ตอนที่ 194 งานประลองใต้ดิน

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 194 งานประลองใต้ดิน

 

“ไปได้แล้ว”ผู้ติดตามขององค์ชายซูเจินพูดขึ้นหลังจากไปจูเหวินรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บคนสุดท้ายเสร็จแล้ว

 

“เข้าใจแล้ว”ไปจูเหวินตอบเสียงเบาพลางถอนหายใจออกมาแม้จะได้รักษาผู้ลบาดเจ็บและจ่ายค่าเสียหายสําหรับสร้างเมืองใหม่แล้วแต่ไปจูเหวินก็ยังรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่เพราะตลอดเวลาที่ช่วยรักษาไม่ได้มีทุกคนที่ดีใจกับการรักษาจนหายดี บางคนต้องเสียคน ในครอบครัวไป บางคนก็ไม่อาจเอาอวัยวะของตนคืนมาได้ ทํา ให้ไปจูเหวินได้แต่เก็บความผิดเอาไว้กับตนเองแล้วจากไปโดยทําอะไรมากกว่านี้ไม่ได้เท่านั้น

 

“เสียเวลาจริงๆ” องค์ชายชูเงินว่าพลางมองไปจูเหวินที่กลับเข้ามาในที่พักขององค์ชาย มันรอไปจูเหวินรักษามา 5 วันแล้ว แม้จะ ช่วยประหยัดค่าหมอค่ายาแต่มันก็ยังรู้สึกไม่พอใจที่ต้องรออยู่ดี

“ไปกันได้แล้ว ป่านนี้อี้หม่ารอจนรากงอกแล้ว”องค์ชายบ่นพลางบอกให้องครักษณ์พาไปจูเหวินขึ้นไปที่รถสําหรับคุมตัวเช่นเดิม

“รักษาตัวให้ดีล่ะ นับแต่นี้ไปเจ้าเป็นสมบัติส่วนตัวขององค์ชายชูเงินแล้ว” ผู้ติดตามพูดเสียงเย็นก่อนจะปิดประตูรถม้าที่ใช้จับกุมตัวไปจูเหวินเอาไว้

 

“อีกแล้ว” ชายที่อยู่ระดับเทียนเซียนขั้นที่ 9 บ่นออกมาพลางมองไปจูเหวินด้วยท่าที่เห็นใจ มันได้เห็นไปงูเหวินช่วยรักษาชาวเมืองแล้วเรียกได้ว่ามันแทบไม่ได้กินไม่ได้นอนเดินทางช่วยรักษาอย่า งกับคนบ้าแม้แต่ผู้ติดตามขององค์ชายที่มีพลังวิญญาณสูงกว่าไปจูเหวินมากยังบ่นไม่หยุดว่าไปจูเหวินลากมันไปๆมาๆจนเหนื่อยแทบ

แย่

 

“อีกแล้วอะไรเหรอพี่ซีอาน”ไปัจูเหวินถามพลางมองไปทางชายที่อยู่ระดับเทียนเซียนขั้นที่ 9 เพราะมันเคยได้ไปัจูเหวินช่วยรักษาทําให้มันค่อนข้างเปิดใจกับไปัจูเหวินและพูดคุยกับไปัจูเหวิน มากที่สุดในกลุ่มคนคุมตัวเลยก็ว่าได้

“จะเรียกว่าอะไรดีล่ะ ตอนนี้เจ้ากลายเป็นสัตว์ที่องค์ชายเอาไว้เข้ากรงสู้กันเพื่อความสนุกสนานแล้ว” ซีอานว่าพลางส่ายหน้าเบาๆความจริงองค์ชายมีคนแบบไปจูเหวินอยู่หลายคน แต่ส่วนใหญ่ก็ตายในลานประลองใต้ดินของ อี้หม่าจนหมดแล้ว โดยลานประลองที่ว่าจัดขึ้นอย่างลับๆโดยมีเหล่าขุนนางเข้าร่วมกันเป็นจํานวนมาก เพราะองค์ชายชูเจินเป็นขาพนันรายใหญ่ทําให้ไม่มีใครกล้าทําอะไรกับบ่อนใต้ดินเช่นนี้

 

“ก็คือ ข้าต้องลงประลองเพื่อให้เหล่าขุนนางพนันกันสินะ”ไปจูเหวินว่าพลางเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจมันนึกว่ามันต้องโดนคุมขังในที่ไหนสักที่เสียอีก

 

“ใช่ แต่องค์ชายเป็นพวกชอบประลองแบบเสียเปรียบ คนส่วนใหญ่ที่องค์ชายนํามาลงประลองต่างตายกันเสียส่วนใหญ่” ซีอานว่าพลางส่ายหน้าอย่างเอือมระอา

“แล้วพวกท่านไม่ได้ลงประลองด้วยงั้นเหรอ”ไปัจูเหวินถาม พลางมองเหล่าองครักษณ์ขององค์ชาย หากส่งคนระดับเทียนเซียนขั้นที่ 10 ลงประลองมันย่อมมีโอกาสชนะมากกว่าปกติแน่ๆ

“ไม่ได้ ลานประลองใต้ดินไม่อนุญาตให้คนระดับสูงกว่าเทียนเซียนขั้นที่ 5 ลงประลองเพราะพวกเราถือว่าเป็นกําลังหลังของอาณาจักรสหายของซีอานตอบเพราะตนเคยติดตามองค์ชายไป ที่ลานประลองใต้ดินหลายครั้งจึงพอทราบกฎเกณของลานประ ลองใต้ดินบ้าง

“อ๋อ แบบนี้นี่เอง แล้วการประลองนี้เป็นการประลองแบบถึงตายเหรอ”ไปัจูเหวินยังคงถามต่อเพราะหากยังเป็นแบบนี้ต่อไปไปัจูเหวินก็คงหนีไม่พ้นลานประลองใต้ดินนี่แน่ๆ เพียงแต่ไปัจูเหวินก็มีความมั่นใจไม่น้อยเพราะก่อนหน้านี้มันก็สู้กับผานสิ่งที่อยู่ระดับเทียนเซียนขั้นที่ 2 ได้อย่างไม่เลวเลย ยิ่งตอนนี้พลังของมันเพิ่มขึ้ นอีกเล็กน้อย บางทีมันอาจจะพอเอาชนะคนระดับเทียนเซียนขั้นที่ 2 ได้ก็เป็นได้

 

“ไม่มีกฏว่าห้ามฆ่า แต่ปกติพอรู้ผลก็หยุดเท่านั้น” ซีอานตอบเสีย งเบาพลางหันไปมองทางรถม้าขององค์ชาย

 

“แต่เพราะองค์ชายชอบจับพวกระดับต่ําๆไปสู้กับพวกระดับสูงกว่าจนพวกมันทนการโจมตีไม่ไหว สุดท้ายก็ไม่รอดกันสักราย”ได้ยินคําตอบไปจูเหวินก็พยักหน้าด้วยความเข้าใจ

 

“อะไรกัน เจ้าไม่กลัวบ้างหรือยังไง พลังวิญญาณของเจ้าพึ่งอยู่ระดับชําระเส้นเอ็นขั้น 1ในลานประลองมีพวกที่พลังฝีมือมากกว่า เจ้าอีกตั้งมากมาย”สหายของซีอานตอบพลางมองไปจูเหวินอย่าง ไม่พอใจเพราะมีครั้งหนึ่งองค์ชายจัดการประลองแบบบ้าดีเดือดไม่น้อย โดยเอาคนระดับตํากว่าก่อกําเนิดพลังเซียน 20 คนลงประลอ งกับคนระดับก่อกําเนิดพลังเซียนเพียง 3 คนซึ่งผลที่ออกมาก็คือคนระดับต่ํากว่าก่อกําเนิดพลังเซียนทั้ง 20 คนตายเรียบทําเอาคนที่ลงพนันต่างหัวเสียไปตามๆกัน

 

“ไม่ต้องเป็นห่วงมากหรอก เพราะระดับพลังต่างกันมากเกินไปมันจะไม่สนุกพักหลังๆก็เลยจัดประลองแบบห่างกันไม่เกิน 1 ระ ดับละนะ” ซีอานพูดเสียงเรียบเพราะไม่ว่าจะรุมขนาดไหนส่วน ใหญ่ก็ไม่อาจล้มคนที่อยู่ระดับสูงกว่ามากๆได้และต่อให้เป็นอัจฉริ ยะแค่ไหน หากระดับพลังห่างกันเกินไปก็ไม่สามารถทําอันตรายผู้มีพลังเหนือกว่าได้ สุดท้ายเลยต้องจัดพนันแบบระดับใกล้เคียงกันแทนเพื่อความสนุกสนานของคนดู

 

“จะว่าอย่างไรดีล่ะ ข้าว่ามันน่าสนใจกว่าการต้องโดนขังมากเลยทีเดียว”ไปจูเหวินยิ้มอย่างกับเรื่องที่พวกมันขู่ไม่สามารถทําให้ไปจูเหวินหวาดกลัวได้เลย

 

หลังจากเดินทางมาพักใหญ่ ในที่สุดขบวนเสด็จขององค์ชายชูเงินก็กลับมาถึงเมืองหลวงเสียที แต่แทนที่จะเดินทางไปวังหลวงเพื่อกลับเขตวังของตนเอง องค์ชายซูเจินกลับแวะไปที่ร้านแห่งหนึ่งก่ อนเป็นอย่างแรกดดยร้านดังกล่าวมีสภาพเหมือนร้านขายอสูรสําหรับเลี้ยงซึ่งในร้านส่วนใหญ่ก็เป็นอสูรระดับต่ําทั้งนั้น แต่ในร้าน แห่งนี้ อสูร ไม่ใช่สินค้าหลักที่พวกเขาขายกัน

 

“นั่นมันอะไรกัน”ไปจูเหวินขมวดคิ้วพลางมองไปข้างนอก ด้วยดวงตาของมันทําให้รถม้าคุมขังที่ราวกับห้องมืดไม่มีผลอะไรเลยมันสามารถมองเห็นได้ทั้งหมดว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น และสิ่งที่มันเห็นจากในร้านที่องค์ชายเข้าไปนั้นก็คือเหล่าผู้ฝึกฝนพลัง วิญญาณที่โดนล่ามโซ่เอาไว้ราวกับสัตว์เลี้ยงนี่คือสิ่งหนึ่งที่ไปจูเหวิ นไม่เคยเห็นในอาณาจักรเพราะจักรพรรดิรุ่นก่อนได้ยกเลิกระบบทาสไปแล้ว

 

“พวกมันเป็นแรงงานทาสชั้นสูงที่เป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณ”ซีอานตอบพลางมองออกไปนอกหน้าต่างรถที่เหลือช่องอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

 

“ทาส? มันคืออะไรกัน”ไปจูเหวินที่ไม่เคยเจอเรื่องนี้มาก่อนถามด้วยความแปลกใจ

“พวกมันเป็นผู้กระทําความผิดร้านแรง เลยโดนจับมาขายเพื่อใช้แรงงานตามคําสั่งของเจ้านาย”ซีอานตอบพลางหันมามองไปจูเหวิน

“เหมือนกับเจ้าในตอนนี้ยังไงล่ะ”ได้ยินเช่นนั้นไปจูเหวินก็พยักหน้าช้าๆแสดงว่าผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณที่อยู่ในร้านเป็นผู้กระทําความผิดทั้งหมดนั่นเอง แต่ถึงอย่างนั้นการค้าขายมนุษย์ด้วยกันเช่นนี้ออกจะแปลกตาไปหน่อยสําหรับไปจูเหวิน แต่มันก็คงไม่ต่างจากการขายอสูรเท่าไหร่มั้ง?

 

“ขึ้นไป” ผู้ติดตามขององค์ชายเดินออกมาจากร้านพร้อมแรงงานทาสที่ซื้อมา 2 คน โดยทั้ง 2 เป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณระดับก่อกําเนิดพลังเซียนกันทั้งคู่เพราะพวกมัน 2 คนเป็นผู้มีพลังวิญญาณสูงที่สุดในร้านแล้ว

“เชอะ” ชายคนหนึ่งส่งเสียงเหมือนไม่พอใจออกมา พวกมันดูแล้วเป็นชายวัยกลางคนผิวหยาบกร้านและแต่งตัวเหมือนโจรไม่มีผิดทําให้ไปจูเหวินเดาว่าพวกมันอาจจะเป็นโจรจริงๆก็ได้

“มองอะไรวะ” ชายคนหนึ่งหันมามองไปจูเหวินพลางตะคอกใส่อย่างไม่ไว้หน้า ในรถม้ามีแต่คนระดับสูงๆทั้งนั้น ทําให้พวกมันหันมาข่มไปจูเหวินคนเดียวที่พลังน้อยกว่ามัน ทําให้ไปจูเหวินได้แต่ยิ้มเจี่อนๆตอบรับ

หลังจากแวะซื้อแรงงานทาสที่ร้านแล้ว องค์ชายชูเงินก็ไม่ได้กลับวังหลวงแต่อย่างไร มันมุ่งหน้าไปยังเหลาอาหารแห่งหนึ่ง ในช่วงค่ําก่อนจะนํารถม้าไปจอดในลานจอดรถม้าที่ถูกสร้างเอาไว้อย่างดีไม่สมกับเป็นลานจอดรถม้าของร้านอาหารเลยแม่แต่น้อย 

 

ตึง! นอกจากรถม้าขององค์ชายแล้วยังมีรถม้าที่ตกแต่งอย่างหรูหราอีกหลายคันเข้ามาจอกในลานจอดรถเช่นกันโดยในรถแต่ละคันนอกจากเจ้าของรถที่แต่งกายอย่างหรูหราแล้วยังมีคนติดตามอีกจํานวนหนึ่งที่อยู่ระดับสูงกว่าเทียนเซียนขั้น 6 เป็นส่วนใหญ่ นอกนั้นก็จะมีคนแบบไปจูเหวินหรือก็คือคนที่มาเป็นไก่ชนนั่นเอง

“โอ้ องค์ชายวันนี้พระองค์มาร่วมงานด้วยงั้นหรือ” ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทายองค์ชายชูเงินราวกับองค์ชายมักมาที่นี่เป็นประจําเลยที่เดียว

 

“แน่นอน วันนี้ข้าเตรียมเงินมาเยอะ รับรองว่าได้สนุกแน่นอน” องค์ชายชูเจินว่าพลางหัวเราะเสียงดัง

“เชิญข้างในเลยขอรับ” ชายอีกคนเห็นองค์ชายมาแล้วก็รีบตรง เข้ามาต้อนรับทันที่ท่าทางมันจะเป็นเจ้าของสถานที่แห่งนี้กระมังการต้อนรับเช่นนี้ก็สมกับเป็นองค์ชายดีกระมัง

 

“พวกเจ้ามาทางนี้”ผู้ติดตามขององค์ชายว่าพลางเดินนําไปจูเหวินและทาสอีก 2 คนขององค์ชายเข้าไปในเหลาอาหารอย่างช้าๆพวกมันไม่ได้เข้างานทางเดียวกันกับพวกเจ้านาย ทําให้มีกลุ่มผู้ลงประลองเดินลงมารวมกันอยู่ในห้องเล็กๆซึ่งเป็นทางเชื่อมต่อไปยั งลานประลองที่ถูกสร้าเอาไว้กลางสวนกลางเหลาอาหารพอดีโดยเหลาอาหารสร้างล้อมลานประลองเป็นรูปวงกลมทําให้ที่นั่งทุกที่สามารถมองเห็นการประลองได้อย่างชัดเจน