บทที่ 127 ไล่ออกไปอย่างไร้เหตุผล

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“เสี่ยวเทียน! พวกนายทำอะไรกัน!”

ในขณะที่เฉินหยังรู้สึกสิ้นหวัง เฉินจงเหอที่ได้ยินเสียงก็ปรากฏตัวขึ้น

“เสี่ยวหยัง?!”

หญิงวัยกลางคนที่ออกมาพร้อมกับเฉินจงเหอได้อุทานอย่างตกใจ

เมื่อมองไปที่เฉินหยังที่กำลังจะตาย

เธอก็กระโจนเข้าหาเย่เทียนอย่างบ้าคลั่ง

“ไอ้เด็กกำพร้าของตระกูลเฉิน แกกล้าดียังไงถึงทำร้ายลูกชายฉัน ฉันจะฆ่าแก!”

หญิงวัยกลางคนที่ประดับไปด้วยเพชรพลอยจินดาคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน ซึ่งเป็นเกาหย่าหยุนแม่ของเฉินหยังนั่นเอง!

ผ๊วะ!

เย่เทียนก็เตะไปที่เธออย่างไม่ลังเล นัยน์ตายังเต็มไปด้วยความเย็นชาและไม่แม้แต่จะเหลือบมองเกาหย่าหยุนคนนี้

“หย่าหยุน!” เฉินจุนเหอลูกชายคนที่สองของตระกูลเฉินที่ซึ่งเป็นสามีของเกาหย่าหยุนก็เดินออกมาและได้เห็นฉากนี้พอดี เขาจึงรีบเข้ามาอย่างเร่งรีบ

“เย่เทียน! นายพอได้แล้ว!”

แม้แต่คนที่อ่อนโยนและสุขุมมาตลอดอย่างเฉินจงเหอยังรู้สึกมือไม้สั่นขึ้นมา

ไม่ใช่ว่าเขากลัว แต่เป็นเพราะว่าเขารู้สึกโกรธมาก!

การเคารพผู้ที่สูงอายุกว่าและเอ็นดูรักใคร่ผู้ที่เด็กกว่านั้นเป็นคุณธรรมที่ดีงามของประเทศจีนและได้สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณ ซึ่งในฐานะตระกูลที่มั่งคั่งอย่างตระกูลเฉินก็ยิ่งให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้ และเฉินจงเหอก็ยิ่งเป็นคนทกตัญญูที่แท้จริงด้วย

ไม่เช่นนั้น เขาจะไม่เชื่อฟังนายท่านเฉินและให้เฉินหวั่นชิงไปแต่งงานกับคนไร้ค่าอย่างเย่เทียน

การทำร้ายผู้อาวุโสในวันนี้ สำหรับคนกตัญญูอย่างเฉินจงเหอแล้ว มันเป็นเรื่องที่เกินคาดจริงๆ

เมื่อมองดูเฉินจงเหอที่กำลังโมโหอยู่ เย่เทียนได้แต่ขมวดคิ้วและส่ายหัวแล้วหันหลังเพื่อจะเดินจากไป

“เย่เทียน นายยังเป็นลูกผู้ชายอยู่ไหม? ก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้แล้วจะเดินจากไปง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ?!”

เฉินจงเหอยืดอกตัวตรงด้วยความเคร่งขรึม ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาโกรธมากแล้ว

แต่เขาไม่สามารถไล่เย่เทียนไปในทันที เพราะไม่ว่าอย่างไร เรื่องนี้เขาต้องการให้คำอธิบายกับตระกูลเฉิน และยังต้องให้คำอธิบายกับตระกูลเกาของเกาหย่าหยุนอีกด้วย

ซึ่งตระกูลเกาก็เป็นอีกหนึ่งผู้ถือหุ้นของบริษัทแซ่เฉินเหมือนกัน เมื่อไม่นานมานี้เพิ่งมีเรื่องกับตระกูลจาง แล้วถ้าหากเกิดเรื่องขึ้นกับตระกูลเกาอีก เกรงว่าอาจจะกระทบราคาหุ้นของบริษัทได้!

“จงเหอ เด็กมันไม่รู้เรื่องอะไร คุณอย่าเพิ่งโมโหสิ”

เหลียงชูหยู้ภรรยาของเฉินจงเหอและเป็นแม่ของเฉินหวั่นชิงที่ได้ยินข่าวนี้ก็รีบมาที่เกิดเหตุและพูดอย่างมีเหตุผลว่า “มันอาจจะมีเรื่องเข้าใจผิดกันก็ได้ ใช่ไหม?”

“เข้าใจผิด? ป้าคิดว่านี่มันแค่เรื่องเข้าใจผิดงั้นเหรอ?”

เฉินหยังที่ได้พยายามลุกขึ้นก็ตะโกนด่าอย่างเสียงดังว่า “เย่เทียนมันก็แค่ไอ้ตัวที่คอยสร้างปัญหาเท่านั้น!”

“ครั้งก่อนไปเที่ยวซ่องก็โดนตำรวจจับ ล่าสุดยังลงมือทำร้ายคุณชายใหญ่ของตระกูลซุนอย่างซุนปิน ไม่ใช่แค่นั้น ผมยังได้ข่าวว่าเรื่องของจางฟู่ฉีก็เป็นฝีมือมันด้วย ถ้าหวั่นชิงไม่ตามเช็ดก้นให้มัน สงสัยหุ้นของบริษัทคงตกลงไปอย่างน้อยห้าเปอร์เซ็นต์แน่!

“แถมตอนนี้ยังกล้าทำร้ายผมอีก คนแบบนี้ไม่คู่ควรกับหวั่นชิงตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ยิ่งไม่มีสิทธิ์เป็นสมาชิกของตระกูลเฉินด้วยซ้ำ!”

เมื่อเห็นแม่ตัวเองถูกทำร้ายต่อหน้าต่อตา แต่ตัวเองกลับช่วยอะไรไม่ได้ ซึ่งก็สามารถเดาได้ถึงความโกรธของเฉินหยัง

ดวงตาของเขาราวกับดวงตาของงูพิษที่จับจ้องไปที่เย่เทียนอย่างอาฆาตแค้น ถ้าหากสามารถฆ่าคนด้วยสายตาได้ เกรงว่าเย่เทียนคงตายไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว

“พู้ม!” เย่เทียนเลิกคิ้วเบาๆ และเตะไปที่เฉินหยังอีกทีอย่างไม่สนใจใคร

เฉินหยังผู้น่าสงสารคิดไม่ถึงเลยว่าท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย แต่เย่เทียนยังกล้าลงมือทำร้ายเขาอีก เขาโดนเตะเข้าที่กลางศีรษะและยังไม่ทันได้ส่งเสียงคร่ำครวญก็สลบคาที่ไปแล้ว

เกาหย่าหยุนที่เพิ่งโดนถีบจนล้มลงกับพื้นก็พยายามลุกขึ้นมา เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ก็ยิ่งทำให้เธอโกรธมากขึ้น เธอจึงผลักเฉินจุนเหอออกไปและแยกเขี้ยวยิงฟันแล้วตะปบใส่เย่เทียนอีกครั้ง

“ยังอีก?” เย่เทียนพูดสั้นๆ สองคำแล้วเหลือบมองเกาหย่าหยุนอย่างไร้ความปรานี

เมื่อรู้สึกถึงดวงตาที่เลือดเย็นของเย่เทียนแล้ว เกาหย่าหยุนก็ตกตะลึงพรึงเพริดแล้วหยุดลงทันที แต่แววตาที่เคียดแค้นนั้นคงไม่มีเจตนาที่จะจบเรื่องนี้ง่ายๆ

“เย่เทียน แกมันสมควรตาย!”

ดวงตาสีแดงของเฉินจุนเหอที่เคียดแค้นจนขาดสติก็ได้ฉีกภาพลักษณ์ความอ่อนโยนในปกติของเขาและกระโจนเขาหาเย่เทียนราวกับเสือที่หิวโหยตัวหนึ่ง

ลูกเมียต่างก็ถูกทำร้าย แล้วจะให้เขาทนดูได้อย่างไร? ถ้าฝืนทนต่อไปแล้วเขายังถือว่าเป็นลูกผู้ชายอยู่ไหม?!

“จุนเหอ หยุดเดี๋ยวนี้นะ! แกอยากให้คนทั้งเจียงหนันรู้ว่าตระกูลเฉินของเรามีเรื่องที่น่าอายขนาดนี้เหรอ?”

เฉินชังไห่ที่ไม่รู้ว่าเดินออกจากบ้านมาเมื่อไหร่ และเขาก็ได้ออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด “จงเหอ แกให้คนพาเสี่ยวหยังไปส่งที่หวูโซ่วยี่ แล้วปิดข่าวนี้ให้ดี อย่าให้ใครรู้เข้าเด็ดขาด!”

จากนั้นนายท่านเฉินกวาดสายตาไปรอบๆ และสุดท้ายก็หยุดอยู่ที่เย่เทียน “ทุกคนตามข้ามา เรื่องนี้ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนที่สุด!”

ถึงแม้เขาจะไม่ชัดเจนเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ แต่เขาเป็นคนเฝ้าดูเย่เทียนเติบโตมาตั้งแต่เด็ก และเขาสามารถคาดเดาได้ว่าเรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำอย่างแน่นอน

เพราะเฉินชังไห่เข้าใจสภาพของตระกูลเฉินในปัจจุบัน และเขาก็รู้จักนิสัยของลูกชายทั้งสองของเขามากกว่าใคร

ภายนอกแล้วตระกูลเฉินดูเหมือนว่าจะรักใคร่สามัคคีกันดีมาก แต่ในความเป็นจริงนั้นก็หลุดไม่พ้นจากเหล่าปัญหาของตระกูลที่ร่ำรวย ปัญหาของพี่น้องที่ต้องต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจกัน

โชคดีที่ท่านปู่เฉินชังไห่ยังมีชีวิตอยู่ บวกกับการวิจัยและการพัฒนาครั้งใหม่ของบริษัทแซ่เฉินที่ทางกองทัพให้ความสนใจมาก เนื่องจากมีความเกี่ยวโยงกับทางกองทัพ จึงทำให้สถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายไปกว่านี้

“ไหนลองว่ามาสิ สรุปแล้วมันเรื่องอะไรกัน?”

เฉินชังไห่นั่งอยู่บนที่นั่งหลัก และกลิ่นอายความน่าเกรงขามของผู้นำก็แผ่ออกมาจากตัวเขา

เฉินหวั่นชิงที่เข้ามาอย่างเร่งรีบหลังจากได้ยินข่าวก็ผิดหวังในตัวของเย่เทียนเป็นอย่างมาก

ก่อนหน้านี้ที่อยู่ในระหว่างทางกลับบ้าน เธอก็ไม่พอใจกับความหยาบคายของเย่เทียนมาแล้ว

แต่ใครจะไปรู้ว่าเธอแค่จะกลับบ้านตระกูลเฉินเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับงานเลี้ยงวันเกิดของเฉินชังไห่เท่านั้น แต่เย่เทียนก็ยังตามเธอกลับมาด้วย ที่ยิ่งไปกว่านั้นเขายังก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้อีกด้วย

จริงดั่งที่ว่าดินโคลนนั้นไม่สามารถค้ำกำแพงได้ และขอทานถึงจะสวมใส่ชุดมังกรก็ไม่อาจเป็นเหมือนเจ้าชายได้!

นึกถึงเรื่องนี้แล้ว เฉินหวั่นชิงก็ไม่คิดว่าจะเข้าข้างเย่เทียนอีกเลย ยิ่งไปกว่านั้น เธอจะไม่ขอร้องปู่ให้อภัยเขาด้วย

สายตาของเย่เทียนได้แต่จ้องมองไปที่เฉินหวั่นชิงตั้งแต่ต้นจนจบ เมื่อเห็นว่าผู้หญิงของตนไม่คิดที่จะยืนหยัดเพื่อที่จะช่วยเขา เขาจึงหมดคำพูดและในใจก็เต็มไปด้วยความขมขื่น

ตอนแรกคิดว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองเริ่มดีขึ้นแล้ว แต่ปัญหาในวันนี้ เกรงว่าจะทำให้ยิ่งห่างเหินกันมากขึ้น

“พ่อ เรื่องนี้ยังมีอะไรต้องพูดอีก!”

เฉินจุนเหอได้เอ่ยปากพูดก่อนโดยที่ไม่รอให้เย่เทียนพูด

และเขาก็ชี้หน้าด่าเย่เทียนว่า “ที่ผ่านมาเรื่องดีไม่เคยคิดที่จะทำ เก่งแต่เรื่องกินเที่ยวเล่น วันนี้ยังทำเรื่องอกตัญญูแบบนี้อีก ไม่รู้จักกลับใจไม่พอ แถมยังทำร้ายคนในครอบครัวต่อหน้าทุกคนอีก”

“ผมว่านะ ให้หวั่นชิงหย่ากับมันไปเลยจะดีกว่า เพื่อไม่ให้หวั่นชิงต้องเสียอนาคตที่ควรต้องมีความสุขของเธอ สำหรับไอ้เด็กเมื่อวานซืนคนนี้ ควรจะขับไล่มันออกไปจากบ้านตระกูลเฉินของเราให้พ้น!”

“เย่เทียน นายมีอะไรจะพูดไหม?”

เฉินชังไห่เลิกคิ้วเบาๆ แล้วมองไปที่เย่เทียน

เย่เทียนได้แต่ส่ายหัวและเลือกที่จะอยู่เงียบๆ และสายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่หวั่นชิงอย่าไม่ขยับไปไหน

“ท่านพ่อคะ ท่านดูสิ คนนามสกุลเย่คนนี้ไม่เห็นกล้าพูดอะไรเลย สงสัยยอมรับผิดแล้วสิท่า!”

เกาหย่าหยุนพูดอย่างโกรธเคือง “จะไปเสียเวลากับมันอีกทำไม ไล่มันออกไปตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่า!”