตอนนี้เลย”

หวงฝูอวี้รู้สึกประหลาดใจ “ตอนนี้รึ ?”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนของหุบเขาหมอเทวดา ในตอนนี้อยู่ ณ ที่ใด ?” มู่เฉียนซีถาม

“ดูเหมือนว่าคนของหุบเขาหมอเทวดาจะพบอะไรที่สำคัญเป็นอย่างมากเข้า ส่วนพวกเขาอยู่ที่ไหนนั้นข้าก็ไม่รู้ และมิติของโบราณสถานแห่งนี้ก็เปลี่ยนไปอยู่เสมอ”

เขากล่าวต่ออีกว่า “ข้าไม่ถือว่าเรื่องพวกนี้เป็นการทดแทนบุญคุณ การทดแทนคุณของข้าหวงฝูอวี้คงจะมิราคาถูกเช่นนี้”

มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าขอตัวก่อน ลาล่ะ”

หวงฝูอวี้รีบกล่าวขึ้น “แม่นาง พวกหุบเขาหมอเทวดาพบบางอย่างที่สำคัญ พวกเราเองก็ตามหาคนเหล่านั้นอยู่ ในเมื่อพวกเรามีเป้าหมายเดียวกัน พวกเราไปด้วยกันเป็นเช่นไร ?”

มู่เฉียนซีกล่าว “ได้”

ไปเพียงผู้เดียวก็คือไป ไปด้วยกันก็คือไปเช่นกัน นางไม่มีปัญหาอันใดอยู่แล้ว

ต่อไปนี้ไม่รู้ว่าหม้อเทพนิรันดร์บ้านั่นจะทำให้เกิดความทรมานยากลำบากเช่นไร ?

การทดสอบก่อนหน้านี้คือความไวต่อการรับรู้ในเรื่องของพลังจิต เช่นนั้นต่อจากนี้จะทดสอบสิ่งใดกัน ?

แม้ว่าเจ้าหม้อใบนี้จะแสดงอาการเหยียดหยาม แต่การทดสอบทุกครั้งล้วนมีจุดประสงค์ของมันอย่างแน่นอน