[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]

บทที่ 523 : ปัญหาของเซียนเอ๋อ!

หลิงหยุนทิ้งเหยาลู่ไว้ที่บ้านเลขที่-1 และรีบขับรถไปยังอพาร์ทเมนท์เพื่อหาไป๋เซียนเอ๋อ

เมื่อไปถึงหลิงหยุนก็ใช้จิตหยั่งรู้สำรวจเข้าไปภายในห้อง แต่ก็พบว่าไป๋เซียนเอ๋อไม่อยู่ในบ้าน เขาจึงได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย..

หลิงหยุนไม่ได้เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของไป๋เซียนเอ๋อเลยแม้แต่น้อย เพราะด้วยความแข็งแกร่งของนางเวลานี้ หลิงหยุนเชื่อว่าต่อให้เป็นธิดาพรรคมารก็ยากที่จะหาไป๋เซียนเอ๋อพบได้ง่ายๆ

แต่เขาเป็นห่วงเรื่องความงดงามที่เหนือมนุษย์ของไป๋เซียนเอ๋อมากกว่า หากนางออกไปเดินเล่นข้างนอก เชื่อว่าบนท้องถนนในเมืองจิงฉูตอนนี้คงต้องเกิดความโกลาหลวุ่นวายอย่างแน่นอน..

และทันใดนั้นเอง.. โทรศัพท์มือถือของหลิงหยุนก็ดังขึ้น เมื่อหยิบออกมาดูก็พบว่าเป็นสายจากหลงหวู่ หลิงหยุนแทบไม่ต้องคิดว่าเกิดอะไรขึ้น เขารู้ได้ทันทีว่าต้องเกิดเรื่องจึงรีบกดรับสาย..

น้ำเสียงของหลงหวู่เต็มไปด้วยความร้อนอกร้อนใจ “หลิงหยุนนายอยู่ที่ใหน? รีบมาเร็วเข้า! ตอนนี้ฉันกับน้องเซียนเอ๋อกำลังมีปัญหา!”

“ปัญหาอะไร?!” หลิงหยุนถามพร้อมกับยิ้มขื่น

“เอ่อ.. ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรหรอก แต่ตอนนี้มีรถชนกันสองสามคัน เพราะคนขับมัวแต่หันมามองน้องเซียนเอ๋อน่ะสิ..”

ปรากฏว่าสองสามวันนี้หลิงหยุนก็ยุ่งและวุ่นวายมากจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปล่อยให้หลงหวู่เป็นผู้ดูแลไป๋เซียนเอ๋อ ด้วยนิสัยของหลงหวู่นั้น.. มีหรือที่จะยอมจับเจ่าอยู่ที่บ้านทั้งวัน เธอจึงหาเรื่องพาไป๋เซียนเอ๋อออกไปซื้อของ และเดินช้อปปิ้งนอกบ้าน

สาวสวยสองคนขับรถออกไปใจกลางเมือง และเมื่อเข้าไปถึงใจกลางเมืองได้ไม่นาน ก็มีรถชนกันอยู่ข้างรถของหญิงสาวทั้งสองคนหลายคัน แทบไม่ต้องถามว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะอะไร..? สาเหตุล้วนเกิดมาจากการที่คนขับรถมัวแต่มองความงดงามของไป๋เซียนเอ๋อแบบเหลียวหลังจนกระทั่งลืมมองถนนนั่นเอง เช่นนี้แล้วจะไม่ให้เกิดอุบัติเหตุรถชนกันได้อย่างไร?

ความจริงแล้ว.. เรื่องนี้ก็ไม่น่าจะเกี่ยวข้องอะไรกับสาวสวยทั้งสองคน แต่คนขับรถต่างก็พาโยนความผิดให้สองสาวอย่างน่าอาย และด้วยนิสัยของหลงหวู่มีหรือที่เธอจะยอม ทั้งสองฝ่ายจึงโต้เถียงกัน ผลปรากฏว่าปัญหากลับยิ่งใหญ่โตมากขึ้น และผู้คนก็เริ่มเข้ามามุงดูมากมาย ในที่สุดตำรวจจราจรก็มาถึง!

ทางด้านไป๋เซียนเอ๋อยังคงนิ่งเงียบไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียวจนถึงตอนนี้ ความจริงแล้วนางแทบอยากใช้วิชาลวงตาพาตัวเองและหลงหวู่ออกไปจากที่เกิดเหตุให้เร็วที่สุด แต่เพราะหลิงหยุนได้เคยสั่งไว้ว่า เมื่อกลับเข้าเมืองแล้ว หากไม่ใช่นาทีแห่งความเป็นความตาย ห้ามนางใช้วรยุทธใดๆโดยเด็ดขาด ดังนั้นไป๋เซียนเอ๋อจึงทำได้เพียงแค่ยื่นอยู่ข้างหลงหวู่เงียบๆ

หลิงหยุนถึงกับอึ้ง.. เขาเพิ่งจะตระหนักถึงความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงของตนเองที่ทิ้งไป๋เซียนเอ๋อไว้กับหลงหวู่ แต่เมื่อเกิดปัญหาแล้วก็ต้องแก้ไข เขาจึงสั่งให้หลงหวู่รออยู่ที่นั่น และเขาจะรีบไปถึงที่เกิดเหตุโดยเร็วที่สุด

และเพียงไม่นานหลิงหยุนก็ไปถึง.. เขาพบว่าสถานที่เกิดเหตุเป็นสี่แยกใจกลางเมืองที่มีผู้คนพลุกพล่าน และรายล้อมไปด้วยตึกสูงระฟ้า ผู้คนในบริเวณนั้นต่างก็พากันหลั่งไหลเข้ามามุงดูไม่ขาดสาย การจราจรจึงเริ่มเป็นอัมพาตขึ้นมาทันที

เสียงอื้ออึงของผู้คน เสียงแตรรถ และเสียงเครื่องยนต์ ดังโหวกเหวกโกลาหลไปทั่วทั้งบริเวณ

“เฮ้อ.. แย่แล้วสิ!”

หลิงหยุนถึงกับตกใจเมื่อได้เห็นภาพคนกำลังทะเลาะกัน เขาจอดรถอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุไปราวห้าสิบเมตร หลังจากล็อกรถเรียบร้อยแล้ว จึงเดินเบียดฝูงชนเข้าไปตรงจุดเกิดเหตุ

และด้วยความแข็งแกร่งของหลิงหยุน กำแพงมนุษย์ที่อยู่ด้านหน้าจึงไม่ใช่เรื่องลำบากยากเย็นสำหรับเขา เขาค่อยๆ เบียดร่าง และเคลียร์ทางเข้าไปหาหลงหวู่กับไป๋เซียนเอ๋อทันที

“มาแล้วเหรอหลิงหยุน.. ตอนนี้จะทำยังไงดี?” เมื่อหลงหวู่เห็นหลิงหยุน เธอก็ถึงกับถอนหายใจยาวออกมาด้วยความโล่งอกพร้อมกับร้องถาม

แต่คำพูดของหลิงหยุนก็ทำให้หลงหวู่ถึงกับอึ้งไป..

“ไว้กลับไปผมจะคิดบัญชีกับคุณ!”

หลิงหยุนยังมีธุระอีกมากมายต้องไปจัดการ แต่หลงหวู่กลับสร้างปัญหาทำให้เขายุ่งมากขึ้นไปอีก

“ฉันเองก็ไม่คิดว่าจะเกิด..” หลงหวู่ได้แต่เช็ดเหงื่อที่ไหลพรากออกพร้อมกับทำเสียงหวานออดอ้อน

ตำรวจจราจรสองคนซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นสองคนซึ่งเคยอยู่ในเหตุการณ์ที่ซันจิ้งขับรถชนเฉิงเม่ยเฟิงนั่นเอง ทั้งสองคนเป็นตำรวจจราจรที่มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนท้องถนน

ตำรวจชายชื่อหลี่หยาง ส่วนตำรวจหญิงชื่อหวังหมิน..

ช่างโชคร้ายที่หลิงหยุนจำหวังหมินได้ แต่หวังหมินกลับจำหลิงหยุนไม่ได้ เพราะเขาน้ำหนักลดลงไปกว่ายี่สิบกิโลกรัม รูปลักษณ์ภายนอกจึงดูเปลี่ยนไปมากราวกับเป็นคนละคน

ตำรวจจราจรคนหนึ่งยืนถัดจากชายวัยกลางคนสองคนที่กำลังยืนนิ่งฟังหวังหมินอบรมอยู่ แต่สายตาของทั้งคู่กลับเหลือบมองไป๋เซียนเอ๋อเป็นระยะๆ และดูเหมือนจะตั้งหน้าตั้งตามองให้ได้มากที่สุด

ความจริงแล้ว.. ไม่เพียงสองคนนี้จะต้องรับผิดชอบซ่อมแซมรถของตัวเอง  แต่ยังต้องซ่อมรถให้กับหลงหวู่ด้วย

ไม่เพียงชายวัยกลางคนที่คอยเหลือบมองไป๋เซียนเอ๋อ แม้แต่ผู้คนที่พากันมามุงดูอยู่หนาแน่น สายตาของพวกเขาก็ล้วนจับจ้องอยู่ที่ไป๋เซียนเอ๋อเพียงคนเดียว โดยเฉพาะหนุ่มๆที่มองกันตาเป็นประกาย

หลิงหยุนมองสายตาหนุ่มๆเหล่านั้นพร้อมส่ายหน้า แล้วหันไปบอกหลงหวู่ว่า “กลับกันได้แล้ว!”

พูดจบ.. หลิงหยุนก็เดินนำสาวสวยทั้งสองออกไปจากที่เกิดเหตุทันที และในเวลาเดียวกันนั้นเอง หนึ่งในสองคนขับรถก็ร้องตะโกนขึ้นมาว่า

“พวกคุณยังไปใหนไม่ได้ทั้งนั้น! ที่พวกเราขับรถชนกันก็เพราะผู้หญิงคนนั้น ถ้าเธอไปแล้วใครจะเป็นคนจ่ายค่าเสียหายพวกนี้?”

‘นี่พวกเจ้าคงยังยับเยินไม่พอสินะ..’ หลิงหยุนคิดในใจอย่างหงุดหงิด แต่ก็ขี้เกียจที่จะไปสนใจ และมุ่งหน้าเดินกลับออกไปอย่างไม่ใส่ใจ

หลิงหยุนไม่ต้องการใช้เวลากับเรื่องนี้นานนัก..

“นี่.. พวกเราจะไปจริงๆเหรอ?” หลงหวู่ไม่คิดว่าหลิงหยุนจะเดินออกไปเฉยๆเช่นนี้ จึงได้แต่ถามออกมาอย่างกังวลใจ

ไป๋เซียนเอ๋อยิ้มระหว่างที่เดินเกาะแขนหลิงหยุนไปโดยไม่สนใจผู้คนรอบๆเลยแม้แต่น้อย

“พวกคุณยังไปใหนไม่ได้!” หวังหมินตะโกนสั่งเสียงห้วน และใบหน้าก็บูดบึ้งจริงจัง

หลิงหยุนหยุดพร้อมกับถามด้วยใบหน้าเรียบเฉย “ทำไมพวกเราถึงยังไปใหนไม่ได้?”

หวังหมินก็ยังคงเป็นหวังหมินที่ราวกับโง่มาแต่กำเนิดเช่นเคย! เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า

“ฉันสอบสวนในที่เกิดเหตุทั้งหมดแล้ว อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะหญิงสาวคนนั้น เธอต้องตามพวกเรากลับไปที่สถานีตำรวจเพื่อทำตามขั้นตอนตามกฏหมาย..”

“ตามพวกคุณไปสถานีตำรวจงั้นเหรอ? ผมไม่มีเวลา..!” หลิงหยุนปฏิเสธอย่างไม่ใยดี

หวังหมินถึงกับอึ้งไปทันที และดวงตาของเธอก็จับจ้องอยู่ที่หลิงหยุน พร้อมกับคิดอยู่ในใจว่าเหตุใดคนผู้นี้จึงได้พูดจายะโสหังแบบนี้?

“นี่คุณคิดจะขัดขืนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือยังไง?”

หลิงหยุนได้แต่นึกในใจว่าตำรวจหญิงคนนี้ยังคงเหมือนเดิมไม่มีผิด แต่ก็ตอบกลับไปอย่างอดทน..

“แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะเธอ?” หลิงหยุนตอบพร้อมกับชี้นิ้วไปทางไป๋เซียนเอ๋อ

หวังหมินตอบกลับไปทันที “ฉันสอบถามจากคนขับรถหลายๆคน ทุกคนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าที่พวกเขาขับรถชนก็เพราะมัวแต่มองเธอคนนั้น?”

หลิงหยุนแสยะยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า “อ่อ.. ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าหากมีใครมองคุณ แล้วคนคนนั้นกระอักเลือดตาย ก็ต้องเป็นความผิดของคุณสินะครับ?!”

หวังหมินถึงกับเงอะงะอยู่นาน และไม่สามารถโต้เถียงได้ แต่ก็พยายามอธิบายต่อว่า

“ทางเราไม่ได้พยายามที่จะให้หญิงสาวทั้งคู่ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ แต่อย่างน้อยก็ต้องพาเธอทั้งคู่ไปสอบสวนตามขั้นตอน?”

หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า “ก็ผมเพิ่งจะบอกคุณไปว่าผมไม่มีเวลา!”

และทันทีที่พูดจบหลิงหยุนก็ยกมือขึ้นกวักเรียกหลงหวู่พร้อมกับสั่งว่า.. “ไปกันได้แล้ว!”

“นี่.. คุณยังไปใหนไม่ได้..” คนขับรถร้องขัดขึ้นมาอีกครั้ง และยังไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะพบกับหายนะครั้งใหญ่

“ดูท่าทางคงอยากจะมีปัญหามากสินะ!”

หลิงหยุนพึมพำเบาๆ ขณะที่จ้องมองชายคนขับรถอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาพร้อมกับยกมือขึ้นตบหน้าเป็นรางวัล..

“โอ๊ย..” เสียงร้องดังขึ้น และฟันของคนขับรถก็ร่วงไปเกือบครึ่งปาก

“โอ้ว..!” “ว้าย..!” ผู้คนที่มุงดูอยู่ต่างก็พากันกรีดร้องออกมาทันที เพราะคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะกล้าทำร้ายร่างกายผู้อื่นต่อหน้าตำรวจ

“นี่.. คุณ.. คุณกล้าทำร้ายร่างกายคนอื่น..” ใบหน้าของหวังหมินบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียดอีกครั้ง และไม่สามารถทำใจเย็นต่อไปได้

หลังจากที่หลิงหยุนตบหน้าคนขับรถหน้าโง่ไปแล้ว เขาก็ใช้นิ้วจี้ไปที่เอวของหวังหมินทันที

ยังไม่ทันที่หวังหมินจะพูดจบ เธอก็รู้สึกว่าร่างกายของเธอชาไปทั่วทั้งร่าง จากนั้นก็ทรุดลงไปกับพื้นทันที

ผู้คนที่อยู่รอบๆ ต่างก็พากันร้องอุทานเสียงหลง..

ตำรวจจราจรชาย – หลี่หยางที่กำลังถ่ายรูปรถในอุบัติเหตุอยู่ ไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น แต่เขาเห็นเพียงแค่หลิงหยุนกำลังเดินฝ่าฝูงชนออกไปแล้ว

“นี่.. นี่มันเกิดอะไรขึ้น..?!”

หลี่หยางถึงกับงุนงง และจู่ๆก็รู้สึกคุ้นหน้าหลิงหยุนอย่างมาก แต่ก็จำไม่ได้ว่าตนเองเคยพบหลิงหยุนที่ใหนมาก่อน

จิตใต้สำนึกของหลี่หยางนั้น ต้องการตามไปจับกุมตัวหลิงหยุน! แต่เมื่อใคร่ครวญดูแล้ว ในที่สุดเขาก็เลือกที่จะก้าวเข้าไปหาร่างของหวังหมินที่ทรุดลงไปกองอยู่กับพื้นแทน

“พี่หวัง.. เกิดอะไรขึ้น?” หลี่หยางถามขึ้น

หลิงหยุนเคลื่อนไหวได้รวดเร็วจนกระทั่งหวังหมิน และคนอื่นๆมองไม่ออก เธอจึงได้แต่ตอบไปด้วยใบหน้าที่ยังคงซีดเซียว

“ฉันไม่เป็นไร.. แค่จู่ๆก็ชาขึ้นมาเท่านั้นเอง..”

หวังหมินลุกขึ้นยืนพร้อมกับหันไปมองรอบๆ “แล้วสามคนนั้นล่ะ..”

หลี่หยางได้แต่ตอบกลับไปยิ้มๆอย่างไม่มีทางเลือก “พวกเขาไปแล้ว!”

หวังหมินกระทืบเท้าด้วยความโมโห “แล้วทำไมนายไม่ตามไปจับพวกเขาล่ะ?”

หลี่หยางส่ายหน้าและตอบกลับไปว่า “พี่คิดว่าจะตามพวกเขาทันมั๊ยล่ะ? แต่ต่อให้ตามทัน.. พี่สามารถพาพวกเขากลับไปได้งั้นเหรอ?”

แม้ว่าหลี่หยางจะอายุน้อยกว่าหวังหมิน แต่ก็เป็นคนที่เยือกเย็นสุขุม และมีเหตุผลกว่าหวังหมินมาก จะตำหนิ ‘คนที่ถูกมอง’ ได้อย่างไรว่าเป็นต้นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุรถชนกัน?

สำหรับหลิงหยุนแล้ว เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเรื่องขี้ประติ๋วมาก เขาโยนมันทิ้งไปอย่างไม่ใส่ใจอีก

“ขึ้นไปบนรถ!”

หลิงหยุนเปิดประตู และสั่งไป๋เซียนเอ๋อกับหลงหวู่ให้เข้าไปด้านในทันที จากนั้นรถแลนด์โรเวอร์ก็พุ่งออกจากบริเวณที่เกิดเหตุ

“หลงหวู่.. คุณบอกผมว่าคุณทำหน้าที่นี้ได้ แค่ให้ดูแลไป๋เซียนเอ๋อวันเดียว ก็เกิดเรื่องวุ่นวายขนาดนี้..” หลิงหยุนขับรถออกไป แต่ก็ไม่ลืมที่จะอบรมหลงหวู่..

อากาศเริ่มร้อน หลงหวู่เองก็เหงื่อออกจนผ้าเช็ดหน้าในมือเธอเปียกชุ่มไปหมด เธอตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

“พี่หยุน.. วันนี้เป็นความผิดของฉันเอง ฉันยอมรับผิดทั้งหมด! แต่ช่วยเปิดแอร์ในรถก่อนจะได้มั๊ยแล้วค่อยคุยกัน ตอนนี้ฉันร้อนจะตายอยู่แล้ว!”

หลิงหยุนได้แต่ส่ายหน้าพร้อมกับเอื้อมมือไปเปิดแอร์

หลงหวู่เริ่มรู้สึกเย็นขึ้นบ้าง แต่ก็ยังพัดผ้าเช็ดหน้าในมือเพื่อเพิ่มความเย็นอยู่ไม่หยุด จากนั้นจึงพูดขึ้นด้วยความรู้สึกเสียใจ..

“ก็ฉันคิดไม่ถึงว่าเสน่ห์ของน้องเซียนเอ๋อจะรุนแรงถึงขนาดที่ทำให้รถชนกันจนวุ่นวายแบบนี้..”

แม้ว่าจะเป็นการชม แต่ก็ซ่อนไว้ด้วยความระอา..

หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับคิดในใจว่า ‘ขนาดข้าเดินกับเซียนเอ๋อเวลากลางคืนในเมืองเหวินโจว ยังวุ่นวายแบบนี้!’

เมื่อรถแลนด์โรเวอร์ของหลิงหยุนขับไปถึงหน้าอพาร์ทเมนท์ ทั้งสามคนจึงเดินลงรถ และขึ้นไปบนห้อง

หลิงหยุนนึกขึ้นได้จึงหยิบบัตรประชาชนของไป๋เซียนเอ๋อออกมาจากแหวนพื้นที่พร้อมกับยื่นให้นางและพูดว่า

“เซียนเอ๋อ.. นี่เป็นบัตรประชาชนของเจ้า ในวันข้างหน้าเจ้าจำเป็นจะต้องใช้มัน”