ตอนที่ 194

Crazy Leveling System

CLS ตอนที่ 194: ข้าไม่ใช่พี่ชายของเจ้า

 

หญิงสาวเหยียดตัวออกเบาๆ ดูแล้วราวกับเพิ่งตื่นจริงๆ ทั้งอยู่ๆ ก็มีกลิ่นอายแห่งชีวิตขึ้นมาอย่างฉับพลัน ไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่ไร้ซึ่งกลิ่นอายแห่งชีวิต กลายเป็นคนเป็นอย่างสมบูรณ์แบบ!

 

และตอนนี้เอง หญิงสาวนางนี้ก็ได้หันมาเห็นเขาเข้าพอดี สายตาทั้งสี่ข้างประสานกัน ทำให้อี้เทียนหยุนไม่รู้ว่าจะเอ่ยอะไรดี และจากนั้น หญิงสาวก็พลันเผยรอยยิ้มออกมา ดูแล้วงดงามเป็นอย่างมาก ราวกับนางเซียนที่เสด็จลงมาเยือนโลกหล้าพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆ

 

ยังไงก็ตาม อี้เทียนหยุนก็ได้สติขึ้นมาแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีอยู่ดี

 

“พี่ชาย ท่านมาแล้ว?” หญิงสาวพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มบางๆ

 

“พี่ชาย พี่ชายอะไร?” อี้เทียนหยุนหันกลับไปมองข้างหลัง แต่ก็พบว่าไม่มีใครอยู่ ทั่วทั้งห้องมีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น

 

“พี่ชาย ท่านพูดเหลวไหลอะไร ท่านไม่ใช่พี่ชายของข้าอย่างงั้นเหรอ” หญิงสาวลุกออกมาจากโลงศพผลึกน้ำ พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้ม “ผู้อื่นตื่นขึ้นแต่ละครั้ง ไม่ใช่เพราะว่าท่านคอยคุ้มกันอยู่ด้านข้างหรอกเหรอ”

 

“อะไรนะ ข้าน่ะเหรอที่คอยคุ้มกันอยู่ข้างๆ?” อี้เทียนหยุนพูดอย่างอึกอัก “นี่… ขอโทษด้วยสาวน้อย ข้าไม่ใช่พี่ชายของเจ้า ข้าแค่ผ่านทางมา ที่นี่ไม่มีใครเข้ามานานแล้ว ทั้งข้ายังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร”

 

“พี่ชาย อย่าพูดเล่นสิ ท่านจะหยอกข้าให้มีความสุขใช่ไหม” หญิงสาวกระโดดขึ้นคราหนึ่ง แต่เพราะว่านอนนานเกินไป ทำให้ร่างกายของเธอเซมาหาเขา

 

ดีที่เขาหูตาว่องไว ทำให้อี้เทียนหยุนยื่นมือออกไปรับเธอได้ทันท่วงที “เจ้าไม่เป็นไรนะ?”

 

“ข้าไม่เป็นไร พี่ชาย แล้วตอนนี้พวกเราจะไปที่ไหนกัน?” หญิงสาวเผยรอยยิ้มแล้วพูดออกมา ดวงตาสีฟ้าของเธอจ้องมองมาที่เขา ราวกับอี้เทียนหยุนกำลังมองไปยังทะเล “กลับบ้านเหรอ?”

 

“นี่เจ้า….. ข้าไม่ใช่พี่ชายของเจ้า เจ้าจำผิดคนแล้ว” หลังจากอี้เทียนหยุนพยุงเธอขึ้นมาแล้วเขาก็ปล่อยเธอ เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด

 

“จะเป็นไปได้ยังไง ท่านคือพี่ชายของข้า….. ท่าน ท่านมารับข้าอย่างนั้นใช่ไหม….” ขณะที่เธอจะพูดอะไรต่อนั้น เธอก็พลันขมวดคิ้ว จากนั้นก็เอามือขึ้นกุมหัวตัวเอง “เจ็บจัง ข้าปวดหัว….”

 

“เจ้า เจ้าไม่เป็นไรนะ….” อี้เทียนหยุนได้แต่มองเธอ เขาละอายเกินกว่าที่จะประคองเธออีกครั้ง ถึงยังไงผู้ชายและผู้หญิงก็ไม่ควรแตะเนื้อต้องตัวกัน ทั้งเขาในตอนนี้ก็ไม่ใช่พี่ชายของเธอด้วย

 

หลังจากใช้ดวงตาประเมิน เขาก็พบว่าพื้นฐานฝึกตนของฝั่งตรงข้ามไม่ต่ำเลย ถึงกับเป็นระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 5 ทำให้เขาต้องสูดหายใจเฮือกด้วยความตกใจ อายุเพิ่งจะเท่าไหร่เอง อย่างมากก็พอๆ กับท่านน้าของเขาเท่านั้น แต่กับมาถึงระดับผันแปรวิญญาณจริงๆ!

 

“เจ้า เจ้าไม่ใช่พี่ชายข้า…..” หญิงสาวเอามือกุมหัวพร้อมกับพูดออกมาด้วยความเจ็บปวด

 

“ก็ไม่ใช่น่ะสิ ข้าบอกเจ้าแต่แรกแล้ว” อี้เทียนหยุนรีบพูด

 

“ถ้างั้น ข้าเป็นใครกัน…..” หญิงสาวขมวดคิ้ว เอามือกุมหัวพร้อมกับคุกเข่าลงกับพื้น เหมือนกับว่าปวดหัวมากจนกระทั่งยืนไม่ไหว

 

“นี่ เจ้า…..” อี้เทียนหยุนมองไปเห็นบัวหิมะน้ำแข็งสวรรค์ในโลงศพผลึกน้ำ เขาก็รีบไปนำมันมา จากนั้นก็วางไว้บนหัวเธอ กลิ่นอายความเย็นอ่อนๆ แทรกซึมเข้าไปในหัวเธอในทันที

 

ทันใดนั้น อาการปวดของหญิงสาวก็ดีขึ้นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเพราะเพิ่งจะฟื้นขึ้นมา ทำให้ความทรงจำของเธอยังคงสับสนอยู่

 

“ขอบใจ…..” อาการของหญิงสาวดีขึ้นเล็กน้อย เธอกุมบัวหิมะไว้กับหัว พร้อมกับยืนขึ้นมา “ข้าพอจะจำได้แล้ว ข้าคือเริ่นจื่อโหรว ข้ามาจาก….. จาก…..”

 

เธอคิดจนคิ้วขมวด แต่ก็คิดไม่ออก ยิ่งคิดอาการปวดของเธอก็ยิ่งมาก

 

“คิดออกแค่นี้ก็ดีแล้ว เรื่องอื่นๆ ไว้ค่อยคิดก็ได้” อี้เทียนหยุนพูดปลอบเธอ

 

อย่างน้อยก็จำชื่อตัวเองได้ ส่วนเรื่องอื่นที่ไม่รู้นั้น เขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดีเหมือนกัน

 

“ท่านพี่ หัวข้าปวดอีกแล้ว….” เริ่นจื่อโหรวกระตุกแขนอี้เทียนหยุน พร้อมกับเอามือกุมหัวท่าทางเจ็บปวด ตอนแรกก็เหมือนจะจำได้แล้วว่าเขาไม่ใช่พี่ชายของเธอ มาตอนนี้เป็นอีกแล้ว

 

อี้เทียนหยุนรู้สึกพูดไม่ออก จึงอุ้มเธอกลับไปนอนบนโลงศพผลึกน้ำอีกครั้ง “เจ้านอนอยู่ตรงนี้ก่อน เจ้าเพิ่งจะฟื้นขึ้นมา ความทรงจำก็เลยสับสน”

 

เริ่นจื่อโหรวพยักหน้า จากนั้นก็นอนลง เมื่อได้สัมผัสกับบัวหิมะที่อยู่ข้างใน ก็รู้สึกสบายตัวขึ้นหลายส่วน

 

อี้เทียนหยุนยังไม่จากไป เขาเลือกที่จะนั่งอยู่ใกล้ๆ ในนี้เต็มไปด้วยแม่น้ำวิญญาณ ซึ่งห้องนี้ออกแบบได้ผิดปกติมาก รอบๆ ห้องถูกขุดเจาะเป็นทางน้ำให้แม่น้ำวิญญาณไหลผ่านอย่างถ้วนทั่ว ทำให้ที่นี่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณ

 

เขาใช้ที่นี่เป็นที่สำหรับดูดกลืนพลังวิญญาณ เขาไม่สามารถปล่อยให้มันสูญเปล่าได้ เขาได้เวลาเข้ามาในนี้เป็นเวลา 5 วันอย่างยากลำบาก แล้วเขาจะปล่อยให้เวลาเสียเปล่าไปได้ยังไง? นี่เป็นโอกาสดีที่จะได้รับค่าประสบการณ์มหาศาล ถ้าพลาดไปแล้ว ไม่รู้เมื่อไหร่ถึงจะได้มาอีก

 

“ที่นี่เป็นที่ที่ดี ไม่สามารถปล่อยให้เสียเปล่าได้ รออยู่ที่นี่ก่อน จากนั้นค่อยถามว่าจะกลับเข้ามาที่นี่ได้อีกยังไง…..”

 

ด้วยที่ที่มีพลังวิญญาณหนาแน่นขนาดนี้ เขาจะพลาดค่าประสบการณ์มหาศาลได้ยังไง เส้นชีพจรวิญญาณนี้สำหรับระดับผันแปรวิญญาณแล้วไม่ค่อยส่งผลเท่าไหร่ แต่กลับเหมาะกับระดับก่อแกนวิญญาณเป็นอย่างมาก แต่ถึงจะบอกว่าเหมาะกับระดับก่อแกนวิญญาณ ก็ใช่ว่าจะดูดกลืนได้ตามใจ ถ้าเจ้าดูดกลืนมันมากไป มันก็จะเหือดแห้งไปโดยสมบูรณ์

 

ดังนั้น ตำหนักซิงเฉินจึงมีข้อจำกัดสำหรับที่นี่ ไม่ใช่ใครอยากจะมาก็มาได้ จำนวนวันที่เข้ามาได้ จำกัดจำเขี่ยเป็นอย่างมาก ไม่กล้าให้เวลามากไป

 

ในตอนนี้ ถึงเขาจะกำลังดูดกลืนพลังวิญญาณ เขาก็ยังคอยมองอาการของเริ่นจื่อโหรวอยู่ อาการของเริ่นจื่อโหรวค่อยๆ ดีขึ้น ไม่เหมือนกับก่อนหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด

 

ยังไงก็ตาม เวลาก็ใกล้เข้ามาแล้ว อีกไม่นานก็จะครบ 5 วัน เมื่อถึงเวลาเขาก็ต้องออกไป เป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่แต่ในนี้

 

แต่ก็ดีเพราะว่าเขาไม่ต้องรอนาน เริ่นจื่อโหรวก็ได้ลุกขึ้นแล้วพูดขึ้นว่า “ท่านพี่ ข้าดีขึ้นมากแล้ว เราจะกลับกันเมื่อไหร่?”

 

“คุณหนูเริ่น ข้าไม่ใช่พี่ชายของเจ้า…..” อี้เทียนหยุนอธิบายอยู่หลายครั้งแล้ว แต่เธอก็ยังจะคิดว่าเขาเป็นพี่ชายของเธออยู่ดี

 

“ท่านพี่ ท่านนี่ชอบล้อเล่นจริงๆ……” เริ่นจื่อโหรวเป็นเหมือนก่อนหน้า ทำเป็นเรื่องชวนหัวเสียอย่างงั้น

 

“ก็ได้ ข้าเป็นพี่ชายเจ้าก็ได้….” อี้เทียนหยุนเบื่อที่จะแย้งแล้ว จึงพยักหน้าอย่างจำยอม “แล้วเจ้าคิดออกหรือยังว่าเจ้ามาจากไหน?”

 

“มาจากไหนเหรอ….. ข้าจำไม่ได้ ท่านพี่ ท่านก็จำไม่ได้อย่างงั้นเหรอ?” เริ่นจื่อโหรวถามขึ้นอย่างสงสัย

 

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน!”

 

อี้เทียนหยุนสบถขึ้นในใจ เขาจะไปรู้ได้ยังไง? จากนั้นก็ยืนขึ้น แล้วพูดว่า “ข้าจะไปจำได้ที่ไหน แต่ช่างเถอะ เวลาใกล้เข้ามาแล้ว พวกเราต้องออกไปจากที่นี่ก่อน”

 

เริ่นจื่อโหรวพยักหน้า อาการของเธอดีขึ้นแล้ว เธอจึงลุกออกมาจากโลงศพผลึกน้ำอย่างง่ายดาย ภายใต้การนำของอี้เทียนหยุน พวกเขาก็ออกมาจากห้อง พร้อมกับเตรียมตัวออกไปตามทางน้ำที่เข้ามา เริ่นจื่อโหรวก็ถามขึ้นอย่างสงสัย “ท่านพี่ผิดทางแล้ว ทางออกอยู่ทางนี้”

 

เธอชี้ไปยังแอ่งน้ำด้านข้าง พร้อมกับมองไปที่อี้เทียนหยุนด้วยท่าทางสงสัย

 

“ออกทางนี้เหรอ?”

 

อี้เทียนหยุนคิด จากนั้นก็เชื่อคำพูดของเริ่นจื่อโหรว กระโดดลงไปยังแอ่งน้ำพร้อมกัน จากนั้นก็ว่ายไปตามทางน้ำเพื่ออกไปยังข้างนอกอย่างรวดเร็ว เมื่อพวกเขาโผล่ขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขาก็พบว่าตอนนี้ได้มาโผล่ยังแอ่งน้ำเล็กๆ ที่ด้านนอกเรียบร้อยแล้ว!

 

แอ่งน้ำเล็กๆ แห่งนี้มีพลังวิญญาณเล็กน้อย ไม่ใช่แอ่งน้ำธรรมดา ด้านนอกมีต้นไผ่เล็กๆ โตอยู่ ไม่แปลกที่จะไม่มีใครเจอทางลับนี้ ที่นี่จึงค่อนข้างลึกลับ

 

“ถ้าเป็นอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าข้าสามารถกลับเข้าไปดูดกลืนพลังวิญญาณได้ตามใจหรอกเหรอ?” ในใจอี้เทียนหยุนมีความสุขอย่างมาก ถ้าเป็นอย่างนี้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องขอก่อนเข้าไป แต่สามารถอ้อมมาที่นี่ แล้วเข้าผ่านทางนี้ไปตรงๆ เลย!

 

นี่นับเป็นวิธีที่สะดวกสบายอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งยังช่วยประหยัดแรงไปได้มาก แต่ก็ออกจะดูชั่วร้ายอยู่บ้าง……