หลิงม่อชะงักงัน ยิ้มขมขื่นหมายจะอธิบาย แต่ก็ได้ยินเสียงกู่ซวงซวงพูดต่อก่อนว่า “แล้วคนที่อยู่ที่นี่เมื่อกี้ ถูกหัวหน้าฆ่าแล้วหรอ?”
พอคำนี้หลุดออกจากปากกู่ซวงซวง หลิงม่อพลันหนังศีรษะตึงชา! ตั้งแต่ที่เขาเข้ามาในห้องนี้…ไม่สิ ตั้งแต่ที่เขาเดินเข้ามาในทางเดินเส้นนี้ เขาก็ไม่เห็นใครเลย ไม่เห็นแม้แต่เงาร่าง! ยิ่งในห้องที่กู่ซวงซวงอยู่นี้ นอกจากแมงมุมแล้วก็ไม่มีใครอื่นอีกเลย!
หลังผ่านไปหนึ่งวินาที หลิงม่อจึงค่อยถามเสียงเข้ม “เธอหมายถึง…ใครงั้นหรอ?”
กู่ซวงซวงราวกับชะงักงันไปครู่หึ่ง ทว่าเธอก็ยังตอบทันทีว่า “ฉันก็เห็นไม่ชัดนัก แต่เหมือนจะ…เป็นผู้ชาย…เขาหันหลังให้ฉัน ที่นี่มีแต่ใยแมงมุม ฉันเลยเห็นอะไรได้ไม่ชัดนัก…แต่ว่า เขาพูดกับฉัน…”
“เขาพูดอะไร?” หลิงม่อจี้ถาม ผู้ชายที่กู่ซวงซวงพูดถึง น่าจะเป็นซอมบี้ร่างแม่สายพลังจิตตัวนั้น…ทว่าพอรู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่นี่ในวินาทีที่แล้ว และเพิ่งหายตัวไปภายใต้เปลือกตาเขา หลิงม่อก็อดรู้สึกเสียวสันหลังไม่ได้…
กู่ซวงซวงเหมือนจะตระหนักได้ถึงบางอย่างจากปฏิกิริยาของหลิงม่อ เธอจึงแตกตื่นขึ้นมาอีกครั้ง พูดด้วยเสียงขาดๆ หายๆ ว่า “เขาพูดมากทีเดียว…เหมือน…จะบอกว่า…ให้หัวหน้าเข้ามาคนเดียว เขาจะพาหัวหน้าไปที่แห่งหนึ่ง จากนั้นเขาก็จะปล่อย…ปล่อยพวกฉันไป…เขาบอกว่า หัวหน้าไม่ต้องห่วง หัวหน้าน่าจะรู้ว่าเขาต้องการอะไร ดังนั้น ความปลอดภัยของคนอื่นๆ หัวหน้าไม่จำเป็นต้องกังวล เขา…เขายังบอกอีกว่า นี่น่าจะเรียกว่าการแลกเปลี่ยนที่ยุติธรรมอย่างที่มนุษย์ชอบพูดกัน เป็นวิธีแลกเปลี่ยนที่มนุษย์ชอบมากที่สุด ที่เขาเลือกวิธีนี้ก็เพื่อจะให้ทั้งสองฝ่ายได้ในสิ่งที่ต้องการ ส่วนตัว…ส่วนตัวแล้วเขาไม่ชอบสังหารส่งเดช แบบนั้นจะทำให้สิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น…ฉัน…ฉันจำได้แค่นี้…”
“ไร้สาระ! แบบนี้เขาเรียกว่าลักพาตัวโว้ย! ฝ่ายที่จะพอใจก็มีแต่มันนั่นแหละ! ซอมบี้ที่พูดเรื่องแบบนี้ให้ดูดีขึ้นมาได้โดยหน้าไม่อาย ฉันก็เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกนี่แหละ!” หลิงม่อลอบสบถกับตัวเอง แต่กลับไม่ได้พูดออกมาตรงๆ ดูจากปฏิกิริยาของกู่ซวงซวง เด็กสาวผู้นี้ตกใจจนสติไม่อยู่กับร่องกับรอยแล้ว…แต่ก็ไม่น่าแปลก ขนาดเขายังขนลุกกับแมงมุมที่อยู่เต็มพื้นพวกนี้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเธอเป็นเพียงเด็กสาวธรรมดาที่ถูกแมงมุมไต่อยู่เต็มตัว…ในกลุ่มพวกเขา คนที่เผชิญหน้ากับเรื่องทั้งหมดนี้ได้ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เกรงว่าคงมีแต่พวกเย่เลี่ยน…แต่เขาก็ไม่อาจเอาการตอบสนองของซอมบี้มาเป็นมาตรฐานตัดสินคนอื่นนี่นา!
“มันวางแผนได้ไร้ที่ติมาก…ใช้ชีวิตของคนสองคนมาบีบบังคับฉัน เดินหมากได้ดีจริงๆ…”
หลิงม่อกำลังครุ่นคิด แต่ก็ได้ยินเสียงกู่ซวงซวงพูดกัดฟันดังแทรกขึ้นมา “หัวหน้า…ถึงแม้ฉัน…ฉันจะกลัวตายมาก…แต่ก็ไม่อาจขอร้องให้เอาชีวิตคนอื่นมาแทนที่ชีวิตตัวเอง…ฉันคิดว่า…ฉันคิดว่าเจ้าลิงผอมก็คงคิดอย่างนี้เหมือนกัน! หัวหน้า…หัวหน้าไปซะเถอะ…มันจะต้องวางกับดักชั่วไว้ที่ตัวฉันแน่ๆ ถึงแม้ว่าหัวหน้าจะช่วยฉันออกไปตอนนี้ก็คงไม่มีประโยชน์ ไม่แน่ว่า…มันกลับจะเป็นการทำร้ายหัวหน้าเสียเอง ฉัน…ถึงแม้ฉันจะไม่เคยถูกใช้เป็นโล่กันกระสุน แต่กลับเป็นตัวภาระมาโดยตลอด…จนถึงตอนนี้ ฉันก็ยังไม่เคยทำเรื่องน่าชื่นชมเลยซักครั้ง ได้เพียงติดสอยห้อยตามมาในทีม วันๆ ได้แค่คิดจะมีชีวิตต่อไปเรื่อยๆ ก็พอ…ฉัน…”
เมื่อเธอพูดถึงประโยคท้ายๆ คำพูดเริ่มวกวนไปมาจับใจความสำคัญไม่ได้ ร่างกายก็เริ่มกระตุกสั่นขึ้นมาอีกครั้งอย่างควบคุมไม่ได้ แมงมุมพวกนั้นไต่ขึ้นไปบนหัวเธอ และจับตัวรวมกันเป็นชั้นๆ บนตัวเธออย่างรวดเร็ว แม้ว่าเธอที่ถูกหุ้มด้วยใยแมงมุมจะมองไม่เห็นภาพนี้ แต่แค่สัมผัสที่ส่งผ่านมาจากข้างนอก ก็มากพอที่จะทำให้สติของเธอกระเจิดกระเจิงแล้ว…
“ฉันไม่โทษพวกคุณ…พวกคุณมอบหมายภารกิจให้ฉัน กระทั่งมอบหมายให้ฉันดูแลทางหนีทีไล่ ที่จริงฉันกับเจ้าลิงผอมดีใจมาก หากอยากอยู่รอดบนโลกใบนี้ ก็จำเป็นต้องแลกด้วยอะไรบางอย่าง อยากให้ผู้อื่นปกป้อง ก็ต้องยอมละทิ้งอะไรอีกหลายสิ่ง อย่างเช่นเกียรติและศักดิ์ศรี…พึ่งพาตัวเองแม้อาจต้องตาย แต่อย่างน้อยฉันก็พึ่งพาความสามารถของตัวเองในการอยู่รอดไปได้อีกหนึ่งวัน…หัวหน้า ฉันกลัวมาก…จริงๆ นะ…แต่ฉันจะไม่มีวันเสียใจ…ถือว่าฉัน…ขอร้องก็แล้วกัน…หัวหน้าอย่าห่วงพวกฉันอีกเลย…”
ได้ยินกู่ซวงซวงพูดประโยคเหล่านี้ออกมาด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น หลิงม่อพลันรู้สึกหนักอึ้งในใจจนแทบทนไม่ไหว…ถ้าหากไม่มีภัยพิบัติครั้งนี้ เธออาจเป็นเพียงเด็กสาวขี้อายธรรมดาคนหนึ่งที่มักกอดหนังสือไว้ในอกและอ่านหนังสือเงียบๆ ยามพูดคุยกับคนแปลกหน้าก็มักหน้าแดงด้วยความขวยเขิน บางทีเธออาจได้แต่งงานและมีลูกอย่างราบรื่น และได้ใช้ชีวิตที่ปกติธรรมดาไปตลอด ซึ่งชีวิตแบบนั้นเป็นชีวิตที่ดีที่สุดสำหรับเด็กสาวอย่างเธอแล้ว ไม่เหมือนอย่างตอนนี้ ที่ต้องอดทนให้แมงมุมไต่ทั่วตัว และร้องไห้ผ่านการสื่อสารทางจิตเพราะต้องการยอมแพ้กับชีวิตตัวเอง…
“เอาล่ะ อย่าร้องอีกเลย…” เสียงของหลิงม่อพลันแปรเปลี่ยนเป็นราบเรียบ เขายิ้มอ่อนโยน แล้วบอกว่า “อยู่ๆ เธอมาร้องไห้แบบนี้ ฉันจะลำบากใจเอานะ บอกตามตรง ฉันไม่ถนัดรับมือกับน้ำตาของผู้หญิงนัก…อีกอย่างต้องขอโทษด้วย คำขอร้องของเธอ ฉันทำได้เพียงปฏิเสธเท่านั้น นอกจากนี้เธอไม่อาจตัดสินใจเรื่องสำคัญแบบนี้แทนเจ้าลิงผอมหรอก ถ้าเขารู้เข้าต้องร้องไห้น้ำตาท่วมแน่นอน เธอลองจินตการถึงภาพที่เขากำลังร้องไห้คร่ำครวญดูสิ…”
คงเพราะนึกถึงภาพที่เจ้าลิงผอมร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าอนาถขึ้นมาได้ แม้ว่ากู่ซวงซวงจะยังไม่หัวเราะออกมา แต่ก็อารมณ์มั่นคงมากขึ้นแล้ว…
“อีกทั้ง ฉันก็ทำไม่ได้หากจะให้มองดูพวกเธอตายไปต่อหน้าต่อตา เอาล่ะๆ ไม่ต้องซาบซึ้งหรอกนะ ฉันเองก็ไม่คิดจะเอาชีวิตตัวเองไปสังเวยให้ใครที่ไหนง่ายๆ แบบนั้นเขาไม่ได้เรียกว่าเดินเข้าไปหาความตายอย่างกล้าหาญ แต่เรียกว่าสมองมีปัญหาต่างหาก ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งกลับถูกซอมบี้บีบบังคับ นั่นก็น่าสมเพชเกินไปแล้ว…มันคิดจะเอาของที่อยากได้ไปเฉยๆ โดยไม่ยอมเสียอะไร? ถ้าอย่างนั้นฉันจะทำให้มันรู้เอง ว่าโลกนี้ไม่ได้สวยงามเหมือนที่มันคิด วิธีอย่างนี้ของมันอาจใช้ได้ผลกับคนอื่น แต่กับฉันไม่มีทางได้ผล…” น้ำเสียงของหลิงม่อเริ่มเย็นเยียบขึ้นทีละนิด เหมือนอย่างที่เขาบอก เขาไม่มีทางละทิ้งเพื่อนพ้อง แต่ขณะเดียวกัน เขาก็ไม่มีทางโง่พอที่จะเดินเข้าไปหาความตายเอง สำหรับเขา พฤติกรรมอย่างนั้นไม่ต่างอะไรจากคนโง่เลยแม้แต่น้อย
กู่ซวงซวงเองก็เริ่มใจเย็นลง เพียงแต่เธอยังคงสงสัยมาก “ถ้าอย่างนั้น…หัวหน้าคิดจะทำยังไง? ฉันรู้สึกว่า…ผู้ชายคนนั้นจะต้องพิจารณาถึงความเป็นไปได้นี้แล้วเหมือนกัน…ฉันแค่กลัวว่าคุณจะตกหลุมพรางของมันเท่านั้น”
“วางใจ ฉันไม่บ้าบิ่นและขาดสติหรอก…เอาอย่างนี้ เธอเล่ารายละเอียดเรื่องเจ้าลิงผอมให้ฉันฟัง ฉันคิดว่าว่าฉันควรหาเขาให้เจอก่อน เธอไม่ต้องห่วง ฉันจะทิ้งสัญลักษณ์ไว้บนตัวเธอ เธอจะไม่เป็นไร ในเมื่ออีกฝ่ายพูดอย่างนี้แล้ว แสดงว่าก่อนที่จะได้ตัวฉัน เขาจะไม่ทำอะไรเธอจริงๆ เพียงแต่ว่า เธอต้องอดทนกับแมงมุมพวกนี้ไปก่อน…” หลิงม่อถอนหายใจ แล้วบอก
กู่ซวงซวงตอบรับเสียงสั่น “อื้ม” หนึ่งครั้ง แล้วบอกว่า “ฉัน…ฉันจะสู้…” เธอชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เริ่มนึกย้อนอย่างละเอียด…เธอเล่าทุกสิ่งที่เธอเห็นอย่างละเอียดตั้งแต่แวบแรกที่เธอเห็นเจ้าลิงผอม จนถึงตอนที่ภาพเบื้องหน้าดับวูบ
ส่วนหลิงม่อหลังฟังจบ ก็เพียงตอบรับเงียบๆ หนึ่งเสียง จากนั้นก็บอกว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปตามหาเขาก่อนล่ะนะ เธอระวังตัวเองด้วย…”
“ดะ…ได้…” กู่ซวงซวงพลันแตกตื่นขึ้นมาทันที ทว่าเธอยังคงตอบอย่างหนักแน่น เพราะถึงอย่างไรเมื่อกี้เธอก็เตรียมใจรอความตายไว้แล้ว ตอนนี้เพียงต้องอดทนรอไม่นาน แค่นี้เธอทนได้อยู่แล้ว แม้กระทั่งอารมณ์ของเธอในตอนนี้ก็ยังมั่นคงกว่าเมื่อกี้ไม่น้อย
ก่อนจากไป หลิงม่อมองดูรอบห้องอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่ที่น่าเสียดายคือ เขายังคงไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ เหมือนเดิม ซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นหายตัวไปจากห้องที่ปิดสนิทอย่างนี้ก่อนที่เขาจะปรากฏตัวเพียงเสี้ยววินาทีได้อย่างไรนั้น ยังคงปริศนาที่ไร้คำตอบ…
แต่หลังออกมาจากห้องชุด หัวใจของหลิงม่อพลันเต้น “ตึกตัก” ทันใด เขาขมวดคิ้วครุ่นคิด อยู่ๆ ก็พลันรู้สึกว่า…เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ ราวกับมีบางสิ่งไม่ชอบมาพากล…
ทว่า มันคืออะไรกันแน่…
“ความรู้สึกนี้ไม่มีทางผิดพลาดแน่ ไม่มีทาง…เพราะว่าตอนนี้ฉันกลายเป็นคนคิดมากขึ้น ก็เลยความรู้สึกไวกว่าปกติ…ในห้องเมื่อกี้ เต็มไปด้วยกลิ่นอายกดดันแปลกๆ บางอย่างจริงๆ…ทั้งสมจริง และชัดเจนมาก ความรู้สึกเหมือนตอนที่เผชิญหน้ากับซอมบี้ระดับสูงพวกนั้น ราวกับว่าหากฉันแค่ขยับตัวนิดเดียว ก็จะถูกบางสิ่งตะครุบ และถูกพรากชีวิตไป…ความรู้สึกนั้น ชัดเจนและตราตรึงมาก…”
เพราะเป็นร่างดวงจิต ดังนั้นย่อมเป็นดวงจิตของเขาที่สัมผัสได้ถึงความรู้สึกนั้น แต่ดวงแสงเหล่านั้ไม่มีทางทำให้เขารู้สึกอย่างนั้นได้แน่ และพลังงานทางจิตของแมงมุมพวกนั้นก็อ่อนมากจนสามารถมองข้ามไปได้เลย…หรือจะเป็นพลังที่ซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นทิ้งไว้? ถ้าหากเป็นอย่างนั้น พลังของอีกฝ่ายก็น่ากลัวเกินไปแล้ว เพราะเพียงกลิ่นอายที่หลงเหลือจากร่างกายมัน ก็ทำให้หลิงม่อรู้สึกได้ถึงอันตรายถึงชีวิตแล้ว ทว่าถ้าหากอีกฝ่ายร้ายกาจถึงเพียงนี้จริงๆ ก็คงไม่ต้องเล่นเกมแลกเปลี่ยนคนอย่างนี้กับเขาแล้ว สู้พุ่งเข้ามาฆ่าพวกเขาให้เรียบเสียดีกว่า…
ทว่าท่าทีอย่างนี้ของอีกฝ่าย กลับบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าแม้มีพลังแข็งแกร่ง แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับทีมของพวกหลิงม่อ มันก็ยังคงเกรงกลัวไม่กล้าเดินหน้า นั่นแสดงว่า ถึงแม้พลังของพวกหลิงม่อไม่มากพอที่จะฆ่ามันได้ แต่ก็ต้องสร้างความเดือดร้อนให้มันได้ไม่น้อยอย่างแน่นอน ซึ่งเห็นชัดว่าซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้น คิดว่าแบบนั้นเป็นการแลกเปลี่ยนที่ไม่คุ้มค่า…
“ฉะนั้น ความจริงแล้วอีกฝ่ายก็กำลังเผยสถานการณ์ของตัวเองออกมาให้รู้โดยไม่ได้ตั้งใจ…แต่ประเด็นสำคัญก็ยังเป็นเรื่องที่เมื่อกี้…ใช่แล้ว!”
หลิงม่อเค้นสมองนึกย้อนไปถึงภาพเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ และในเสี้ยววินาทีที่ภาพความทรงจำปรากฏอีกครั้ง เขาก็พลันกระจ่าง…
เมื่อกี้ทุกอย่างล้วนเป็นธรรมชาติ แต่ท่ามกลางความเป็นธรรมชาตินั้น กลับมีช่องโหว่ที่อันตรายถึงชีวิตซ่อนอยู่ ถ้าหากเขาไม่นึกย้อนดูอย่างละเอียด ก็อาจมองข้ามไปแล้ว…