บทที่ 303 บดขยี้ทุกสิ่งอย่าง
กลุ่มผู้รับชมถ่ายทอดสดต่างก็จินตนาการเอาไว้ว่าการต่อสู้ระหว่างหลินเป่ยเฉินกับเฉาพั่วเถียนจะต้องเปิดฉากอย่างดุเดือดเลือดพล่าน แต่พวกเขาไม่คิดเลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าจะเป็นความจริง
เมื่อได้เผชิญหน้ากันแล้ว
เฉาพั่วเถียนกลับถูกหลินเป่ยเฉินต่อยจนล้มคว่ำตกไปบนดาดฟ้าเรือ
เหมือนคู่รักที่ทะเลาะตบตีกันไม่มีผิด
ไป่ไห่ชินเบิกตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ มือของเขายึดเกาะที่วางแขนของเก้าอี้แนบแน่น
ถังกู่จินหรี่ตาลงเล็กน้อย รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปาก
เสียงอุทานของชาวเมืองดังขึ้นราวกับคลื่นสึนามิ
ผู้เข้าร่วมการแข่งขันศึกชิงธงที่เพิ่งตกรอบอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
คณะอาจารย์จากสำนักกระบี่ระดับสามัญที่มามองหาลูกศิษย์คนใหม่เข้าสถาบัน ล้วนแต่พูดอะไรไม่ออก
“ให้ตายสิ!” ฉู่เหิน พานเว่ยหมินและหลิวฉีไห่อุทานออกมาพร้อมกัน
เฒ่าทะเลเบิกตาโต ผิวหนังบริเวณใต้หูของเขาเปิดออก เผยให้เห็นซี่เหงือกที่เป็นประกายระยิบระยับ
ผู้อาวุโสตระกูลเซียวตกตะลึงจนเผลอดึงหนวดตัวเอง
เซียวหยุนหลงไม่สามารถปิดบังความประหลาดใจได้อีกต่อไป
ในขณะที่เซียวซางผู้เป็นนายน้อยประจำตระกูลเซียว บัดนี้ได้แต่ยกมือทาบอกด้วยความหวาดกลัว และเริ่มวางแผนว่าหากจบการแข่งขันเมื่อไหร่ เขาจะว่าจ้างสาวงามจากหอนางโลมมาจัดงานเลี้ยงและเรียนเชิญหลินเป่ยเฉินมาร่วมงานเพื่อทำการสงบศึก ในเมื่อเขาทำดีต่อหลินเป่ยเฉินแล้ว เจ้านั่นก็คงไม่คิดฆ่าเขาอีกกระมัง?
…
หลินเป่ยเฉินยืนอยู่บนแท่นสังเกตการณ์และทอดสายตามองลงไป
เขายิงฟันยิ้มอวดฟันขาววับ
“ทีนี้รู้หรือยังว่าเจ้ากับข้าแตกต่างกันมากแค่ไหน?”
“หากเจ้าไม่มีชื่อเสียงของเมืองไป๋หยุนคอยคุ้มครอง ไม่มีอาจารย์อย่างไป๋ไห่ชินคอยคุ้มกะลาหัว คิดหรือว่าจะไม่มีใครสามารถเอาชนะเจ้าได้ เฉาพั่วเถียน เจ้าจงรู้ไว้เถิดว่าตัวเจ้าเองไม่มีค่าอันใดในสายตาของพวกเราเลย”
หลินเป่ยเฉินพูดก่อนกระโดดลงมายืนบนดาดฟ้าเรือ
เขาย่างสามขุมตรงเข้าไปหาเฉาพั่วเถียน ซึ่งพยายามตะเกียกตะกายหลบหนีถอยหลังด้วยใบหน้าที่เปื้อนเลือด
“เศษเดนอย่างเจ้าคิดจะมาเป็นมือกระบี่อันดับหนึ่งประจำเมืองหยุนเมิ่งอย่างนั้นหรือ?”
หลินเป่ยเฉินมองหน้าเฉาพั่วเถียนและอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “เจ้ามันเป็นได้เพียงสุนัขรับใช้เมืองไป๋หยุนก็เท่านั้น ในกลุ่มผู้เข้าแข่งขันที่ข้าเผชิญหน้าด้วยในวันนี้ มีไม่น้อยกว่า 3 ถึง 4 คนที่สามารถเอาชนะเจ้าได้อย่างสบายๆ มันจึงเป็นเรื่องที่น่าตลกยิ่งเมื่อเห็นสุนัขข้างถนนอย่างเจ้า เพ้อฝันที่จะได้ครอบครองตำแหน่งผู้ชนะและไม่ยอมรับความเป็นจริง…”
“หลินเป่ยเฉิน!” เฉาพั่วเถียนคำรามเหมือนราชสีห์ที่กำลังบาดเจ็บ
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบเลือดของเขาจ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยความเคียดแค้น “วันนี้ข้าต้องจบชีวิตเจ้าให้ได้!”
เด็กหนุ่มผมทองโคจรพลังลมปราณในร่างกาย
แล้วมวลพลังของเขาก็เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมถึง 2 เท่า
เฉาพั่วเถียนกระโดดตรงเข้ามาหาหลินเป่ยเฉิน
“อะไรกัน? ยังคิดว่าพลังของเจ้าจะเอาชนะข้าได้อีกหรือ?”
หลินเป่ยเฉินโคจรพลังปราณธาตุน้ำในร่างกายและระเบิดม่านหมอกเลือดออกมาจากรูขุมขน
เมื่อใช้วิชาโลหิตกระชากวิญญาณเปลี่ยนเลือดในร่างกายให้กลายเป็นพละกำลังสำหรับออกหมัด หลินเป่ยเฉินก็มีกำลังวังชาไม่ต่างไปจากอสูรกายในคราบมนุษย์
ผลั่ก!
เฉาพั่วเถียนโดนต่อยกระเด็นกลับไปอีกครั้ง
พลังหมัดของหลินเป่ยเฉินรุนแรงยิ่งกว่าภูเขาไฟระเบิด
เฉาพั่วเถียนรู้สึกไม่ต่างจากถูกค้อนเหล็กทุบตีเข้าที่ใบหน้า
“อ๊าก…ฟู่!” เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดออกมาจากปากของเขา
เด็กหนุ่มผมทองหมุนคว้าง 360 องศากลางอากาศ ก่อนที่จะล้มลงไปกระแทกกับพื้นดาดฟ้าเรือเป็นครั้งที่สอง รอบกายของเขาเต็มไปด้วยกองเลือดสีแดงฉาน ตามเนื้อตัวของเขามีแต่คราบเลือดเต็มไปหมด
“น่าสมเพชจริงๆ”
“อ่อนแอและอ่อนหัดมากเกินไป”
“เจ้านี่มันโง่เขลาเหลือเกิน”
หลินเป่ยเฉินยกกำปั้นขึ้นมาเช็ดคราบเลือดที่ติดอยู่บนข้อนิ้ว
ก่อนที่จะเดินเหยียบย่ำลงไปบนกองเลือดของคู่ต่อสู้
ลักษณะท่าทีไม่แตกต่างไปจากฆาตกรใจโหด
ภาพเหล่านี้คือสิ่งที่กลุ่มคนดูไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น
มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?
ทำไมการต่อสู้ที่ควรจะดุเดือดที่สุดในการแข่งขันประจำปีนี้ ถึงได้กลายเป็นเพียงการไล่บดขยี้แต่เพียงฝ่ายเดียว?
ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายที่ให้กำลังใจหลินเป่ยเฉินหรือเฉาพั่วเถียน พวกเขาต่างก็คิดไม่ออกแล้วว่ามันเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร
ในที่สุด ถังกู่จินก็ไม่สามารถรักษาท่าทีสงบเยือกเย็นได้อีกแล้ว สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความประหลาดใจสุดขีด ความรังเกียจเดียดฉันท์บนใบหน้าสลายหายไป
ไป๋ไห่ชินลุกขึ้นยืนพูดตะกุกตะกัก “เป็นไปไม่ได้…หลินเป่ยเฉิน…เขาโกงการแข่งขัน!”
ความเบื่อหน่ายบนสีหน้าของหลิงจุนเซวียนหายไปในพริบตา เขาหันหน้ามาชำเลืองมองไป๋ไห่ชินและหัวเราะเยาะว่า “อาจารย์ไป๋กำลังจะกล่าวหาว่า เจ้าเมืองอย่างข้าหูหนวกตาบอด ไม่รู้ไม่เห็นว่าผู้เข้าแข่งขันมีกลโกงมาเล่นงานคู่ต่อสู้อย่างนั้นหรือ?”
ไป๋ไห่ชินเงียบเสียงลงไปทันที
หลิงจุนเซวียนหัวเราะในลำคอและกล่าวต่อ “ลูกศิษย์ของท่านต้องเป็นผู้ชนะคนเดียวเท่านั้นสินะถึงจะไม่มีคนโกง…หึหึ อาจารย์ไป๋ บัดนี้ท่านมีสถานะเป็นหนึ่งในสามยอดเซียนกระบี่จากเมืองไป๋หยุน อย่าว่าแต่ท่านพูดออกมาต่อหน้าของใต้เท้าถัง ไม่ทราบว่าใต้เท้ามีคำใดจะกล่าวบ้างหรือไม่?”
ถังกู่จินได้แต่หัวเราะในลำคอและไม่ตอบคำถามใดๆ
ไป๋ไห่ชินทรุดนั่งลงไปอีกครั้ง
ในหัวใจกำลังเจ็บแค้นอย่างร้ายกาจ
นี่เพิ่งผ่านจากคืนประลองกระบี่มาได้ไม่กี่เดือนเองไม่ใช่หรือ?
แล้วติงซานฉือสามารถเพิ่มพลังให้หลินเป่ยเฉินมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร? ชายชรามั่นใจว่าในคืนประลองกระบี่ หลินเป่ยเฉินสามารถเอาชนะได้ก็เพราะว่าโชคช่วยเท่านั้น
แต่ในการแข่งขันครั้งนี้ ไป๋ไห่ชินเตรียมการทุกอย่างไว้ล่วงหน้าอย่างละเอียดรอบคอบ เขาถึงกับยอมละเมิดกฎให้เฉาพั่วเถียนดื่มน้ำยาเพิ่มพลังลมปราณเข้าไปด้วยซ้ำ และนั่นก็สมควรที่เจ้าเด็กหนุ่มผมทองจะบดขยี้ทุกสิ่งอย่างที่ขวางหน้าให้ราบคาบเป็นผุยผง!
ไป๋ไห่ชินยอมรับว่าตนเองก็โกงเช่นกัน
แต่อดีตศิษย์พี่ของเขายังไม่กลับมาจากการตามหาขุมสมบัติในป่าลึก
แล้วใครกันนะที่เป็นผู้ฝึกสอนวิชาทั้งหมดนี้ให้แก่หลินเป่ยเฉิน?
ไป๋ไห่ชินคิดไปคิดมาก็ได้แต่หันมาจ้องมองหลิงจุนเซวียนโดยไม่รู้ตัว
หรือว่าท่านเจ้าเมืองผู้นี้จะแอบสอนอะไรหลินเป่ยเฉิน?
นับดูผู้คนในเมืองหยุนเมิ่ง ก็เห็นจะมีเพียงแต่หลิงจุนเซวียนคนเดียวเท่านั้นที่ไม่สนใจการแข่งขันสักเท่าไหร่
และที่หลิงจุนเซวียนทำเช่นนี้ก็เป็นเพราะว่า บุตรสาวคนเล็กของเขาตกหลุมรักหลินเป่ยเฉินนั่นเอง
คิดมาถึงตรงนี้ ไป๋ไห่ชินก็ยิ่งมั่นใจว่าตนเองคิดไม่ผิด
หากเป็นเช่นนั้นจริง…
หึหึ หลิงจุนเซวียนเอ๋ยหลิงจุนเซวียน เวลาตายของเจ้าได้มาถึงแล้ว
ไป๋ไห่ชินหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก่อนจะทอดสายตามองไปที่หน้าจอถ่ายทอดสดอีกครั้ง
ทันได้เห็นว่าลูกศิษย์ของตนเองกำลังตะเกียกตะกายลุกยืนขึ้นมาจากกองเลือด พลังลมปราณเหือดหาย สภาพน่าสมเพชเวทนาและน่าอนาถใจยิ่งนัก
เฉาพั่วเถียนรู้ดีว่าเป็นเช่นนี้ต่อไปตนเองก็ยิ่งมีแต่อับอายขายหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ เท่านั้น
เขาต้องแสดงความสามารถที่แท้จริงออกมาแล้ว
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มผมทองก็ค่อยๆ สอดมือเข้าไปใต้แขนเสื้อและบีบจับแผ่นยันต์แผ่นหนึ่งไว้แนบแน่น
พลัน มวลพลังงานที่ไม่มีใครสามารถตรวจจับได้ ก็พุ่งวาบออกมาจากส่วนลึกของมหาสมุทร
บัดนี้ ดวงตะวันจมหายลงไปที่เส้นขอบฟ้าครึ่งดวง มันทำให้ท้องทะเลถูกย้อมเป็นสีเลือด เกลียวคลื่นที่สาดเข้ามากระทบกับลำเรือ เป็นเสมือนกระแสโลหิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร
“หลินเป่ยเฉิน ข้าจะต้องฆ่าเจ้าให้ได้”
เฉาพั่วเถียนพูดออกมาอย่างยากลำบาก
สภาพของเขาไม่เหลือเค้าโครงหนุ่มหล่ออีกต่อไป
หลินเป่ยเฉินใช้กำปั้นทุบทำลายความภาคภูมิใจและศักดิ์ศรีของเฉาพั่วเถียนแตกกระจายไปหมดสิ้น มันทำให้เฉาพั่วเถียนไม่เหลือสติสัมปชัญญะที่จะคิดไตร่ตรองอะไรอีกแล้ว ความคิดเดียวที่เขามีในขณะนี้ คือต้องสังหารหลินเป่ยเฉินให้ได้ ไม่ว่าจะต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตาม
เด็กหนุ่มผมทองอุทิศพลังลมปราณมวลสุดท้ายของตนเอง ทะลวงไปยังจุดก่อกำเนิดลมปราณที่อยู่ลึกที่สุดในร่างกาย
พลังลมปราณพวยพุ่งออกมาอีกครั้ง
เลือดลมสูบฉีด
กำลังวังชาเปี่ยมล้น
เฉาพั่วเถียนพร้อมแล้วที่จะบดขยี้ทุกสิ่งอย่างที่ขวางหน้า !!!