บทที่ 1113 บุคคลที่สามที่หายไป

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

ด้านหลังประตูเป็นห้องชุดที่มีพื้นที่ไม่ใหญ่ห้องหนึ่ง แต่ที่น่าแปลกคือ ขณะเดียวกับที่หลิงม่อทะลุเข้าไป เสียงร้องขอความช่วยเหลือก็เงียบหายไป ความเงียบที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้ทำให้บรรยากาศในห้องวังเวงในพริบตา และทำให้หลิงม่อระแวดระวังมากขึ้น

เขาควบคุมคลื่นดวงจิตของตัวเองอย่างระมัดระวัง กระทั่งหด “ร่างกาย” ของตัวเองให้เล็กลง จากนั้นจึงค่อยเริ่มสำรวจสถานการณ์ในห้องอย่างระมัดระวัง

ห้องชุดห้องนี้มีประตูด้านในอยู่สองบาน ในเมื่อห้องรับแขกไม่มีใครอยู่ แสดงว่ากู่ซวงซวงจะต้องอยู่หลังประตูบานใดบานหนึ่งในสองบานนั้นแน่ๆ ซึ่งสำหรับหลิงม่อ การจะเข้าไปในประตูสองบานนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก กระทั่งช่วยกู่ซวงซวงออกไป ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่ไม่รู้ทำไม เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ราบรื่นเช่นนี้ หลิงม่อกลับรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเสียอย่างนั้น

อันดับแรก จังหวะที่เสียงกรีดร้องของกู่ซวงซวงดังขึ้นมานั้นเหมาะเจาะเกินไป…อันดับต่อมา ซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นจะมั่นใจในตัวเองมากจนถึงขั้นยอมปล่อยให้ศัตรูแย่งเบี้ยต่อรองในมือกลับไปง่ายๆ อย่างนี้เชียวหรอ? ไม่มีทาง มีแค่ซอมบี้ธรรมดาเท่านั้นถึงจะตรงไปตรงมาแบบนั้น ดูจากพฤติกรรมที่ผ่านมาของซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้น มันไม่มีทางทำเรื่องอย่างนี้แน่นอน

ถึงแม้จะบอกว่ากำลังใช้กู่ซวงซวงเป็นเหยื่อล่อ แต่แผนเหยื่อล่อนี้ก็ดูออกง่ายเกินไป…ที่หลิงม่อสงสัยยิ่งกว่าก็คือ อีกฝ่ายเพียงอยากล่อให้เขาเข้ามา ปัญหาที่แท้จริงหากไม่ได้อยู่ที่ตัวกู่ซวงซวง ก็อยู่ที่ห้องชุดห้องนี้

เหมือนกับด้านนอก ในห้องชุดก็เต็มไปด้วยใยแมงมุม กระทั่งมีไข่แมงมุมห้อยเต็มอยู่รอบทิศ ท่ามกลางใยแมงมุมมีเงาของแมงมุมให้เห็นอยู่บ้าง ทว่าเมื่อชะโงกหน้าเข้าไปดูใกล้ๆ ก็จะพบว่าแมงมุมพวกนั้นได้ตายไปแล้ว ทว่าของเหลวชื้นๆ บนพื้นเหล่านั้นกลับบ่งบอกว่าแมงมุมยังไม่สาบสูญไปจากที่แห่งนี้ บางทีในบางมุมที่มนุษย์มองไม่เห็น แมงมุมจำนวนมหาศาลอาจกำลังสัมผัสถึงกลิ่นอายของพวกเขาอยู่ก็เป็นได้…

หลิงม่อค้นพบดวงแสงเล็กๆ มากมายอยู่ในห้องนี้เช่นกัน แต่นอกจากนี้ เขาก็ไม่พบอะไรอีก…

“นี่มันผิดปกติเกินแล้ว…หรือว่าฉันมองรูปแบบพฤติกรรมของซอมบี้ตัวนั้นเหมือนมนุษย์เกินไป? หรือว่าที่จริงแม้มันจะอาศัยสมองในการอยู่รอด แต่แท้จริงก็ยังคงความเป็นซอมบี้อยู่งั้นหรอ?” หลิงม่อกำลังเป็นห่วงกู่ซวงซวง หากยังไม่เจอเรื่องผิดปกติอะไร เขาก็ทำได้เพียงต้องไปตรวจสอบสถานการณ์ของกู่ซวงซวงเท่านั้น แต่ต้องยอมรับว่า ตอนที่หลิงม่อค่อยๆ เข้าใกล้ประตู ความจริงเขากลัวมากมาก…

กู่ซวงซวง เธอยังมีชีวิตอยู่หรือไม่…

ถึงแม้จากการคาดเดาของเขากู่ซวงซวงน่าจะยังปลอดภัยอยู่ แต่ในโลกนี้สิ่งที่น่ากลัวมากที่สุด คือมักมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นเสมอ…การคาดเดาดังกล่าว คือการรวบรวมปัจจัยจากทุกด้าน แล้วสันนิษฐานถึงผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าหากสิ่งที่เขาเห็นหลังจากนี้ เป็นผลลัพธ์อีกแบบที่อยู่นอกเหนือคำว่า “ความเป็นไปได้ที่สูงที่สุด” ล่ะ?

หลิงม่อไม่ได้รู้สึกแบบนี้เพียงครั้งสองครั้งแล้ว…สำหรับเขาที่ต้องหาทางเอาชีวิตรอดอยู่ทุกวินาที ความคิดแบบนี้ได้กลายเป็นดาบคมๆ ที่ห้อยอยู่บนหัวเขามานานแล้ว ถึงแม้ดาบนั้นยังไม่ตกลงมา แต่ความน่ากลัวของมัน คือมันอาจตกลงมาได้ทุกเมื่อ แม้แต่กับผู้รอดชีวิตคนอื่น นี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขารู้สึกไม่ปลอดภัยมากที่สุด

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตอนนี้เขาทับซ้อนอยู่กับร่างดวงจิตหรือเปล่า หลิงม่อรู้สึกว่าปัญหาที่ในยามปกติเขามักจงใจมองข้าม เวลานี้กลับแย่งกันผุดขึ้นมาในสมองอย่างต่อเนื่อง

ซอมบี้ร่างแม่สายพลังจิตเอ๋ย…ไม่คิดเลยว่าพวกเขากลับมาเจอศัตรูที่รับมือยากในโกดังอาหารที่อยู่ห่างไกลความเจริญแห่งนี้…

“ฮู่วว…ฉะนั้นประโยชน์ของปุ่มเปิดปิดจึงไม่ใช่แค่เรื่องของการเลี่ยงเป็นคนบ้าทะเลาะกับตัวเองหรอ? ถ้าหากหมกมุ่นกับเรื่องราวมากมายขนาดนี้ และกดดันตัวเองตลอดเวลาอย่างนี้ ฉันคงยืนหยัดจนถึงวันที่พวกเย่เลี่ยนค้นหาตัวเองกลับมาได้ และใช้ชีวิตปกติกับฉันไม่ไหวหรอกมั้ง? แต่พูดถึงชีวิตปกติ ช่างเป็นความคิดที่เกินตัวจริงๆ…ที่ผ่านก็เคยมีฝันถึงชีวิตแบบนั้นบ้าง แต่ไม่คิดว่าเลยว่าตอนนี้จะคิดถึงมันขึ้นมาจริงๆ นี่สินะที่เขาเรียกว่าจิตใต้สำนึกส่วนลึก?”

หลิงม่อสูดหายใจลึก หลังจากปรับอารมณ์ครู่หนึ่ง จึงค่อยๆ ก้าวเข้าไปใกล้ประตูบานหนึ่งในนั้น ก่อนเข้าไป เขาไม่ได้ใช้พลังจิตสัมผัสรู้ตามความเคยชินอย่างทุกครั้ง ศัตรูเป็นผู้มีพลังจิตเหมือนกัน พลังทั้งหมดของอีกฝ่ายล้วนอาจเกี่ยวข้องกับพลังจิต กับดักที่มันวางไว้ก็เช่นกัน ดังนั้นยิ่งมาถึงสถานที่แบบนี้ ก็ยิ่งต้องประหยัดพลังจิต เพื่อไม่ให้ติดกับดักของอีกฝ่าย ข้อได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดของเขาในตอนนี้ ก็คืออีกฝ่ายไม่รู้ว่าผู้ที่มาตอนนี้ไม่ใช่ตัวจริง และเขาก็สามารถอาศัยหุ่นดวงจิตที่สามารถเข้าออกได้ตามใจสำรวจสถานการณ์ทั้งหมดอย่างละเอียดก่อน กระทั่งสามารถวางแผนตลบหลังซอมบี้ตัวนั้น

“ถ้าหากไม่มีพวกเย่เลี่ยน แผนการนี้คงไม่มีทางสำเร็จ อีกฝ่ายอดกลั้นไม่เผยตัวมาจนถึงตอนนี้ ก็เพราะกลัวพวกเธอ แต่เพราะเหตุนี้ แกถึงมีจุดอ่อนให้ฉันใช้ประโยชน์…แต่ถ้าหากฉันถูกจับได้ ก็ยากรับประกันได้ว่าอีกฝ่ายจะคลั่งและทำเรื่องยากคาดเดาหรือเปล่า…เดี๋ยวก่อน นี่ฉันกำลังเริ่มคิดมากอีกแล้วนี่! หยุดคิดไม่ได้เลย!”

หลิงม่อส่ายหน้าอีกครั้ง จากนั้นก็ตัดสินใจเดินเข้าไปในประตูบานนั้น สิ่งแรกที่เขาเห็นคือเงาร่างที่ขดตัวอยู่ตรงมุมห้อง ที่น่ากลัวคือ ทั่วทั้งตัวของเธอถูกห่อหุ้มด้วยใยแมงมุม และรอบกายก็มีแมงมุมไต่อยู่เต็มไปหมด เวลานี้นอกจากเค้าโครงโดยรวมแล้ว ก็แทบมองไม่เห็นรูปร่างจริงๆ ของเธอเลย

“กู่ซวงซวง?!”

หลิงม่ออยากตะโกนเรียกสุดเสียง แต่นอกจากหุ่นซอมบี้ที่สร้างสายสัมพันธ์ทางจิตกับเขา พฤติกรรมที่บุ่มบ่ามสื่อสารทางจิตกับคนอื่น ล้วนเหมือนเป็นการบังคับโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าตัว…เพราะถึงอย่างไรพฤติกรรมอย่างนี้หากพูดกันตรมจริง ก็ไม่ต่างจากการโจมตีทางจิตในรูปแบบหนึ่ง เพราะมันคือการรุกล้ำเข้าไปในดวงแห่งจิตของอีกฝ่าย จากนั้นก็ถ่ายทอดความคิดของตัวเองเข้าไปในนั้น…ไม่ มันคือการยัดความคิดของตัวเองให้อีกฝ่าย พร้อมกับอ่านความคิดของอีกฝ่ายที่ต้องการตอบกลับ เพื่อบรรลุเป้าหมายในการสื่อสารกัน หากอีกฝ่ายเป็นคนธรรมดาที่สภาวะดวงจิตไม่ค่อยดี สำหรับคนคนนี้ การสื่อสารดังกล่าวไม่ใช่ประสบการณ์ที่ดีอย่างแน่นอน ความจริงแล้ว นี่ก็เป็นเหตุผลที่เขาไม่อยากให้เฮยซือแทรกเข้ามาในสมองเขาอย่างกะทันหันด้วยเหมือนกัน…เพราะมันทำให้รู้สึกเหมือนถูกขืนใจทุกครั้ง!

“ช่างเถอะ อย่าคิดมากดีกว่า…ไม่แน่ว่าเธออาจไม่ถือสาก็ได้…อื่ม ถึงแม้จะฟังดูเหมือนเป็นไปได้น้อย แต่เวลาอย่างนี้คงทำได้เพียงคิดอย่างนี้ล่ะนะ…” หลิงม่อเดินดูรอบมนุษย์ดักแด้หนึ่งรอบ จึงมั่นใจว่าเธอเพียงตกใจมากไป…คลื่นพลังจิตยังคงอยู่ เพียงแต่คลื่นไม่รุนแรงเท่าเดิม…และถ้าดูจากความแข็งแกร่งของพลังจิต เธอเป็นกู่ซวงซวงไม่ผิดตัวแน่…

“…จะว่าไปแล้ว ฉันยังไม่เคยแผ่หนวดสัมผัสไปที่ผู้หญิงของตัวเองซักครั้งเลยนะ…โชคดีที่ไม่มีบุคคลที่สามเห็นพฤติกรรมนี้ แต่ซมอบี้ร่างแม่ตัวนั้นจะทิ้งเธอไว้ที่นี่เฉยๆ แบบนี้จริงหรอ? หรือว่าฉันคิดมากไปเอง? เดี๋ยวก่อน…มันก็ไม่แน่เหมือนกันนะ! ลองคิดดูให้ดี ถ้าหากว่าฉันมาที่นี่ด้วยตัวเอง แล้วเห็นกู่ซวงซวงในสภาพนี้ ฉันจะทำยังไง?” หลิงม่อได้คำตอบอย่างรวดเร็ว…ถ้าหากว่าเขามาที่นี่ด้วยตัวเอง เดาว่าเรื่องแรกที่เขาจะทำ ก็คือช่วยกู่ซวงซวง ไม่เหมือนกับตอนนี้ ที่เพียงแค่สำรวจสถานการณ์ของเธออย่างใกล้ชิด

นี่ไม่เป็นเพราะตอนนี้หลิงม่อใจเย็นมาก แต่เป็นเพราะลักษณะเด่นของใยแมงมุมพวกนี้…เพียงแค่ใยแมงมุมถูกสัมผัส พวกมันก็จะรู้ว่ามีคนมา ดังนั้นวินาทีที่หลิงม่อเข้าห้องมา พวกมันไม่มีทางเปิดโอกาสให้หลิงม่อสังเกตเห็นอะไรอย่างแน่นอน…

“ซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นคงไม่ฝากความหวังทั้งหมดไว้กับแมงมุมพวกนั้นหรอกมั้ง ดังนั้นสิ่งที่มีปัญหา…” หลิงม่อมองกู่ซวงซวงด้วยแววตาแฝงความนัย จากนั้นก็แผ่หนวดสัมผัสทางจิตเส้นหนึ่งออกไปอย่างระมัดระวัง

เมื่อหนวดสัมผัสแทรกเข้าไปในดวงแสงแห่งจิต หลิงม่อพลันสัมผัสได้ถึงแรงต้านทานหนึ่ง…ทว่าเขาไม่ได้ฝืนแทรกเข้าไป เพราะหากมีสิ่งกีดขวาง ก็แสดงว่ากู่ซวงซวงยังคงปกป้องตัวเองตามสัญชาตญาณอยู่…

“นี่ ตื่นเร็วเข้า ได้ยินฉันไหม?” หลิงม่อพูดซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้ง จนในที่สุดก็ได้ยินเสียงแตกตื่นหนึ่งดังขึ้น

“ใครน่ะ?!”

“ไม่ต้องกลัว ฉันหลิงม่อเอง ตอนนี้เธอมองไม่เห็นฉัน แต่ว่าฉันมาช่วยเธอแล้ว…” หลิงม่อรีบบอก

“หัวหน้า…” ร่างกายของกู่ซวงซวงกระตุกเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด แต่พอเธอขยับ แมงมุมเหล่านั้นพลันปีนป่ายทันที ทำเอาเธอตกใจและกรีดร้องเสียงดังในสมอง “กรี๊ดดด! ช่วยด้วย! หัวหน้าช่วยฉันด้วย ฉันรู้สึกได้ถึงพวกมัน ขาของพวกมันกำลังไต่ยั้วเยี้ยอยู่บนผิวหนังของฉัน…แล้วยังมีใยแมงมุมพวกนี้อีก…กรี๊ดดดดดดด!”

“กู่ซวงซวง เธอใจเย็นแล้วฟังฉันพูดนะ…เจ้าลิงผอมล่ะ? เธอรู้ไหมว่าเขาอยู่ที่ไหน?” หลิงม่อปลอบใจเธอ และถาม ตอนนี้แมงมุมพวกนี้ยังคงไต่อยู่ข้างนอก และใยแมงมุมพวกนี้ก็ช่วยเป็นสิ่งกีดขวางให้เธอ เพียงแต่ก่อนที่จะรู้สถานการณ์ทุกอย่าง หลิงม่อไม่อาจวู่วามทำให้แมงมุมพวกนี้แตกตื่นได้ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหายุ่งๆ ที่อาจตามมาทีหลัง…

กู่ซวงซวงตัวสั่นเทาเล็กน้อย ผ่านไปครู่หนึ่งจึงค่อยๆ ควบคุมตัวเองให้ใจเย็นจากความตื่นกลัว แล้ว “พูด” เสียงสั่นๆ ว่า “ฉันก็ไม่รู้…ฉัน…ตอนแรกฉันตั้งใจจะตามพวกนั้นมา…แต่ระหว่างทาง อยู่ๆ ฉันก็เห็นเจ้าลิงผอม…ตอนนั้นเขาดูแปลกมาก เอาแต่ยืนเหม่ออยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน…ฉันตกใจแทบตาย แต่ตะโกนเรียกเท่าไหร่เขาก็ไม่ตอบ ทำได้เพียงเดินเข้าไปหมายจะลากเขาเดินออกไปพร้อมกัน แต่ฉันเพิ่งจะเดินไปถึงตรงหน้า ก็ถูกคนตีสลบจากข้างหลังเสียก่อน…”

หลิงม่อเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วคาดเดาว่า “สภาพเขาอย่างนั้น อาจเพราะถูกโจมตีด้วยพลังจิตมาก่อนแล้ว…”

“พอฉันตื่นขึ้นมา ฉันก็มาอยู่ที่นี่แล้ว แถมบนพื้นก็มีแต่แมงมุม พวกมันสานใยบนตัวฉัน…ฉันเริ่มกรีดร้อง แต่ร้องได้ไม่นานก็ถูกพวกมันหุ้มจนมิดแล้ว…อ๊ะ ใช่สิ…” จู่ๆ กู่ซวงซวงก็ถามขึ้นอย่างหวาดกลัว “หัวหน้า ทำไมตอนที่หัวหน้าเข้ามา ฉันถึงไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยล่ะ…”