เย่เทียนรู้ดีว่าในครอบครัวใหญ่อย่างตระกูลเฉินนี้ คนที่จริงใจต่อเขานั้นเกรงว่าจะมีแค่ท่านปู่เฉินชังไห่คนนี้คนเดียวเท่านั้น
ซึ่งเรื่องนี้เขาสามารถเห็นได้จากสายตาของนายท่านเฉินที่ให้เขาออกมาอธิบายในขณะนี้
แต่ว่า เรื่องบางเรื่องยิ่งอธิบายก็ยิ่งแย่ สู้อยู่เงียบๆ จะดีกว่า
หลังจากการรอเป็นเวลาห้าวินาที เมื่อเห็นว่าเย่เทียนไม่ยอมอธิบายอะไร เฉินชังไห่จึงถอนหายใจลึกๆ และเตรียมจะพูดอะไรบางอย่าง
“นายท่านครับ บางทีคุณชายเย่อาจมีปัญหาอื่นก็ได้นะครับ!”
ในขณะนี้ ลุงฝูพ่อบ้านอาวุโสของตระกูลเฉินก็พูดขึ้น
ลุงฝูคนนี้อายุน้อยกว่าเฉินชังไห่ประมาณสิบปี ด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่นบนแก้ม นัยน์ตาขุ่นมัวพลันเปล่งประกายวาววับและผมหงอกเต็มหัวที่ดูแลอย่างสะอาดสะอ้าน
เมื่อเย่เทียนมองไปที่ลุงฝู ลุงฝูก็หันมองไปที่เย่เทียนด้วยรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้า ซึ่งทำให้ผู้คนยากที่จะเดาใจเขาได้
เย่เทียนก็รู้สึกประหลาดใจเหมือนกัน แต่เขาไม่สามารถสัมผัสถึงพลังงานในตัวของลุงฝูได้ ซึ่งดูก็รู้ว่าลุงฝูไม่ใช่นักบู๊
แต่สิ่งนี้ไม่ได้กีดกันการประเมินของเย่เทียนที่มีต่อลุงฝู เพราะชายชราคนนี้ดูแปลกมาก!
ในตอนนี้ คนที่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ในขณะที่เฉินชังไห่กำลังโกรธอยู่ เกรงว่านอกจากเย่เทียนแล้วก็มีแต่ลุงฝูคนนี้เท่านั้น
แม้ว่าลุงฝูจะเป็นคนนอกสำหรับตระกูลเฉิน แต่ในตระกูลเฉินนั้น ไม่มีใครกล้าคิดว่าชายแก่ที่ปกติทำตัวยิ้มแย้มและดูเป็นมิตรคนนี้จะเป็นคนนอกสำหรับพวกเขา
เพราะทุกคนก็รู้ว่าลุงฝูเป็นคนที่เฉินชังไห่ไว้วางใจที่สุด!
ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพราะลุงฝูได้ช่วยชีวิตเฉินชังไห่หลายครั้งโดยที่ไม่คำนึงถึงชีวิตของตนเลย
หากพูดอย่างไม่เกินจริง ถ้าหากไม่มีลุงฝูคนนี้ เกรงว่าเฉินชังไห่คงต้องตายไปหลายหนแล้ว คงไม่ต้องพูดถึงตระกูลเฉินที่เติบโตมาถึงปัจจุบันนี้หรอก?!
“เสี่ยวฝู?” เฉินชังไห่เลิกคิ้วแล้วมองไปที่ลุงฝูด้วยความสงสัย
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมลุงฝูถึงพูดแทนเย่เทียนได้ แต่หลายปีที่เขารู้จักลุงฝูมา เขารู้ดีว่าลุงฝูไม่ใช่คนที่พูดจาไร้จุดประสงค์อย่างแน่นอน
“นายท่านครับ นี่เป็นภาพที่ผมให้คนไปตรวจสอบมาจากกล้องวงจรปิดครับ”
ลุงฝูยื่นโทรศัพท์ออกไป “คุณลองดูก่อนค่อยตัดสินก็ได้นะครับ!”
เฉินชังไห่ก็ยื่นมือออกไปรับโทรศัพท์ด้วยความงงงวย แต่เพียงไม่กี่วินาทีต่อจากนั้น สีหน้าของเขาก็ซีดเซียวทันที
เดิมทีคิดว่าถ้ามีเขาอยู่ เย่เทียนจะอยู่ในบ้านตระกูลเฉินอย่างมีความสุขได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าทุกอย่างมันตรงกันข้าม!
ถึงแม้กล้องวงจรปิดจะพูดไม่ได้ แต่ก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเฉินหยังเป็นคนลงมือก่อน!
และถ้าหากเฉินชังไห่เคยกังวลเกี่ยวกับเรื่องการลำเอียงต่อเย่เทียน ตอนนี้ทุกอย่างก็กระจ่างแล้ว!
“เรื่องนี้ ให้มันจบเท่านี้!”
ทันทีที่ได้ยินคำนี้ อย่าว่าแต่เฉินจุนเหอกับเกาหย่าหยุนเลย แม้แต่เฉินจงเหอกับเฉินหวั่นชิงและคนอื่นๆ ยังตกตะลึง
“ว่าไงนะ?”
“จบเพียงเท่านี้?”
พวกเขาได้แต่มองไปที่เฉินชังไห่ที่นั่งอยู่บนที่นั่งประธานอย่างเหลือเชื่อ ซึ่งทุกคนยากที่จะเชื่อว่าคำพูดนี้มาจากเฉินชังไห่
แม้ว่าเฉินชังไห่คนนี้จะเป็นชายชราที่ใกล้ถึงฝั่งแล้ว แต่ไม่มีใครกล้าสงสัยว่าเขาจะประพฤติไม่เป็นธรรม และเขายังแสดงความโปรดปรานเย่เทียนอย่างโจ่งแจ้งขนาดนี้ด้วย
แม้หัวหน้าครอบครัวตระกูลเฉินจะอยู่ในมือของเฉินจงเหอแล้ว แต่ในความเป็นจริง อำนาจการตัดสินใจที่แท้จริงทุกอย่างยังคงอยู่ที่เฉินชังไห่
ไม่ว่าจะเป็นด้านกิจการหรือด้านการอบรมสั่งสอน เฉินชังไห่ก็มีความยุติธรรมอยู่เสมอ แต่สิ่งที่ไม่ขาดเลยก็คือการตัดสินใจที่เด็ดขาดของเขา ไม่เช่นนั้นเขาจะยึดอำนาจสูงสุดของตระกูลเฉินได้อย่างไร
แต่ในตอนนี้ เฉินชังไห่ที่ไม่เคยยอมให้ใครกลั่นแกล้งคนในครอบครัวมาก่อน เขากลับใช้ประโยคสั้นๆ คำเดียวว่า ‘ให้มันจบเพียงเท่านี้’ ?
หรือว่าเขาแก่จนสมองเสื่อมไปแล้ว?
แต่ความคิดเหล่านี้ที่ผุดขึ้นมา คนในครอบครัวตระกูลเฉินได้แต่ลืมมันไปเท่านั้น
ไม่มีใครกล้าดูถูกนายท่านเฉิน แม้เขาจะเป็นชายชราที่ใกล้ถึงฝั่งแล้วก็ตาม เพราะใครก็ตามที่กล้าดูถูกเขา จะต้องนองเลือดอย่างแน่นอน!
ซึ่งจุดนี้เป็นเรื่องของท่านปู่เฉินชังไห่ที่ทุกคนรู้กันดีหลังจากที่เขาโกหกทุกคนจนสำเร็จ โดยการให้เฉินจงเหอบังหน้าแต่เขากลับซ่อนอยู่เบื้องหลังอย่างเงียบๆ
ถ้าไม่มีกลอุบายเหล่านี้ แล้วเขาจะหลอกเหล่าตาเฒ่าจิ้งจอกที่เป็นคนชนชั้นสูงในเจียงหนันนี้ได้อย่างไร?!
เกาหย่าหยุนพูดขึ้นอย่างโกรธเคือง “คุณพ่อคะ! คุณพ่อแก่จนสมองสับสนเหรอคะ? เสี่ยวหยังถูกทำร้ายขนาดนี้ แต่คุณพ่อกลับปล่อยให้เรื่องมันจบลงง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไงคะ?!”
“หย่าหยุน คุณพูดอะไรเนี่ย!” เฉินจุนเหอรีบห้ามเกาหย่าหยุน
“เฉินจุนเหอ ไม่ต้องมาห้ามฉันหรอก!”
เกาหย่าหยุนที่ถูกความโกรธครอบงำจะใจเย็นลงได้อย่างไร “คุณชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลไม่ได้ก็แล้วไป ตอนนี้ลูกชายคุณถูกทำร้ายแต่คุณกลับไม่สนใจ คุณมันไร้ประโยชน์จริงๆ!”
เพราะเฉินหยังเป็นดั่งสมบัติอันล้ำค่าที่สุดของเกาหย่าหยุน ปกติเธอไม่เคยว่าไม่เคยกล่าวเลยสักคำ คงไม่ต้องพูดถึงการตีสั่งสอนลูกหรอก
แต่แล้ว ลูกอันเป็นที่รักของเธอกลับถูกเย่เทียนทำร้ายจนปานตาย แม้แต่เธอยังถูกกระทืบด้วย แล้วจะให้เธอทนยอมได้อย่างไร? ถ้าหากวันนี้เธอไม่ขอความเป็นธรรม แล้วต่อไปใครคิดจะรังแกเธอได้งั้นหรือ?
“ท่านปู่คะ ท่านคิดว่าหนูกับลูกชายหนูอ่อนแอขนาดนั้นเลยเหรอคะ? ท่านคิดจริงๆ เหรอคะว่าหนูไม่มีครอบครัวคอยสนับสนุน?”
เกาหย่าหยุนเล็งเป้าไปที่เฉินชังไห่แล้วพูดอย่างแบไต๋ว่า “หนูขอบอกตรงๆ เลยนะคะ ถ้าเรื่องนี้ท่านไม่ให้ข้อสรุปที่น่าพึงพอใจกับหนู หนูจะกลับไปบอกพ่อให้ถอนหุ้นของตระกูลเกาออกจากบริษัทแซ่เฉิน และจะไม่มีการร่วมมือทางธุรกิจใดๆ อีก!”
“หย่าหยุน คุณพูดอะไรกันเนี่ย!”
สีหน้าของเฉินจุนเหอถึงกับซีดเซียว แก้มที่พร่ามัวของเขาก็ยิ่งดำขึ้นกว่าเดิม
จะต่อว่าเขาก็แล้วไป เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้ว แต่การที่พูดจาข่มขู่ท่านปู่แบบนี้ นางจะกล้าหาญไปหน่อยไหม? ไม่กลัวท่านปู่โกรธงั้นหรือ?
แม้แต่เฉินจุนเหอยังคิดแบบนี้ แล้วนับประสาอะไรกับคนอื่นๆ ในบ้าน ทุกคนจึงมองไปที่เกาหย่าหยุนด้วยความประหลาดใจและไม่คิดว่าเธอจะกล้าพูดจาไม่ให้เกียรติผู้อาวุโสแบบนี้
อันที่จริง เกาหย่าหยุนก็รู้สึกผิดทันทีหลังจากที่เธอหลุดปากออกมาแล้ว เพราะเธอแค่โกรธในการตัดสินใจของท่านปู่เฉินชังไห่เพียงชั่วขณะเท่านั้น
ในฐานะลูกสะใภ้ของตระกูลเฉิน เธอรู้ดีถึงนิสัยของพ่อตาของเธอคนนี้ ถ้าเขาโกรธขึ้นมาจริงๆ ผลที่ตามมาไม่ใช่สิ่งที่เธอจะสามารถแบกรับได้อย่างแน่นอน
แต่โชคดีที่ท่านปู่เฉินชังไห่เพียงแค่ชำเลืองมองเธอเบาๆ แล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “ในเมื่อเธอคิดว่าฉันลำเอียง เธอก็ดูเองสิ!”
เกาหย่าหยุนก็เดินเข้าไปอย่างกะโผลกกะเผลกและหยิบโทรศัพท์มือถือของลุงฝูขึ้นมาดู แม้จะไม่ได้ยินบทสนทนาในคลิปนั้น แต่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเฉินหยังเป็นคนริเริ่มก่อน
ทันใดนั้นสีหน้าของเกาหย่าหยุนก็เต็มไปด้วยความละอายใจ เพราะท่าทีของคนที่ตั้งใจจะหาเรื่องคนอื่นกับคนที่ป้องกันตัวเองนั้นมันช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!
ถ้าเย่เทียนเป็นคนริเริ่มลงมือทำร้ายใครก่อน เขาจะไม่มีจุดยืนในบ้านตระกูลเฉินนี้อีก และแม้แต่การลำเอียงของท่านปู่เฉินชังไห่ เขาก็จะไม่สามารถอยู่ต่อในบ้านตระกูลเฉินนี้อีกอย่างแน่นอน
แต่ในความเป็นจริงนั้นเฉินหยังเป็นคนริเริ่มทำร้ายคนอื่นก่อน คงจะยอมให้เย่เทียนเป็นคนถูกทำร้ายฝ่ายเดียวไม่ได้หรอก? ถ้าจะโทษก็คงต้องโทษฝีมือของเฉินหยังสู้คนอื่นไม่ได้
ในชั่วขณะนั้น เกาหย่าหยุนถึงกับพูดไม่ออกและความหยิ่งผยองก็หายไป
“หวั่นชิงอยู่ที่นี่ก่อน ส่วนคนอื่นกลับไปกันก่อนเลย”
เรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นนี้ทำให้เฉินชังไห่รู้สึกเหนื่อยใจและเขาก็โบกมืออย่างเหนื่อยล้าเพื่อส่งสัญญาณให้ทุกคนออกไป
ทุกคนในตระกูลเฉินมองไปที่เฉินหวั่นชิงด้วยแววตาความสงสัย เพราะตั้งแต่นายท่านเฉินล้มป่วยเมื่อครั้งล่าสุด เขาไม่ค่อยได้ทำแบบนี้แล้ว ซึ่งก็ทำให้ทุกคนสงสัยถึงแรงจุงใจของเขาที่มีต่อเฉินหวั่นชิง…..