ตอนที่ 388 เจอกับเจ้าสำนักอวิ๋นเยียน

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ในฐานะที่เป็นนักปรุงยา ต้องมีพลังจิตที่แข็งแกร่ง พลังการรับรู้ทางจิตก็ต้องว่องไวเฉียบแหลม แต่สิ่งที่สำคัญพอ ๆ กันนั่นก็คือเข้าใจในเรื่องหยูกยาอย่างชำนาญ

ต้องเข้าใจในเรื่องยาก่อนถึงจะปรุงยาได้

ด้านหน้าเป็นสวนสมุนไพรวิญญาณ ทันทีที่พวกเขาก้าวเท้าเข้ามา ก็มีคนโดนพิษเข้าให้แล้ว “สวนสมุนไพรนี้ล้วนแต่มีพิษที่รุนแรงมาก”

มู่เฉียนซี “แก้พิษก่อนเถอะ”

“ยาแก้พิษใช้ไม่ได้ผล” สีหน้าของพวกเขาพลันเปลี่ยนไปทันที

ยาวิญญาณและยาแก้พิษที่พวกเขานำติดตัวมาล้วนแต่เป็นยาที่น่าหลานอวี้เอามาจากหอหมอปีศาจทั้งสิ้น หากเป็นพิษธรรมดา ไม่มีเหตุผลใดที่ยาแก้พิษนี้จะใช้ไม่ได้ผล

มู่เฉียนซีตกใจจนผงะไปครู่หนึ่ง นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่คือพิษอะไร ช่างสมกับที่เป็นหม้อเทพนิรันดร์ในตำนานจริง ๆ ถึงแม้ว่านางจะได้รับมรดกของราชาหมื่นพิษมาแล้ว แต่พิษนี้นางก็ไม่สามารถแก้ได้

คนของหอการค้าอันดับหนึ่งผู้ที่โดนพิษนี้ เวลานี้พิษซึมลึกเข้าสู่ร่างกายของเขาหนักขึ้นเรื่อย ๆ  มู่เฉียนซีหันไปสังเกตบริเวณรอบ ๆ นางคิดว่าอาจจะมีสมุนไพรวิญญาณที่สามารถยับยั้งพิษร้ายแรงดังกล่าวอยู่บริเวณนี้ก็ได้

แต่สมุนไพรวิญญาณมากมายเช่นนี้ใช่ว่าจะได้มาง่าย ๆ หากรู้จักสมุนไพรเหล่านี้ก็คงจะดี แต่นี่ส่วนมากก็เป็นสมุนไพรวิญญาณโบราณ ซึ่งนางเองก็ไม่รู้จักเหมือนกัน

นี่เป็นการทดสอบสายตาของนักปรุงยาและต้องพึ่งพาโชคชะตาแล้ว ในขณะที่มู่เฉียนซีกำลังคิดหาวิธีอยู่นั้น คนที่โดนพิษผู้นั้นก็เกิดอาการชัก เขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว “อ๊าก!”

“นายท่านรอง ฆ่าข้าเสียเถอะ ข้าเจ็บปวดเหลือเกิน” เขากล่าวขอร้องวิงวอน

“เจ้าอย่าแม้แต่จะคิด” หวงฝูอวี้ถลึงตาจ้องมองเขา ทว่าในใจของเขาตอนนี้ร้อนรนเป็นกังวลใจ แม้แต่ยาแก้พิษเม็ดสุดท้ายก็ไม่อาจแก้พิษให้เขาได้

เขาควรทำอย่างไรดี…

ในขณะเดียวกันนั้น ร่างชุดม่วงก็เดินไปวนเวียนในสวนสมุนไพรนี้

“แม่นางมู่ มันอันตราย มันมีพิษ!” หวงฝูอวี้กล่าวเตือน

เมื่อครู่นี้ก็เป็นเพราะว่าอาหลู่เข้าไปด้านในจึงโดนพิษเข้า ข้าไม่คิดเลยว่านางเห็นเช่นนี้แล้วยังจะกล้าเข้าไป พิษนี้รุนแรงมากถึงขั้นทำให้อาหลู่ผู้ที่เข้มแข็งเรียกร้องความตายได้ สาวน้อยผู้นี้เป็นเพียงสตรีตัวเล็ก ๆ นางจะอดทนต่อความเจ็บปวดของพิษที่รุนแรงนี้ได้อย่างไรกัน

ทว่าพวกเขาไม่รู้เลยว่ามู่เฉียนซีตั้งใจ นางตั้งใจให้โดนพิษ แต่เนื่องจากนางได้กินสมุนไพรวิญญาณและยาวิญญาณไปมากมายหลายชนิด ดังนั้นในเวลานี้พิษจึงไม่ได้ทำให้นางเจ็บปวดเท่าไหร่นัก

“แม่นางมู่ เจ้าเป็นอะไรมากหรือไม่ ?!” หวงฝูอวี้กล่าวถามด้วยความเป็นห่วง

“ไม่เป็นไร ข้าเป็นนักปรุงยา”

“ต่อให้เจ้าเป็นนักปรุงยาก็ไม่ควรผลีผลามเช่นนี้” หวงฝูอวี้กล่าวอย่างจนปัญญา ทว่าในที่สุดเขาก็ต้องปลง

มู่เฉียนซีเดินไปจนถึงบริเวณที่มีสมุนไพรวิญญาณที่นางต้องการ นางเก็บสมุนไพรวิญญาณจนครบตามต้องการ จากนั้นก็รีบปรุงยาอย่างรวดเร็วและฉีดยาให้กับตนเอง

หวงฝูอวี้เห็นเช่นนี้ก็ตกใจผงะไปครู่หนึ่ง เขากล่าวถามด้วยความตื่นเต้น “นี่เป็นยาเหย้าจี้ ยาแผนปัจจุบันใช่หรือไม่ ?”

“อืม” มู่เฉียนซีพยักหน้า

“ประเดี๋ยวก่อน เจ้าคงจะไม่ใช่นักปรุงยาที่เสี่ยวอวี้กล่าวถึงบ่อย ๆ ผู้นั้นหรอกใช่ไหม ?”

“หากเสี่ยวอวี้ที่เจ้าว่าคือน่าหลานอวี้แล้วล่ะก็ เช่นนั้น…” มู่เฉียนซีไม่ทันกล่าวจบ พิษก็ออกฤทธิ์ทำให้นางเจ็บปวดอย่างรุนแรง ใบหน้าที่งดงามหมดจดพลันซีดขาวราวกระดาษ

“แม่นางมู่…” หวงฝูอวี้กังวลใจอย่างยิ่ง หลังจากที่เสี่ยวอวี้กลับมาก็เอาแต่พูดถึงนักปรุงยาในตำนานผู้นั้นอยู่บ่อยครั้ง ตอนนั้นเขาคิดว่านักปรุงยาที่เสี่ยวอวี้กล่าวถึงเป็นบุรุษเสียด้วยซ้ำ ไม่นึกเลยว่าแท้ที่จริงแล้วจะเป็นสตรีมากความสามารถเช่นนี้ หากพี่ใหญ่รู้เช่นนี้ เขาก็คงวางใจได้แล้ว

มู่เฉียนซี “ข้าไม่เป็นไร เพียงแค่สมุนไพรวิญญาณที่เลือกยังไม่ถูก ข้าจะลองใหม่”

มู่เฉียนซีไปเลือกเก็บสมุนไพรวิญญาณใหม่อีกครั้ง จากนั้นก็เริ่มปรุงยาใหม่และฉีดยาเข้าร่างกายตนเอง ผลที่ก็ได้คือนางสามารถแก้พิษได้ ครั้งนี้สมุนไพรวิญญาณที่เลือกมานั้นถูกต้องแล้ว

นิ้วเรียวราวของมู่เฉียนซีกดเข็มฉีดยาฉีดเข้าร่างของอาหลู่ จากนั้นไม่นานนัก ความเจ็บปวดที่ทำให้ทรมานเสมือนตายทั้งเป็นก็ได้หายเป็นปลิดทิ้ง

พวกเขาตะลึงลาน เบิกตากว้างจ้องมองมู่เฉียนซี “ในที่สุดก็แก้พิษได้แล้ว ยาแผนปัจจุบันนี่ช่างวิเศษนัก”

“แม่นางมู่เก่งกาจจริง ๆ”

หวงฝูอวี้ “แม่นางมู่ เจ้าช่วยชีวิตพี่น้องของข้าเอาไว้ นับว่าข้าเป็นหนี้บุญคุณเจ้าแล้ว”

“พวกเจ้าเป็นญาติสนิทมิตรสหายของน่าหลานอวี้ การที่ข้าช่วยถือเป็นสิ่งที่ควรทำ อีกอย่าง หากไม่หาวิธีแก้พิษ พวกเราก็ไม่สามารถเดินไปต่อได้”

อาหลู่ “แต่ถึงอย่างไรข้าก็ต้องขอบใจแม่นางมู่ หากไม่ได้แม่นาง ข้าต้องตายแน่ ๆ”

มู่เฉียนซี “ออกเดินทางกันต่อเถอะ  ทุกคนเดินตามหลังข้าไว้นะ”

ด้วยประสบการณ์การปรุงยามานานนับยี่สิบปีจากทั้งโลกก่อนและโลกนี้ มู่เฉียนซีจึงเลือกเดินเส้นทางที่ปลอดภัยที่สุด  เมื่อเดินทางมาสักพักหนึ่ง ก็ไม่ได้เกิดเหตุการณ์ใดขึ้นทำให้ทุกคนต่างโล่งใจกันเป็นแถบ

ในสถานที่ที่อันตรายและแปลกประหลาดเช่นนี้ การที่มีนักปรุงยาคอยนำทาง พวกเขาจึงรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาก หากพวกเขาเดินทางกันมาเอง มีหวังได้กลายเป็นศพตั้งแต่ย่างเท้าเข้ามาในสวนสมุนไพรนี้แล้ว

แน่นอนว่าการเดินทางไม่ได้ราบรื่นไปตลอดทาง เมื่อมู่เฉียนซีเดินหลงทางมาเจอกับพิษอีกครั้ง และครั้งนี้พิษนั้นรุนแรงโหดร้ายกว่าเดิมมาก มุมปากของนางกระตุกเล็กน้อย “หม้อเทพนิรันดร์ ครั้งนี้เจ้าโหดร้ายเกินไปแล้ว”

— ตุบ! —

มูเฉียนซีพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อที่จะควบคุมการลุกลามของพิษ ทว่าร่างกายของนางในเวลานี้แทบจะทนไม่ไหวแล้ว

“แม่นางมู่!” พวกเขาหลายคนได้แต่มองอย่างสิ้นหวังไร้หนทาง

มู่เฉียนซี “เวลานี้ข้าไม่มีแรงที่จะไปเก็บสมุนไพรวิญญาณแล้ว ครานี้ต้องขอแรงช่วยจากพวกเจ้าแล้ว”

หวงฝูอวี้ “เจ้าว่ามาได้เลย หากเป็นสิ่งใดที่ช่วยแม่นางมู่ได้ พวกเราจะทำเต็มที่”

“มันอาจจะอันตราย อีกอย่าง พวกเจ้าก็ไม่คุ้นเคยกับสมุนไพรวิญญาณ”

“พวกข้ายอมเทหมดหน้าตัก หากแม่นางมู่เป็นอะไรไป พวกเราก็ไม่มีทางรอดออกไปจากที่นี่ได้”

มู่เฉียนซีมองไปบริเวณรอบ ๆ สวนสมุนไพรวิญญาณนี้ “ก็ได้ ข้าต้องการต้นสีเหลืองด้านหน้านั้น ใบสมุนไพรสามเหลี่ยม และ…”

ทุกครั้งที่มู่เฉียนซีบอกลักษณะของสมุนไพรวิญญาณออกไป พวกเขาก็เก็บมันมาให้นางอย่างรวดเร็ว จากนั้นนางพยายามอดทนกับความเจ็บปวดเพื่อปรุงยาออกมาให้เร็วที่สุด และฉีดยาแก้พิษให้ตัวเอง

ครั้งนี้นางมองสมุนไพรวิญญาณได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เลือกสมุนไพรวิญญาณมาปรุงยาเพียงครั้งเดียวก็สามารถแก้พิษได้สำเร็จ หวงฝูอวี้กับพรรคพวกเห็นสีหน้าของนางดีขึ้น พวกเขาก็โล่งใจ

“วิเศษยิ่งนัก แม่นางมู่ไม่เป็นอะไรแล้ว”

มู่เฉียนซีมองไปด้านหน้า  กล่าวว่า “ยังมีเส้นทางอีกยาวไกลที่เราต้องเดินไป ทางข้างหน้าอาจจะโดนพิษเล่นงานอีก เกรงว่าต่อไปจะต้องรบกวนทุกคนแล้ว”

“อย่างที่กล่าวไป สิ่งใดที่ช่วยแม่นางมู่ได้ พวกเรายินดีทำ”

จากนั้นมู่เฉียนฃีก็โดนพิษเข้าอีก นางแก้พิษซ้ำแล้วซ้ำเล่าในขณะที่คนของหอการค้าอันดับหนึ่งมีหน้าที่เก็บสมุนไพรวิญญาณ หากนางเดินทางมาเพียงลำพังคงไม่มีทางทำได้อย่างแน่นอน นางคงต้องถูกพิษแล้วนอนรอความตาย

ในใจของมู่เฉียนซีนั้นกำลังดุด่าต่อว่าหม้อเทพนิรันดร์สารพัด โชคดีที่มีคนของหอการค้าอันดับหนึ่งเดินทางมาด้วย หากนางมาคนเดียว มีหวังต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

“ฮู่ว!” หลังจากที่ผ่านสวนพิษเหล่านั้นมาได้ มู่เฉียนซีกับหวงฝูอวี้และคนอื่น ๆ ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในที่สุดก็รอดออกมาจนได้

“เราไปกันเถอะ!” มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น

ตอนนี้คนของหุบเขาหมอเทวดากับสำนักอวิ๋นเยียนก็ได้แห่กันมาแล้ว นางไม่อาจเสียเวลารอช้าได้อีก

“อืม”

มู่เฉียนซีเป็นสตรีตัวเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยพลังและความอดทน  แน่นอนว่าพวกเขาจะมัวแต่อืดอาดยืดยาดไปไม่ได้ ดังนั้นจึงเดินตามหลังมู่เฉียนซีไปอย่างรวดเร็ว

“หวงฝูอวี้ ข้าไม่คิดว่าจะเจอพวกเจ้าที่นี่ได้” ทันทีที่พวกเขาเข้ามาในป่า เสียงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

หวงฝูอวี้หันไปมองคนผู้นั้น ดวงตามีร่องรอยของความหวาดกลัวอยู่บ้าง “เจ้าสำนักอวิ๋น”

นี่เป็นครั้งแรกที่มู่เฉียนซีได้พบกับเจ้าสำนักอวิ๋นเยียน เขาเป็นชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนอ่อนโยนไร้พิษภัย ทว่าความร้ายกาจที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของดวงตาคู่นั้นไม่อาจหลบซ่อนไปจากสายตาของมู่เฉียนซีได้

หึ ๆ คนผู้นี้สามารถเลี้ยงบุตรสาวอย่างอวิ๋นฮุ่ยกับอวิ๋นเฟิ้งออกมาเป็นคนเช่นนั้นได้ ดังนั้นเขาก็ไม่น่าจะเป็นคนดีไปได้

. .