บทที่ 1114 แผนการร้ายของซอมบี้

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

หลิงม่อชะงักงัน ยิ้มขมขื่นหมายจะอธิบาย แต่ก็ได้ยินเสียงกู่ซวงซวงพูดต่อก่อนว่า “แล้วคนที่อยู่ที่นี่เมื่อกี้ ถูกหัวหน้าฆ่าแล้วหรอ?”

พอคำนี้หลุดออกจากปากกู่ซวงซวง หลิงม่อพลันหนังศีรษะตึงชา! ตั้งแต่ที่เขาเข้ามาในห้องนี้…ไม่สิ ตั้งแต่ที่เขาเดินเข้ามาในทางเดินเส้นนี้ เขาก็ไม่เห็นใครเลย ไม่เห็นแม้แต่เงาร่าง! ยิ่งในห้องที่กู่ซวงซวงอยู่นี้ นอกจากแมงมุมแล้วก็ไม่มีใครอื่นอีกเลย!

หลังผ่านไปหนึ่งวินาที หลิงม่อจึงค่อยถามเสียงเข้ม “เธอหมายถึง…ใครงั้นหรอ?”

กู่ซวงซวงราวกับชะงักงันไปครู่หึ่ง ทว่าเธอก็ยังตอบทันทีว่า “ฉันก็เห็นไม่ชัดนัก แต่เหมือนจะ…เป็นผู้ชาย…เขาหันหลังให้ฉัน ที่นี่มีแต่ใยแมงมุม ฉันเลยเห็นอะไรได้ไม่ชัดนัก…แต่ว่า เขาพูดกับฉัน…”

“เขาพูดอะไร?” หลิงม่อจี้ถาม ผู้ชายที่กู่ซวงซวงพูดถึง น่าจะเป็นซอมบี้ร่างแม่สายพลังจิตตัวนั้น…ทว่าพอรู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่นี่ในวินาทีที่แล้ว และเพิ่งหายตัวไปภายใต้เปลือกตาเขา หลิงม่อก็อดรู้สึกเสียวสันหลังไม่ได้…

กู่ซวงซวงเหมือนจะตระหนักได้ถึงบางอย่างจากปฏิกิริยาของหลิงม่อ เธอจึงแตกตื่นขึ้นมาอีกครั้ง พูดด้วยเสียงขาดๆ หายๆ ว่า “เขาพูดมากทีเดียว…เหมือน…จะบอกว่า…ให้หัวหน้าเข้ามาคนเดียว เขาจะพาหัวหน้าไปที่แห่งหนึ่ง จากนั้นเขาก็จะปล่อย…ปล่อยพวกฉันไป…เขาบอกว่า หัวหน้าไม่ต้องห่วง หัวหน้าน่าจะรู้ว่าเขาต้องการอะไร ดังนั้น ความปลอดภัยของคนอื่นๆ หัวหน้าไม่จำเป็นต้องกังวล เขา…เขายังบอกอีกว่า นี่น่าจะเรียกว่าการแลกเปลี่ยนที่ยุติธรรมอย่างที่มนุษย์ชอบพูดกัน เป็นวิธีแลกเปลี่ยนที่มนุษย์ชอบมากที่สุด ที่เขาเลือกวิธีนี้ก็เพื่อจะให้ทั้งสองฝ่ายได้ในสิ่งที่ต้องการ ส่วนตัว…ส่วนตัวแล้วเขาไม่ชอบสังหารส่งเดช แบบนั้นจะทำให้สิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น…ฉัน…ฉันจำได้แค่นี้…”

“ไร้สาระ! แบบนี้เขาเรียกว่าลักพาตัวโว้ย! ฝ่ายที่จะพอใจก็มีแต่มันนั่นแหละ! ซอมบี้ที่พูดเรื่องแบบนี้ให้ดูดีขึ้นมาได้โดยหน้าไม่อาย ฉันก็เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกนี่แหละ!” หลิงม่อลอบสบถกับตัวเอง แต่กลับไม่ได้พูดออกมาตรงๆ ดูจากปฏิกิริยาของกู่ซวงซวง เด็กสาวผู้นี้ตกใจจนสติไม่อยู่กับร่องกับรอยแล้ว…แต่ก็ไม่น่าแปลก ขนาดเขายังขนลุกกับแมงมุมที่อยู่เต็มพื้นพวกนี้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเธอเป็นเพียงเด็กสาวธรรมดาที่ถูกแมงมุมไต่อยู่เต็มตัว…ในกลุ่มพวกเขา คนที่เผชิญหน้ากับเรื่องทั้งหมดนี้ได้ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เกรงว่าคงมีแต่พวกเย่เลี่ยน…แต่เขาก็ไม่อาจเอาการตอบสนองของซอมบี้มาเป็นมาตรฐานตัดสินคนอื่นนี่นา!

“มันวางแผนได้ไร้ที่ติมาก…ใช้ชีวิตของคนสองคนมาบีบบังคับฉัน เดินหมากได้ดีจริงๆ…”

หลิงม่อกำลังครุ่นคิด แต่ก็ได้ยินเสียงกู่ซวงซวงพูดกัดฟันดังแทรกขึ้นมา “หัวหน้า…ถึงแม้ฉัน…ฉันจะกลัวตายมาก…แต่ก็ไม่อาจขอร้องให้เอาชีวิตคนอื่นมาแทนที่ชีวิตตัวเอง…ฉันคิดว่า…ฉันคิดว่าเจ้าลิงผอมก็คงคิดอย่างนี้เหมือนกัน! หัวหน้า…หัวหน้าไปซะเถอะ…มันจะต้องวางกับดักชั่วไว้ที่ตัวฉันแน่ๆ ถึงแม้ว่าหัวหน้าจะช่วยฉันออกไปตอนนี้ก็คงไม่มีประโยชน์ ไม่แน่ว่า…มันกลับจะเป็นการทำร้ายหัวหน้าเสียเอง ฉัน…ถึงแม้ฉันจะไม่เคยถูกใช้เป็นโล่กันกระสุน แต่กลับเป็นตัวภาระมาโดยตลอด…จนถึงตอนนี้ ฉันก็ยังไม่เคยทำเรื่องน่าชื่นชมเลยซักครั้ง ได้เพียงติดสอยห้อยตามมาในทีม วันๆ ได้แค่คิดจะมีชีวิตต่อไปเรื่อยๆ ก็พอ…ฉัน…”

เมื่อเธอพูดถึงประโยคท้ายๆ คำพูดเริ่มวกวนไปมาจับใจความสำคัญไม่ได้ ร่างกายก็เริ่มกระตุกสั่นขึ้นมาอีกครั้งอย่างควบคุมไม่ได้ แมงมุมพวกนั้นไต่ขึ้นไปบนหัวเธอ และจับตัวรวมกันเป็นชั้นๆ บนตัวเธออย่างรวดเร็ว แม้ว่าเธอที่ถูกหุ้มด้วยใยแมงมุมจะมองไม่เห็นภาพนี้ แต่แค่สัมผัสที่ส่งผ่านมาจากข้างนอก ก็มากพอที่จะทำให้สติของเธอกระเจิดกระเจิงแล้ว…

“ฉันไม่โทษพวกคุณ…พวกคุณมอบหมายภารกิจให้ฉัน กระทั่งมอบหมายให้ฉันดูแลทางหนีทีไล่ ที่จริงฉันกับเจ้าลิงผอมดีใจมาก หากอยากอยู่รอดบนโลกใบนี้ ก็จำเป็นต้องแลกด้วยอะไรบางอย่าง อยากให้ผู้อื่นปกป้อง ก็ต้องยอมละทิ้งอะไรอีกหลายสิ่ง อย่างเช่นเกียรติและศักดิ์ศรี…พึ่งพาตัวเองแม้อาจต้องตาย แต่อย่างน้อยฉันก็พึ่งพาความสามารถของตัวเองในการอยู่รอดไปได้อีกหนึ่งวัน…หัวหน้า ฉันกลัวมาก…จริงๆ นะ…แต่ฉันจะไม่มีวันเสียใจ…ถือว่าฉัน…ขอร้องก็แล้วกัน…หัวหน้าอย่าห่วงพวกฉันอีกเลย…”

ได้ยินกู่ซวงซวงพูดประโยคเหล่านี้ออกมาด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น หลิงม่อพลันรู้สึกหนักอึ้งในใจจนแทบทนไม่ไหว…ถ้าหากไม่มีภัยพิบัติครั้งนี้ เธออาจเป็นเพียงเด็กสาวขี้อายธรรมดาคนหนึ่งที่มักกอดหนังสือไว้ในอกและอ่านหนังสือเงียบๆ ยามพูดคุยกับคนแปลกหน้าก็มักหน้าแดงด้วยความขวยเขิน บางทีเธออาจได้แต่งงานและมีลูกอย่างราบรื่น และได้ใช้ชีวิตที่ปกติธรรมดาไปตลอด ซึ่งชีวิตแบบนั้นเป็นชีวิตที่ดีที่สุดสำหรับเด็กสาวอย่างเธอแล้ว ไม่เหมือนอย่างตอนนี้ ที่ต้องอดทนให้แมงมุมไต่ทั่วตัว และร้องไห้ผ่านการสื่อสารทางจิตเพราะต้องการยอมแพ้กับชีวิตตัวเอง…

“เอาล่ะ อย่าร้องอีกเลย…” เสียงของหลิงม่อพลันแปรเปลี่ยนเป็นราบเรียบ เขายิ้มอ่อนโยน แล้วบอกว่า “อยู่ๆ เธอมาร้องไห้แบบนี้ ฉันจะลำบากใจเอานะ บอกตามตรง ฉันไม่ถนัดรับมือกับน้ำตาของผู้หญิงนัก…อีกอย่างต้องขอโทษด้วย คำขอร้องของเธอ ฉันทำได้เพียงปฏิเสธเท่านั้น นอกจากนี้เธอไม่อาจตัดสินใจเรื่องสำคัญแบบนี้แทนเจ้าลิงผอมหรอก ถ้าเขารู้เข้าต้องร้องไห้น้ำตาท่วมแน่นอน เธอลองจินตการถึงภาพที่เขากำลังร้องไห้คร่ำครวญดูสิ…”

คงเพราะนึกถึงภาพที่เจ้าลิงผอมร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าอนาถขึ้นมาได้ แม้ว่ากู่ซวงซวงจะยังไม่หัวเราะออกมา แต่ก็อารมณ์มั่นคงมากขึ้นแล้ว…

“อีกทั้ง ฉันก็ทำไม่ได้หากจะให้มองดูพวกเธอตายไปต่อหน้าต่อตา เอาล่ะๆ ไม่ต้องซาบซึ้งหรอกนะ ฉันเองก็ไม่คิดจะเอาชีวิตตัวเองไปสังเวยให้ใครที่ไหนง่ายๆ แบบนั้นเขาไม่ได้เรียกว่าเดินเข้าไปหาความตายอย่างกล้าหาญ แต่เรียกว่าสมองมีปัญหาต่างหาก ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งกลับถูกซอมบี้บีบบังคับ นั่นก็น่าสมเพชเกินไปแล้ว…มันคิดจะเอาของที่อยากได้ไปเฉยๆ โดยไม่ยอมเสียอะไร? ถ้าอย่างนั้นฉันจะทำให้มันรู้เอง ว่าโลกนี้ไม่ได้สวยงามเหมือนที่มันคิด วิธีอย่างนี้ของมันอาจใช้ได้ผลกับคนอื่น แต่กับฉันไม่มีทางได้ผล…” น้ำเสียงของหลิงม่อเริ่มเย็นเยียบขึ้นทีละนิด เหมือนอย่างที่เขาบอก เขาไม่มีทางละทิ้งเพื่อนพ้อง แต่ขณะเดียวกัน เขาก็ไม่มีทางโง่พอที่จะเดินเข้าไปหาความตายเอง สำหรับเขา พฤติกรรมอย่างนั้นไม่ต่างอะไรจากคนโง่เลยแม้แต่น้อย

กู่ซวงซวงเองก็เริ่มใจเย็นลง เพียงแต่เธอยังคงสงสัยมาก “ถ้าอย่างนั้น…หัวหน้าคิดจะทำยังไง? ฉันรู้สึกว่า…ผู้ชายคนนั้นจะต้องพิจารณาถึงความเป็นไปได้นี้แล้วเหมือนกัน…ฉันแค่กลัวว่าคุณจะตกหลุมพรางของมันเท่านั้น”

“วางใจ ฉันไม่บ้าบิ่นและขาดสติหรอก…เอาอย่างนี้ เธอเล่ารายละเอียดเรื่องเจ้าลิงผอมให้ฉันฟัง ฉันคิดว่าว่าฉันควรหาเขาให้เจอก่อน เธอไม่ต้องห่วง ฉันจะทิ้งสัญลักษณ์ไว้บนตัวเธอ เธอจะไม่เป็นไร ในเมื่ออีกฝ่ายพูดอย่างนี้แล้ว แสดงว่าก่อนที่จะได้ตัวฉัน เขาจะไม่ทำอะไรเธอจริงๆ เพียงแต่ว่า เธอต้องอดทนกับแมงมุมพวกนี้ไปก่อน…” หลิงม่อถอนหายใจ แล้วบอก

กู่ซวงซวงตอบรับเสียงสั่น “อื้ม” หนึ่งครั้ง แล้วบอกว่า “ฉัน…ฉันจะสู้…” เธอชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เริ่มนึกย้อนอย่างละเอียด…เธอเล่าทุกสิ่งที่เธอเห็นอย่างละเอียดตั้งแต่แวบแรกที่เธอเห็นเจ้าลิงผอม จนถึงตอนที่ภาพเบื้องหน้าดับวูบ

ส่วนหลิงม่อหลังฟังจบ ก็เพียงตอบรับเงียบๆ หนึ่งเสียง จากนั้นก็บอกว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปตามหาเขาก่อนล่ะนะ เธอระวังตัวเองด้วย…”

“ดะ…ได้…” กู่ซวงซวงพลันแตกตื่นขึ้นมาทันที ทว่าเธอยังคงตอบอย่างหนักแน่น เพราะถึงอย่างไรเมื่อกี้เธอก็เตรียมใจรอความตายไว้แล้ว ตอนนี้เพียงต้องอดทนรอไม่นาน แค่นี้เธอทนได้อยู่แล้ว แม้กระทั่งอารมณ์ของเธอในตอนนี้ก็ยังมั่นคงกว่าเมื่อกี้ไม่น้อย

ก่อนจากไป หลิงม่อมองดูรอบห้องอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่ที่น่าเสียดายคือ เขายังคงไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ เหมือนเดิม ซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นหายตัวไปจากห้องที่ปิดสนิทอย่างนี้ก่อนที่เขาจะปรากฏตัวเพียงเสี้ยววินาทีได้อย่างไรนั้น ยังคงปริศนาที่ไร้คำตอบ…

แต่หลังออกมาจากห้องชุด หัวใจของหลิงม่อพลันเต้น “ตึกตัก” ทันใด เขาขมวดคิ้วครุ่นคิด อยู่ๆ ก็พลันรู้สึกว่า…เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ ราวกับมีบางสิ่งไม่ชอบมาพากล…

ทว่า มันคืออะไรกันแน่…

“ความรู้สึกนี้ไม่มีทางผิดพลาดแน่ ไม่มีทาง…เพราะว่าตอนนี้ฉันกลายเป็นคนคิดมากขึ้น ก็เลยความรู้สึกไวกว่าปกติ…ในห้องเมื่อกี้ เต็มไปด้วยกลิ่นอายกดดันแปลกๆ บางอย่างจริงๆ…ทั้งสมจริง และชัดเจนมาก ความรู้สึกเหมือนตอนที่เผชิญหน้ากับซอมบี้ระดับสูงพวกนั้น ราวกับว่าหากฉันแค่ขยับตัวนิดเดียว ก็จะถูกบางสิ่งตะครุบ และถูกพรากชีวิตไป…ความรู้สึกนั้น ชัดเจนและตราตรึงมาก…”

เพราะเป็นร่างดวงจิต ดังนั้นย่อมเป็นดวงจิตของเขาที่สัมผัสได้ถึงความรู้สึกนั้น แต่ดวงแสงเหล่านั้ไม่มีทางทำให้เขารู้สึกอย่างนั้นได้แน่ และพลังงานทางจิตของแมงมุมพวกนั้นก็อ่อนมากจนสามารถมองข้ามไปได้เลย…หรือจะเป็นพลังที่ซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นทิ้งไว้? ถ้าหากเป็นอย่างนั้น พลังของอีกฝ่ายก็น่ากลัวเกินไปแล้ว เพราะเพียงกลิ่นอายที่หลงเหลือจากร่างกายมัน ก็ทำให้หลิงม่อรู้สึกได้ถึงอันตรายถึงชีวิตแล้ว ทว่าถ้าหากอีกฝ่ายร้ายกาจถึงเพียงนี้จริงๆ ก็คงไม่ต้องเล่นเกมแลกเปลี่ยนคนอย่างนี้กับเขาแล้ว สู้พุ่งเข้ามาฆ่าพวกเขาให้เรียบเสียดีกว่า…

ทว่าท่าทีอย่างนี้ของอีกฝ่าย กลับบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าแม้มีพลังแข็งแกร่ง แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับทีมของพวกหลิงม่อ มันก็ยังคงเกรงกลัวไม่กล้าเดินหน้า นั่นแสดงว่า ถึงแม้พลังของพวกหลิงม่อไม่มากพอที่จะฆ่ามันได้ แต่ก็ต้องสร้างความเดือดร้อนให้มันได้ไม่น้อยอย่างแน่นอน ซึ่งเห็นชัดว่าซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้น คิดว่าแบบนั้นเป็นการแลกเปลี่ยนที่ไม่คุ้มค่า…

“ฉะนั้น ความจริงแล้วอีกฝ่ายก็กำลังเผยสถานการณ์ของตัวเองออกมาให้รู้โดยไม่ได้ตั้งใจ…แต่ประเด็นสำคัญก็ยังเป็นเรื่องที่เมื่อกี้…ใช่แล้ว!”

หลิงม่อเค้นสมองนึกย้อนไปถึงภาพเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ และในเสี้ยววินาทีที่ภาพความทรงจำปรากฏอีกครั้ง เขาก็พลันกระจ่าง…

เมื่อกี้ทุกอย่างล้วนเป็นธรรมชาติ แต่ท่ามกลางความเป็นธรรมชาตินั้น กลับมีช่องโหว่ที่อันตรายถึงชีวิตซ่อนอยู่ ถ้าหากเขาไม่นึกย้อนดูอย่างละเอียด ก็อาจมองข้ามไปแล้ว…