ตอนที่ 195 ลงเดิมพัน

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 195 ลงเดิมพัน

 

“องค์ชาย วันนี้ท่านจะเป็นฝ่ายไหนดีหรือขอรับ”ชายที่ออกมาต้อนรับองค์ชายชูเจินก่อนหน้านี้ถาม พลางพาองค์ชายมานั่งที่เก้าอี้พิเศษของมันที่ตั้งอยู่สูงกว่าที่นั่งปกติมาก

 

“วันนี้ข้ามาทุนมาเยอะ เอาเป็นว่าวันนี้ข้าจะเป็นเจ้ามือเองก็แล้วกัน”องค์ชายว่าพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี แน่นอนว่ามันได้เงินมาไม่น้อยจากการจ่ายของไป๋จูเหวิน แต่ถึงไม่มีเงินส่วนนั้นมันก็ชอบรับเป็นเจ้ามือให้บ่อยแห่งนี้อยู่แล้ว

 

“ถ้าเช่นนั้นองค์ชายจะจัดการประลองแบบไหนดี”เจ้าของบ่อนถามพลางยิ้มกว้าง ในวันที่องค์ชายเป็นเจ้ามือ นอกจากมันจะไม่ต้องเสี่ยงเสียเงินแล้ว มันยังได้รับส่วนแบ่งจากองค์ชายอีกต่างหาก นับว่ามันมีแต่ได้กับได้จริงๆ

 

“ข้าเตรียมคนมา 3 คน หาพวกระดับต่ําประมานก่อกําเนิดพลังเซียนมาอีก 5 คน แล้วจับคู่ประลองกับคนระดับเหรินเซียนซะ” องค์ชายตอบพลางส่งรายชื่อคนของมันให้เจ้าของบ่อน แน่นอนว่าในนั้นรวมไป๋จูเหวินอยู่ด้วย

 

“ทีม มีระดับชําระเส้นเอ็นมาด้วยนี่นา”เจ้าของบ่อนถาม พลางมองรายชื่อที่องค์ชายให้มา

 

“อ๋อ เจ้านั้นถือเป็นกรณีพิเศษ” องค์ชายตอบเสียงเรียบ พลางหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี

)

“ขอรับ แล้วอัตราการเดิมพันละขอรับ”เจ้าของบ่อนถาม พลางยิ้มกริ่ม

 

“เหมือนเดิม 5 ต่อ 1.5”องค์ชายตอบอย่างสบายใจ ไม่มีท่าที่เดือดร้อนเลยแม้แต่น้อย เพราะส่วนใหญ่ฝ่ายพลังน้อยกว่ามักจะแพ้บ่อยๆ แต่ถึงอย่างนั้นการหวังผลพลิกล็อคก็น่าสนุกไม่เลวเลย

 

“ขอรับ ข้าจะจัดการให้เจ้าของบ่อนว่าพลางยิ้มรับ ก่อนจะนําข้อมูลการพนันไปให้โต๊ะรับพนั้นเริ่มให้วางเดิมพัน

 

“องค์ชาย” หลังจากเริ่มให้วางเดิมพันไปได้ไม่นาน อยู่ๆลูกน้องของเจ้าของบ่อนก็พรวดพลาดเข้ามาตรงที่นั่งขององค์ชาย ทําเอาเจ้าของบ่อนรีบมองมันด้วยสีหน้าตําหนิทันที

 

“มีลูกค้าท่านหนึ่งถามว่าสามารถเดิมพันได้มากสุดเท่าไหร่ขอรับ” ลูกน้องของเจ้าของบ่อนถามพลางมองกลับไปที่ประตูด้วยท่าที่ลุกลน

 

“ถามอะไรอย่างนั้น องค์ชายเป็นเจ้ามือทั้งที มันก็ต้องไม่มีอั้นอยู่แล้วสิ”เจ้าของบ่อนว่าพลางส่ายหัวอย่างไม่ชอบใจ

 

“ถูกแล้ว ไปบอกเจ้านั่นว่าเจ้าอยากจะแทงเท่าไหร่ก็ลงได้เลย จะแสนเหรียญทอง หรือล้านเหรียญทองก็ย่อมได้” องค์ชายหัวเราะพลางมองสนามประลองว่าเปล่าอย่างคาดหวัง ยิ่งพนันหนักเท่าไหร่ การประลองก็ยิ่งมีรสชาติ

 

“ขะ ขอรับ” ลูกน้องของเจ้าของบ่อนตอบพลางเดินกลับออกไปจากที่นั่งขององค์ชาย ไม่รู้ทําไมมันถึงมีท่าทีตื่นเต้นขนาดนั้นกัน

 

“ข้าละอยากรู้จริงๆว่าเงินเดิมพันในคืนนี้จะเท่าไหร่” องค์ชายยิ้ม พลางมองไปที่โต๊ะพนัน แขกที่เข้ามาส่วนใหญ่ ล้วนเป็นขุนนางหรือพ่อค้ามีชื่อเสียง แต่ละคนกระเป๋าหนักจนแทบแบกไม่ไหว ทําให้ยามปกติเงินเดิมพันก็หลักร้อยล้านเหรียญทองอยู่แล้ว

 

“องค์ชาย” ยังไม่ทันได้ทําอะไรต่อ ลูกน้องของเจ้าของบ่อนคนเมื่อครู่ก็วิ่งกลับเข้ามาอีกครั้ง

 

“มีอะไรอีก”เจ้าของบ่อนถามด้วยท่าที่อารมณ์เสีย

 

“คะ คนเมื่อครู่ขอรับ” ลูกน้องพูดพลางหายใจเข้าลึกๆ

 

“ลูกค้าคนเมื่อครู่ลงเดิมพันข้างเสียเปรียบ 10,000 ล้าน เหรียญทองขอรับ”ได้ยินที่ลูกน้องพูด ท่าที่โมโหของเจ้าของบ่อนก็หายไปในพริบตา แม้แต่มันเองยังตกตะลึงเมื่อได้ยินจํานวนเงินที่ลูกค้าวางเดิมพัน

 

“มันเป็นใครกัน” องค์ชายชูเจินว่าพลางลุกขึ้นยืนมองไปรอบๆ

 

“ลูกค้าที่โต๊ะ 9 ขอรับ” ลูกน้องตอบพลางมองไปที่มุมหนึ่งของร้านค้า

 

“มันมีเงินแน่งั้นเหรอ”องค์ชายซูเจนว่าพลางมองตามที่ลูกน้องของเจ้าของบ่อนบอก

 

“นั่นมัน”เจ้าของบ่อนใจหายวาบ เมื่อเห็นลูกค้าที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ 9

 

“เสด็จพี่ “ชูเจินว่าพลางกลืนน้ําลายลงคอ ที่โต๊ะ 9 นั้นปรากฏร่างขององค์ชายใหญ่แห่งอาณาจักรชู ชูเฟิง นั่งอยู่ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสทําเอาชูเจินงุนงงเป็นอย่างมากว่าพี่ชายของมันมาที่นี้ได้อย่างไร เพราะปกติแล้วชูเฟิงไม่ชอบการพนันเลยแม้แต่น้อย

 

“เสด็จพี่” ชูเจินไม่รอช้าเดินลงจากที่นั่งส่วนตัวของตนเองไปยังโต๊ะที่พี่ชายนั่งอยู่ทันที

 

“ว่าไงชูเจิน” ชูเฟิงว่าพลางหันมามองชูเจินด้วยสีหน้าเรียบเฉย

 

“ท่านมาทําอะไรที่นี่ แล้วทําไมท่านถึงลงเงินเดิมพันขนาดนั้น” ชูเจินถามอย่างไม่เข้าใจ เพราะปกติพี่ชายของมันแม้ไม่ชอบพนันแต่ก็ไม่เคยต่อว่าเรื่องนี้กับมันเลย

 

“ข้าพาแขกมาเที่ยวชมเหลาอาหารของเจ้าเท่านั้น” ชูเฟิง ว่าพลางผายมือไปทางผู้ร่วมโต๊ะของตนเอง

 

“แล้วข้าก็ไม่ได้เป็นคนวางเดินพันเสียหน่อย” ชูเฟิงยิ้ม พลางยกแก้วสุราขึ้นดื่มโดยไม่สนใจว่าน้องชายของมันจะกําลังเจอปัญหาอะไร

 

“แขก…” ชูเจินขมวดคิ้วพลางมองคนที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่กับพี่ของมัน

 

“อีซูหลาน..อูหมิง…อูเทียนเหวิน” ชื่อของแขกของซูเฟิงทําเอาเหล่าขุนนางรอบๆหันมามองที่โต๊ะขององค์ชายด้วยสีหน้าตื่นตระหนกทันที เพราะราชวงศ์ต่างเมืองมาอยู่ที่นี่นั้นไม่ใช่เรื่องปกติเท่าไหร่

 

“พวกท่านทําไมถึงมาลงพนันกัน” ชูเจินถามพลางสูดหายใจเข้าลึกๆ หากเป็นองค์ชายจากอาณาจักรคู่มันย่อมมีเงิน 10,000 ล้านเหรียญทองมาจ่ายจริงๆแน่ แต่หากมันเสียสละก็มีหวังต้องหามาจ่ายคืน 50,000 ล้านเหรียญทองกันพอดี ซึ่งนั่นมันมากกว่าเงินที่มันได้จากไป๋จูเหวินมามากกว่า 10 เท่าเสียอีก

 

“องค์ชายชูเจินพูดจาแปลกประหลาดยิ่งนัก พวกเราเข้ามาในบ่อน เมื่อเห็นโต๊ะรับพนันจึงลงเดิมพัน มีอะไรแปลกงั้นหรือ” ซูหลานยิ้มหวานพลางจ้องมองซูเจินนิ่ง แทบจะเป็นเรื่องที่ทราบกันดีในวังหลวงว่าพี่ชายขององค์ชายชูเจินอย่างซูเฟิงนั้นตกหลุมรักซูหลานมานานมากแล้ว ถึงขนาดไปสู่ขอด้วยตนเองและหมั้นหมายกันจนได้ แถมมันยังยอมทําข้อตกลงที่เสียเปรียบเพื่องานหมั้นครั้งนี้อีกต่างหาก

 

เพราะเหตุนี้ชูเจินเลยเข้าใจว่าพี่ชายของมันให้ความสําคัญกับซูหลานมากกว่าน้องชายต่างมารดาที่แอบชิงบัลลังก์กันอยู่อย่างแน่นอน

 

“แทบท่านเองก็เป็นคนบอกไม่ใช่หรือว่าไม่จํากัดวงเงินพนัน” อี้หมิงถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย ตอนแรกมันให้ชูเฟิงพามาที่บ่อนแห่งนี้เพราะไป๋จูเหวินอาจจะอยู่ที่นี่ แต่พอเห็นว่าในการประลองมีชื่อของไป๋จูเหวินอยู่ มันเลยนึกแผนใหม่ ออกโดยไม่ต้องเปลืองเงินและไม่ต้องสร้างความแค้นต่อกันมากจนเกินความจําเป็น

 

“ซูเงิน คําพูดของราชวงศ์อย่างเรานั้นต้องหนักแน่น เจ้าคงไม่พูดอะไรน่าอายอย่างการขอคืนคําสินะ” ชูเฟิงยิ้มพลางจ้องมองซูเงินด้วยท่าที่ดุดัน

 

“ขะ ข้าไม่คืนคําหรอกน่า” ชูเจินตอบพลางกัดฟันแน่น มันรีบเดินบึงบังกลับไปพร้อมตรงไปหาเจ้าของบ่อนอย่างรวดเร็ว

 

“เปลี่ยนตารางซะ” ชูเจินว่าพลางนั่งลงที่เก้าอี้อย่างหัวเสีย

 

“เปลี่ยนตอนนี้..ตะ แต่พวกเราประกาศไปแล้วนะขอรับ”เจ้าของบ่อนมองด้วยสีหน้าตกใจ

 

“เปลี่ยนคนที่จะมาประลองก็ได้ บอกว่าคนเก่าบาดเจ็บหรืออะไรก็ได้ หาคนที่เก่งที่สุดลงมาฝั่งพลังสูงซะ” ชูเจินตบโต๊ะพลางสั่งให้เจ้าของบ่อนไปเปลี่ยนแปลงข้อมูลซะ

 

“ขอรับ”เจ้าของบ่อยโดนสั่งเช่นนี้ก็หน้าเสียพลางวิ่งไปที่โต๊ะรับพนั้นอย่างรวดเร็ว

 

“หัวหน้า แบบนี้ไม่ได้นะขอรับ หากทําแบบนี้ ความน่าเชื่อถือของพวกเราได้พังหมดแน่ๆ” ลูกน้องของเจ้าของบ่อนท้วง เมื่อเห็นเจ้าของบ่อนฉีกข้อมูลของคนที่ไป๋จูเหวินจะประลองด้วยออกแล้วนํารูปใหม่เข้าไปติดแทน

 

“ข้าจะหาทางทําอะไรเอง”เจ้าของบ่อนว่าพลางมองไปรอบๆ แขกส่วนใหญ่มากันครบแล้ว แถมวางเดิมพันกันหมดแล้วด้วย ขืนบอกว่าเปลี่ยนคู่ประลองเอาตอนนี้คงโดนโวยเป็นแน่

 

“สวัสดีท่านผู้มีเกียรติทุกท่านเห็นว่าลูกค้ามากันเต็มแล้ว เจ้าของบ่อนก็ได้แต่กลืนน้ําลายออกไปยืนหน้าแท่นประกาศเปิดงาน

 

“ในค่ําคืนนี้ พวกเราได้รับเกียรติจากองค์ชายชูเจินมาเป็นเจ้ามืออีกครั้ง ช่างเป็นพระกรุณายิ่งนัก”เจ้าของบ่อนว่าพลางกลืนน้ําลายลงคอ

 

“เพียงแต่คืนนี้ข้ากลัวว่างานจะไม่สนุก ข้าเลยตัดสินใจจะเพิ่มความตื่นเต้นให้กับคู่ประลองแรกของเราเสียหน่อย” สิ้นเสียงประตูบานหนึ่งที่อยู่ข้างๆลานประลองก็เปิดขึ้น โดยหลังประตูมีผู้ฝึกฝนวิญญาณจํารวนหนึ่งยืนอยู่โดย 1 ในนั้น ก็คือไป๋จูเหวินนั่นเอง

 

“ในวันนี้คู่ประลองของพวกเขาเหล่านี้จะไม่ใช่ผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณระดับเหรินเซียนขอรับ แต่จะเป็นระดับเทียนเซียนขั้นที่ 2 แทน”ได้ยินที่เจ้าของบ่อนรายงาน เหล่าขุนนางก็มีท่าที่ไม่พอใจทันที เพราะไม่ว่าจะอย่างไรเหล่าผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณระดับก่อกําเนิดพลังเซียนไม่กี่คนนั้นไม่อาจเอาชนะคนระดับเทียนเซียนได้หรอก แถมยังเป็นระดับ 2 อีกต่างหาก

 

“ข้าทราบดีว่าแบบนี้มันคงไม่สนุก ข้าเลยจะขอปรับเปลี่ยนอัตราการเดิมพันเสียหน่อย”เจ้าของบ่อนว่าพลางยิ้มทั้งน้ําตา

 

“หากฝ่ายพลังน้อยกว่าชนะได้ผู้พนันจะได้รางวัล 10 เท่า แทนที่จะเป็น 5 แต่หากฝายผู้มีพลังสูงกว่าชนะก็จะได้ 3 เท่าเลยทีเดียว”ได้ยินเช่นนั้นก็มีบางกลุ่มที่เริ่มลดเสียงลง เพราะส่วนใหญ่คนที่ไม่ยอมเสียงจะแทงฝายพลังสูงกว่าเพื่อกินเงินเล็กน้อย นอกจากวันนี้ฝ่ายตนเองจะแข็งแกร่งจนน่าตกใจ แล้วยังได้เงินตั้ง 3 เท่า เป็นแบบนี้พวกมันมีแต่ได้กับได้ ส่วนฝ่ายที่แทงข้ามพลังต่ํากว่าส่วนใหญ่ก็เพื่อเสียงโชคเท่านั้น หากชนะแล้วได้เงิน 10 เท่าก็นับว่าดีพวกนี้เลยไม่มีปัญหาอะไรมาก แต่ก็มีอยู่บางส่วนที่ยังคงโวยวายเรื่องความน่า งของระดับพลังไม่เลิก แน่นอนว่าหากทําเช่นนี้ซูเจินต้องจ่าย พวกที่แทงระดับสูงกว่าเยอะกว่าเดิม แต่หากกินเงินจากอิหมิงมาได้เรื่องนั้นก็ไม่ใช่ปัญหา

 

“เทียนเซียนขั้น 2 เชียว แบบนี้พี่ไปจะไหวหรือเปล่านะ” เทียนเหวินถามพลางมองลงไปในลานประลอง

 

“นั่นสิ” อู่หมิงยิ้มพลางนั่งชมอย่างสงบ ภายนอกไป๋จูเหวิน เหมือนผู้มีพลังระดับชําระเส้นเอ็น แต่ข่าวเรื่องที่มันสู้กับผานสิงอย่างสูสีนั้นคงมีไม่กี่คนที่ทราบ