ไสหัวออกไป?
พวกเจ้า?
รวมทั้งเยี่ยโยวเหยาด้วยหรือ?
ทุกคนในเหตุการณ์ รวมถึงฮูหยินปี้และซูอวี้ที่มาพร้อมกับซูจิ่นซีต่างตกตะลึงขึ้นมาในทันที ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ฮูหยินปี้กับซูอวี้รู้ดีว่าเวลาที่ซูจิ่นซีกำลังถอนพิษ ไม่ชอบให้ใครมารบกวน กลับคาดไม่ถึงว่าแม้แต่โยวอ๋องก็ถูกนางไล่ออกไปเช่นกัน
การตอบสนองของหลานเสวียนหมิงเป็นเหมือนกับฮูหยินปี้และซูอวี้ ทว่าเขาตกใจยิ่งกว่าพวกเขาทั้งสองเสียอีก ผ่านไปครู่หนึ่งจึงมีการตอบสนอง หลานเสวียนหมิงยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่า ซูจิ่นซี… สตรีนางนี้ ต่อหน้าฝ่าบาทที่พวกเขาต่างเคารพยำเกรง นึกไม่ถึงว่านางจะบังอาจเช่นนี้ ต้องเป็นความวิบัติอย่างแน่นอน หากไม่กำจัดตัวปัญหาแทนฝ่าบาท เขาคงกลายเป็นขุนนางไร้ประโยชน์
หลังจากเยี่ยโยวเหยาชะงักไปเล็กน้อย ใบหน้าก็ปรากฏความเคร่งเครียดทันที ดวงตาเต็มไปด้วยไอสังหาร เนื่องจากความโกรธของเขา จึงทำให้บรรยากาศภายในห้องเย็นยะเยือกขึ้นไม่น้อย ทั้งยังเต็มไปด้วยความรู้สึกกดดันที่ยากจะเพิกเฉย
ปกติซูจิ่นซีคุ้นเคยกับความรู้สึกกดดันเช่นนี้มากที่สุด ทั้งยังอ่อนไหวและหวาดกลัว ทว่าวันนี้นางทำราวกับไม่มีความรู้สึกอันใด นางไม่สนใจสิ่งใด เพราะความคิดทั้งหมดของนางมุ่งอยู่ที่ระบบถอนพิษ
เมื่อปฏิบัติตามขั้นตอนทุกอย่างจนเสร็จสิ้นแล้ว ซูจิ่นซีก็ยังวินิจฉัยไม่ได้ และจนถึงตอนนี้ระบบถอนพิษก็ยังตรวจสอบไม่ได้ว่าหลานเยวี่ยหลีถูกพิษชนิดใดกันแน่
อย่างไรเสีย เยี่ยโยวเหยาก็เป็นบุคคลที่มีเกียรติและมีสถานะสูงส่ง
ซูจิ่นซีตะคอกใส่เขาต่อหน้าคนจำนวนมากเช่นนี้ ย่อมสร้างความขุ่นเคืองให้เขาไม่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงท่าทีของนางที่ไม่สนใจต่อความเดือดดาลของเขา
ทันใดนั้น เยี่ยโยวเหยาก็ก้าวมาข้างหน้าก้าวใหญ่ พลางดึงร่างซูจิ่นซีเข้ามาบีบกรามอย่างรุนแรง บังคับให้นางจ้องนัยน์ตาของตน
เยี่ยโยวเหยาดึงรั้งนางเช่นนี้ เป็นการยากที่ระบบถอนพิษจะแสดงความคืบหน้าในการวิเคราะห์ข้อมูล เมื่อถูกเขาก่อกวน ความพยายามทุกอย่างก่อนหน้านี้จึงล้มเหลว
สิ่งที่ซูจิ่นซีเกลียดมากที่สุด คือการถูกผู้อื่นรบกวนในเวลาที่นางกำลังทำงานอย่างตั้งใจ
ตอนนี้ซูจิ่นซีเดือดดาลอย่างมาก จนลืมสิ้นทุกสิ่งอย่าง ลืมว่าผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้านางเป็นท่านอ๋องในยุคศักดินาโบราณ “บัดซบ! เยี่ยโยวเหยา ท่านบ้าไปแล้วหรือ? ”
ทันใดนั้น ร่างกายของฮูหยินปี้ ซูอวี้ และหลานเสวียนหมิงพลันสั่นสะท้านอย่างรุนแรง รู้สึกเพียงว่าท้องฟ้าและแผ่นดินกำลังจะถล่มลงมา
เยี่ยโยวเหยายังคงโกรธจัด บรรยากาศโดยรอบอึมครึม กดดัน ราวกับวันที่มีพายุฝนฟ้าคะนอง เมฆดำปกคลุมบนท้องฟ้า
เขาออกแรงบีบกรามซูจิ่นซีอย่างรุนแรง จนร่างเล็กๆ ของซูจิ่นซีแทบจะลอยจากพื้น
เยี่ยโยวเหยากัดฟันกรอด พูดว่า “ซูจิ่นซี เจ้ารนหาที่ตาย! ”
แม้ระบบถอนพิษจะถูกขัดขวาง ทว่าการวิเคราะห์ข้อมูลยังคงทำงานอัตโนมัติ
เมื่อเยี่ยโยวเหยาเคลื่อนไหว ข้อมูลในระบบจึงมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง “ท่านไปตายเสียเถิด! ”
ซูจิ่นซีสบถด่า และใช้ขาข้างหนึ่งเตะไปยังส่วนลับของเยี่ยโยวเหยา
ฮูหยินปี้ตกใจจนขาแข้งอ่อนแรง นั่งกองอยู่บนพื้น ดวงตาแวววาวของซูอวี้เบิกกว้างราวกับลูกแก้ว เขาเม้มริมฝีปากด้วยท่าทีประหลาดใจ ส่วนหลานเสวียนหมิงที่ยังคงคุกเข่าอยู่กับพื้น นอกจากความตื่นตระหนกแล้ว ก็เกิดกังวลใจเกี่ยวกับความรุนแรงของเท้าซูจิ่นซี ต่อไปฝ่าบาทอาจมีปัญหาเรื่องบนเตียงและการมีบุตร เขาแทบจะหยิบกระบี่ออกมาฟันซูจิ่นซี
เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้วแน่นด้วยความเจ็บปวด มือที่บีบซูจิ่นซีคลายลงโดยไม่รู้ตัว
ซูจิ่นซีอาศัยโอกาสนี้หลบหนีออกจากกรงเล็บปีศาจของเยี่ยโยวเหยา นางพูดย้ำอีกครั้งว่า “หม่อมฉันขอพูดอีกครั้ง ออกไปให้หมด! ”
จากนั้นซูจิ่นซีก็เริ่มเก็บตัวอย่างเลือดของหลานเยวี่ยหลีใหม่อีกครั้ง
“ฮูหยินปี้ อวี้เอ๋อร์ เข้ามาช่วยข้า”
ซูอวี้มีท่าทีสงบนิ่ง เขารีบเข้าไปช่วยเหลือซูจิ่นซี ฮูหยินปี้จึงลุกขึ้นจากพื้นเช่นกัน
“ประคองตัวนางขึ้นมา เก็บตัวอย่างเลือดจากหลังของนาง”
ต่อหน้าผู้เป็นหมอไม่เคยคำนึงถึงบุรุษและสตรี ฮูหยินปี้กับซูอวี้รีบพยุงหลานเยวี่ยหลีขึ้นมา เพื่อให้ซูจิ่นซีเก็บตัวอย่างเลือดจากด้านหลังของหลานเยวี่ยหลี
เมื่อคนทั่วไปถูกพิษ เลือดที่อยู่ด้านหลังคือเลือดที่สะสมสารพิษไว้มากที่สุด
กระบวนการเก็บเลือดของซูจิ่นซีก่อนหน้านี้ ล้วนเป็นเรื่องหลอกลวงเพื่อเบี่ยงเบนสายตา ทว่าครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ระบบถอนพิษวิเคราะห์นานเช่นนี้ยังไม่มีผลการวิเคราะห์ออกมา อีกทั้งความคืบหน้าเล็กน้อยก็ถูกเยี่ยโยวเหยาขัดขวาง ตอนนี้หากให้ระบบถอนพิษเริ่มทำการวิเคราะห์ใหม่อีกครั้ง ก็ยังไม่รู้ว่าจะวิเคราะห์ออกมาได้หรือไม่ ดังนั้นซูจิ่นซีจำเป็นต้องใช้วิธีอื่น นั่นคือนางจะทดสอบพิษด้วยตนเอง
หลังจากเก็บเลือดแล้ว ซูจิ่นซีก็หลับตาทั้งสองลง พยายามไม่ให้ตนเองอาเจียนออกมา และดื่มเลือดนั้นลงไป
ซูอวี้ขมวดคิ้ว รีบพูดขัดขวาง “พี่จิ่นซี เลือดนี้มีพิษ ท่านจะถูกพิษเช่นเดียวกับนาง”
ทว่าไม่ทันการณ์เสียแล้ว เลือดได้เข้าไปในท้องของซูจิ่นซีเรียบร้อยแล้ว
อย่ารบกวนข้า
ซูจิ่นซีจับบริเวณท้องที่มีอาการเจ็บปวดเล็กน้อย พลางนั่งลงข้างเตียงหลานเยวี่ยหลี
เมื่อความเจ็บปวดที่ช่วงล่างของเยี่ยโยวเหยาบรรเทาลง เขากำลังจะลงมือกับซูจิ่นซีอีกครั้ง ทว่ากลับเห็นซูจิ่นซีดื่มเลือดที่เก็บมาจากร่างของหลานเยวี่ยหลีด้วยตนเอง ในที่สุดเยี่ยโยวเหยาก็รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น
เยี่ยโยวเหยาทราบดีเรื่องความพิเศษของระบบถอนพิษในตัวซูจิ่นซี ทั้งยังทราบว่าระบบถอนพิษนั้นสามารถทดสอบสารพิษในตัวมันเองได้เช่นกัน ทุกครั้งที่ซูจิ่นซีดำเนินการทดสอบสารพิษ เป็นเพียงเรื่องที่ทำเพื่อปิดบังอำพรางเท่านั้น ดังนั้นนางจึงไม่จำเป็นต้องทดสอบพิษด้วยตนเอง
ทว่าตอนนี้นางกลับดื่มเลือดที่มีพิษลงไป มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือ ระบบถอนพิษไม่สามารถทดสอบสารพิษได้ นางจึงใช้วิธีพิสดารในการทดสอบพิษ
เมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์และท่าทีเมื่อครู่ของนางอย่างละเอียด เยี่ยโยวเหยาก็ทราบได้ในทันที มีความเป็นไปได้มากว่า การกระทำของเขาก่อนหน้านี้ได้รบกวนระบบถอนพิษของนาง
ดังนั้น เยี่ยโยวเหยาจึงค่อยๆ ดึงมือที่จะยื่นออกไปจับตัวซูจิ่นซีกลับมา
อย่างไรก็ตาม เลือดนั้นมีพิษ ซูจิ่นซีดื่มลงไปจะเป็นอันใดหรือไม่? หรือนางไม่สามารถถอนพิษบนตัวของหลานเยวี่ยหลีได้ จึงตัดสินใจเผชิญหน้ากับพิษไปพร้อมกัน พิษของนางก็ถอนไม่ได้เช่นกัน?
คิดมาถึงตรงนี้ ในใจของเยี่ยโยวเหยาจึงเกิดความวิตกกังวล
เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ซูจิ่นซี ทางที่ดีเจ้ารีบหาให้พบว่าเป็นพิษอันใด มิฉะนั้นแล้ว… ”
มิฉะนั้นแล้วอันใด เยี่ยโยวเหยาไม่ได้พูดจนจบ หรือกระทั่งตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าหากซูจิ่นซีวินิจฉัยสารพิษไม่ได้ เขาควรทำอย่างไร ดวงตาของเยี่ยโยวเหยาปรากฏความเย็นชา เขาเอามือไพล่หลังด้วยท่าทีเป็นกังวล ก่อนจะหันหลังเดินออกไป
ขณะที่เดินออกไป เยี่ยโยวเหยายังไม่ลืมพาหลานเสวียนหมิงออกไปด้วย
“ออกไปกับข้า”
หลานเสวียนหมิงชักสีหน้ามองซูจิ่นซีที่กำลังหลับตานั่งอยู่ข้างเตียงอย่างไม่รู้ว่ากำลังทำอันใด จากนั้นจึงรีบลุกขึ้น เดินตามเยี่ยโยวเหยาออกจากประตู
คำพูดของเยี่ยโยวเหยา สำหรับหลานเสวียนหมิงแล้วต้องปฏิบัติตามยิ่งกว่าราชโองการของฮ่องเต้เสียอีก เขาไม่กล้าละเลยแม้แต่น้อย
แสงตะวันสาดส่องลงมากว่าครึ่งห้อง ส่องผ่านบานหน้าต่างที่แกะสลักลวดลายลูกไม้อย่างอ่อนช้อย ทว่าซูจิ่นซียังคงนั่งอยู่ข้างเตียง ดวงตาทั้งคู่ปิดลง ไม่มีการเคลื่อนไหวมานานมากแล้ว
เม็ดเหงื่อเย็นเฉียบค่อยๆ ไหลลงมาที่หน้าผากของนางเหมือนกับหลานเยวี่ยหลี เส้นผมบริเวณโหนกแก้มทั้งสองเปียกชุ่ม เสื้อผ้าด้านหลังของนางก็เปียกเช่นกัน
ฮูหยินปี้กับซูอวี้เห็นซูจิ่นซีมีท่าทางเช่นนี้ ก็เกิดความกังวล ทั้งเป็นห่วง และไม่สบายใจ
ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไร ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าพิษนี้ไม่อาจรักษาให้หายได้โดยง่าย
ซูอวี้รู้สึกว่าซูจิ่นซีใช้ร่างกายทดสอบพิษ เป็นการกระทำที่ไม่สมควรเท่าไรนัก หากไม่สามารถทดสอบส่วนประกอบพิษได้ หรือหากทดสอบออกมาแล้วว่าเป็นพิษชนิดใด ทว่าหายาถอนพิษไม่ได้ เช่นนั้นก็หมายความว่าแม้แต่ชีวิตของซูจิ่นซี ก็ต้องตกอยู่ในอันตรายเช่นกันไม่ใช่หรือ?