ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 292 เด็กคนนี้ผิดปกติ
“ระวัง…”ปอร์เช่ที่อยู่ข้างหน้ามองเห็นพอดีจึงหันหลังกลับทันทีเพื่อช่วยเหลือเส้นหมี่
และในช่วงเวลาคับขันมือข้างหนึ่งของเขาก็คว้าเธอไว้ได้เขารีบดึงเธอหลบด้วยความเร็วปานสายฟ้าฟาดวินาทีต่อจากนั้นเขาก็เตะสุนัขตัวนั้นด้วยความดุดัน!
“เอ๋ง…”
สุนัขโดนเตะจนล้มลงไปกับพื้น
เส้นหมี่ตกตะลึง
รวมถึงพี่คณาธิปด้วยตอนนี้เขากำลังมองภาพนี้ด้วยความเหม่อไม่ขยับเป็นเวลานานมาก
เด็กผู้ชายที่ดูอ่อนแอมาโดยตลอดมีทักษะอย่างนี้ด้วยหรอ
“พี่สาว…”
ปอร์เช่ก็อาจจะรู้ตัวแล้วเหมือนกันว่าเขาไม่ปกติดังนั้นหลังเตะสุนัขไปแล้วเขาก็รีบปล่อยมือออกจากพี่สาวและยืนก้มหัวลงข้างๆเธออย่างประหม่า
เหมือนเด็กที่กำลังทำผิด
เส้นหมี่กลืนน้ำลายลงคอ
“ไม่เป็นไรพี่ไม่เป็นไรไม่ต้องกลัว”เธอยื่นมือออกไปจับแขนของเขาที่ยังสั่นอยู่เล็กน้อยแล้วลูบเบาๆเป็นการปลอบโยน
เมื่อเป็นอย่างนี้ปอร์เช่จึงเริ่มคลายความกังวลลง
เขาก้มหน้าเหลือบมองสุนัขที่ถูกเขาเตะนอนอยู่บนพื้นอย่างขลาดเขลาและเริ่มอธิบาย”ตอนเด็กๆที่บ้านมีหมาเยอะมากและมันมักจะ…กัดคนผมก็เลยชินไปแล้ว”
เมื่อเส้นหมี่ได้ยินอย่างนั้นดวงตาของเธอก็เป็นประกายขึ้นความสงสัยหายไปในทันที
“ใช่นายพูดถูกพี่ลืมไปเลยบ้านเก่าของเราอยู่ชนบทชนบทเลี้ยงหมาเยอะมากพี่คณาธิปขอโทษด้วยนะเมื่อกี้ปอร์เช่ลืมควบคุมตัวจนเตะหมาตัวนี้ไม่เป็นไรใช่ไหม”
พี่คณาธิป”…”
เธอพูดมาถึงขนาดนี้แล้วเขาจะพูดอะไรได้อีก
แต่เด็กคนนี้บอกว่าตอนเด็กๆเขาอยู่ชนบทจึงทำให้เตะหมาได้อย่างรวดเร็วเรื่องนี้เขาฟังแล้วก็รู้สึกเชื่ออยู่บ้าง
ฉากเมื่อกี้ถึงเขาจะเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่ได้มีท่าทางเฉพาะดูก็รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นบ่อยเขาจึงมีปฏิกิริยาแบบนี้
ในที่สุดพี่คณาธิปก็ไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้อีก
แต่หลังจากที่เขาพบกับคุณอีริคที่อยู่ในสวนเขาก็ให้ของขวัญไปชิ้นใหญ่เพื่อเป็นการชดเชยให้หมาตัวนั้น
“คุณอีริคขอโทษที่มาทำให้เดือดร้อนด้วยนะครับถ้าคุณไม่ว่าอะไรผมยินดีจะให้ความช่วยเหลือทางกฏหมายแก่คุณฟรีเป็นเวลาสองปี”
“เป็นเรื่องที่ดีจริงๆ”
ชายลูกครึ่งที่นั่งหยอกเอินกับสาวสวยอยู่ในสวนเมื่อได้ยินคำพูดของพี่คณาธิปเขาก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันที
เส้นหมี่ยืนมองเงียบๆอยู่ด้านข้าง
ที่จริงเธอไม่ค่อยชอบผู้ชายคนนี้ไม่ชอบตั้งแต่ที่เห็นกันครั้งที่แล้ว
เขาเป็นเจ้าพ่อทางการเงินบนถนนเส้นนี้แต่เขากลับดูไม่มีราศีของนักธุรกิจเลยเขาสวมสร้อยทองเส้นใหญ่ร่างกายสักจนเต็มตัวแค่มองไปก็รู้สึกถึงรังสีสังหารไม่เหมือนผู้นำในโลกการเงิน
อย่างกับว่าที่นี่เป็นดงมาเฟีย!
“คุณสวยใสในที่สุดคุณก็มาแล้วผมตั้งตารอคุณมานานแล้วเหมือนกับตั้งตารอดวงดาวและดวงจันทร์บนฟ้า”
หลังจากที่อีริคคุยกับพี่คณาธิปเสร็จแล้วเขาก็รีบผ่านสายตาไปหาเส้นหมี่ทันที
เมื่อเขาเห็นว่าผู้หญิงคนนี้ยืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆด้วยอารมณ์สงบนิ่งใบหน้าละเอียดละออผิวขาวเรียบเนียนและขาวใสราวกับกระเบื้องเคลือบสีขาวชั้นดีดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที
เมื่อเส้นหมี่เห็นอย่างนั้นเธอก็อดรู้สึกรังเกียจไม่ได้
“คุณอีริคพูดเกินไปแล้วฉันต่างหากที่ตั้งตารอมาเจอคุณฉันยังอยากกินข้าวกับคุณด้วยนะคะ”
“พูดดีคุณสวยใสก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลในเมื่อเป็นเพื่อนกับพี่คณาธิปนั่นก็แปลว่าเป็นเพื่อนของผมด้วยเหมือนกันมานี่สิมานั่งคุยกันตรงนี้”
พูดจบผู้ชายตัณหากลับคนนี้ก็ยื่นมือออกมาเตรียมจะโอบเส้นหมี่ให้เดินไป
เส้นหมี่”…”
ครั้งนี้การเคลื่อนไหวของพี่คณาธิปเร็วมากก่อนที่เส้นหมี่จะโดนแตะตัวเขาก็มายืนขวางเธอด้วยสีหน้านิ่งสงบ
“คุณอีริคพูดถูกสวยใสไปเอาชาที่ผมเตรียมมามาให้หน่อยเดี๋ยวจะต้มอย่างดีให้คุณอีริคดื่มแล้วค่อยคุยกัน”
“ค่ะ”
เส้นหมี่รู้สึกขอบคุณมากเธอรีบหันหลังกลับไปหยิบถุงของขวัญที่มีชาอยู่ข้างในจากมือปอร์เช่มาทันที
ตอนนี้ปอร์เช่เชื่อฟังมากเมื่อเห็นพี่สาวเดินมาเขาก็เปิดถุงของขวัญออกอย่างชาญฉลาด”พี่สาวเขาคือคุณอีริคหรอ”
“อืมอย่าไปเข้าใกล้มากนะอยู่มองตรงนี้ก็พอเข้าใจมั้ย”
“เข้าใจแล้วครับ”
เมื่อปอร์เช่ได้ยินคำสั่งของพี่สาวเขาก็ตอบตกลงอย่างเชื่อฟัง
ดังนั้นเส้นหมี่จึงนำชาไป
เนื่องจากได้รับความช่วยเหลือจากพี่คณาธิปทำให้การมาของเส้นหมี่ในครั้งนี้ได้รับการตอบรับจากอีริคด้วยความยินดีแต่เพื่อจะตรวจสอบความสามารถของเธอเขาก็ตั้งเงื่อนไขขึ้นมาหนึ่งอย่าง
“เรื่องของคุณกับตระกูลคริสผมก็พอได้ยินมาบ้างแต่สิบปากว่าก็ไม่เท่าตาเห็นคนที่ผมจะทำงานด้วยต้องมีความสามารถจริงดังนั้นถ้าคุณสวยใสไม่รังเกียจช่วยแสดงให้ผมเห็นด้วย”
“ความหมายของคุณก็คือ”
“ตอนนี้ตลาดเพิ่งเปิดหลังจากผ่านปีใหม่มาผมเห็นว่าหุ้นที่ได้มาใหม่ของหิรัญชากรุ๊ปกำลังขึ้นอย่างต่อเนื่องถ้าคุณสวยใสสามารถทำให้หุ้นเปลี่ยนทิศทางได้ผมจะยอมรับในความสามารถของคุณ!”