ภาค 3 ธาตุแท้ของวีรบุรุษ บทที่ 281 อุบายอสนีบาต

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เมื่อจอมยุทธ์ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตโดยรอบได้ยินเสียงฟ้าผ่าดังกึกก้อง พวกเขาต่างก็รู้สึกหวาดหวั่นอย่างหนัก

พวกเขามองไปทางผู้เฒ่าผมขาวที่มีพลังฝึกปรือและพลังความสามารถสูงที่สุดในกลุ่มตนเอง กลับปรากฏเห็นเพียงแค่ฝนโลหิตหย่อมหนึ่งสาดกระเซ็นอยู่กลางอากาศ!

เลือดเนื้อกระเด็นติดบนดวงหน้าของตน แต่ละคนล้วนตื่นตะลึง ไม่กล้าเชื่อว่าผู้เฒ่าผมขาวที่อยู่ในระดับมหาปรมาจารย์ขั้นซ่อนจิตระยะท้าย จะถูกคนสังหารคาที่ได้ง่ายดายเช่นนี้!

จนกระทั่งหยดโลหิตที่ซ่านเซ็นไปทั่วเหล่านั้น แปรสภาพเป็นควันดำหลากสายลอยขึ้น กระจายหายไม่พบ พวกเขาถึงค่อยหลุดออกจากภวังค์

ซึ่งในระยะเวลาชั่วพริบตานี้ เยี่ยนจ้าวเกอสังหารคนหนึ่งอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็ควบคุมสือซงเทาไว้!

ส่วนจอมยุทธ์ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตที่ยังไม่บรรลุเป็นมหาปรมาจารย์เหล่านี้ เยี่ยนจ้าวเกอยืนอยู่กับที่ สยายปีกเซียนกระเรียนด้านหลัง

ขนเซียนกระเรียนประหนึ่งฝนแสง ส่องสว่างลอยออกไปทั้งสี่ด้าน โจมตีจอมยุทธ์ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตแต่ละคนจนอ่วมภายในชั่วเสี้ยววินาที

อีกฟากหนึ่ง สวีเฟยกับอาหู่ก็กำลังจัดการกับคู่ต่อสู้ของตนเองเช่นกัน

เหล่าจอมยุทธ์เขากว่างเฉิงที่เดิมถูกจับกุมไว้ในสนามค้นพบในยามนี้ ว่าสถานการณ์ทั้งหมดได้พลิกจากร้ายเป็นดีในระยะเวลาชั่วพริบตาแล้ว!

ฝูงชนมองดูเยี่ยนจ้าวเกอที่เสมือนกับเทพศัสตราจุติ กวาดล้างศัตรูชั่วพริบตาด้วยความตกตะลึงอยู่บ้าง

บรรดาจอมยุทธ์ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตซึ่งรวมถึงสือซงเทา ไม่มีแม้กระทั่งโอกาสที่จะข่มขู่ผู้คนหรือสังหารคนระบายแค้น ถูกพวกเยี่ยนจ้าวเกอทั้งสามคนกำจัดในชั่วพริบตาแล้ว

เมื่อเห็นท่าทีอันผ่อนสบายของเยี่ยนจ้าวเกอ หากไม่ใช่เพื่อป้องกันมหาปรมาจารย์ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตสังหารศิษย์ร่วมสำนักฝ่ายตนแต่แรกเริ่ม เกรงว่าสวีเฟยและอาหู่ล้วนไม่ต้องลงมือ เขาผู้เดียวก็สามารถตะลุยกวาดล้างได้

แม้กระทั่งสือเถี่ยและซือหม่าฉุยที่อยู่กลางอากาศ ขณะเดียวกันที่กำลังประมือกันอยู่นั้น ล้วนแบ่งความสนใจลงไปเบื้องล่างอยู่บ้าง

หนนี้กลับเป็นสือเถี่ยที่ออกมือ ทำให้ซือหม่าฉุยไม่มีเวลาสนใจอย่างอื่น

เยี่ยนจ้าวเกอยืนอยู่ที่เดิม ปรับลมปราณขับพิษตลอดเวลา

มุกวิเศษสีม่วงอันกลายสภาพมาจากเศษชิ้นส่วนดวงตาราชันสายฟ้า บัดนี้ตกอยู่ในสภาวะอับแสง ปราณวิญญาณหมดสิ้นไม่อาจระงับ คล้ายกับมุกหินสีเทาหม่นเม็ดหนึ่ง ไม่สะดุดตาอย่างยิ่ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะเก็บมันกลับไป

สายฟ้าชั่วพริบตา เผาไหม้ทุกสิ่งในเสี้ยวขณะหนึ่ง รวมพลังทั้งหมดปลดปล่อยในคราวเดียว

ในการโจมตีเดียว ผลาญพลังทั้งหมดของเศษชิ้นส่วนดวงตาราชันสายฟ้าที่เยี่ยนจ้าวเกอสามารถขับเคลื่อนได้ก่อนหน้านี้จนหมดสิ้น

ทว่าก็เนื่องด้วยเหตุนี้เช่นกัน อานุภาพของสายฟ้าชั่วพริบตาถึงเรียกได้ว่าเลิศล้ำเหนือธรรมดา

ผู้เฒ่าผมขาวคนนั้นอยู่ในขั้นซ่อนจิตระยะท้าย ออกเมล็ดพันธุ์วิเศษ เกิดหน่อวิเศษออกมา พลังปราณดั้งเดิมและวิชาวรยุทธ์ได้ปรากฏตื้นลึกหนาบางแล้ว มีประสบการณ์ต่อสู้ครั้งน้อยใหญ่เป็นร้อยหนชั่วชีวิต พลังความสามารถแกร่งกล้า

เยี่ยนจ้าวเกอประมือซึ่งๆ หน้ากับเขา ไม่เอ่ยแพ้ชนะอย่างไร ทว่าไม่ใช่เวลารอบสั้นๆ ก็สามารถแบ่งแพ้ชนะได้เด็ดขาด

กระนั้นตอนนี้กลับถูกสายฟ้าชั่วพริบตาของเยี่ยนจ้าวเกอ ระเบิดพลังซึ่งจนไม่เหลือแม้กระทั่งศพ!

ถึงแม้ว่าสายฟ้าชั่วพริบตาจะมีอานุภาพยอดเยี่ยม จนถึงขนาดที่ภูตผีหลีกหลบก็ตาม กระนั้นปราณบริสุทธิ์และจิตวิญญาณของเยี่ยนจ้าวเกอก็เชื่อมประสานกับเศษชิ้นส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นแฟ้น

บัดนี้พลังของเศษชิ้นส่วนดวงตาราชันสายฟ้าถดถอยลง ปราณบริสุทธิ์และจิตวิญญาณของเยี่ยนจ้าวเกอก็เสื่อมถอยลงไปด้วยเช่นกัน

เยี่ยนจ้าวเกอเตรียมการกับเรื่องนี้ไว้ก่อน ดังนั้นขณะเดียวกันที่ขับเคลื่อนเศษชิ้นส่วนดวงตาราชันสายฟ้า ในชั่วพริบตาสั้นๆ ก็ระเบิดศักยภาพของตนทั้งหมดออกมาเช่นกัน ก่อนที่สภาพจะถอยลงจริงๆ ฮึดสู้ในอึดใจเดียว จับเป็นสือซงเทาและสังหารคู่ต่อสู้อีกคนหนึ่งชั่วเสี้ยววินาทีด้วยเช่นกัน

ขณะนี้ชายหนุ่มกำนิ้วทั้งห้าที่ต้นคอสือซงเทาไว้ กดการโคจรปราณจิตราชั้นในภายในร่างกายของเขา สั่นสะเทือนเลือดเนื้อเขา ทำให้เขาหมดหนทางขยับเขยื้อน

ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอสามารถรู้สึกได้กระจ่างชัด ว่าสือซงเทากำลังขัดขืนไม่หยุด

ใต้ผิวหนังของเขามีพลังปะทุกำลังสาดซัดตลอดเวลา สั่นไหวจนนิ้วทั้งห้าของเยี่ยนจ้าวเกอออกอาการชา

แม้จะจับจุดสำคัญของอีกฝ่ายเอาไว้ กระนั้นเยี่ยนจ้าวเกอที่อ่อนแอลงไปพร้อมกับเศษชิ้นส่วนดวงตาราชันสายฟ้า มีเวลาไม่กี่ชั่วหายใจเช่นนี้ ก็เริ่มรู้สึกตนเองกำลังจะคุมสือซงเทาไม่อยู่แล้ว

หากแต่หลังจากค่อยๆ ฟื้นฟูปราณดั้งเดิมหลายส่วน ตามการหายใจขับพิษเพื่อปรับสมดุลร่างกายแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอแล้วก็ยังคงจับกุมสือซงเทาไว้ได้แน่นหนา

สวีเฟยและอาหู่ก็จัดการคู่ต่อสู้ของตนอย่างรวดเร็วเช่นกัน

อาหู่มาถึงยังข้างกายเยี่ยนจ้าวเกอ มองคุณชายของตนด้วยแววตาไถ่ถาม ฝ่ายเยี่ยนจ้าวเกอส่ายศีรษะเล็กน้อย เป็นสัญญาณว่าไม่ต้องให้เขาช่วย

ทว่าสวีเฟยกลับช่วยรักษาศิษย์ร่วมสำนักที่ได้รับบาดเจ็บเหล่านั้นไปพลาง สอดส่องสือซงเทาไปพลาง

กลางอากาศ ซือหม่าฉุยเห็นว่าตนเองไม่อาจจัดการสือเถี่ยได้ ยังเบนความสนใจจนถูกลดระกับความสูงของเจดีย์สูงสีทองจนมันเตี้ยลงเรื่อยๆ อีก ใรใจรู้ว่าหากไม่ถอยหนีแต่เนิ่นๆ ชั่วขณะที่เจดีย์ถูกลับจนเรียบโดยสิ้นเชิง สือเถี่ยก็จะสามารถหลุดพ้นจากการเกาะกุมได้

ถึงเวลานั้นแล้ว เขายังสามารถถอยหนีได้อย่างราบรื่นอยู่หรือไม่ ก็ก้ำกึ่งแล้ว

หลังจากซือหม่าฉุยบุกโจมตีหลอก เขาเริ่มปลีกตัวถอยหนี

เจตจำนงหมัดวรยุทธ์ของสือเถี่ยแผ่ขยายออกมา ปกคลุมไปทั่วสี่ทิศ คุ้มกันกลุ่มของเยี่ยนจ้าวเกอไว้ และไม่ไล่ตามเช่นกัน ฝ่ามือยังคงยันอยู่บนเจดีย์สูงสีทอง

ด้วยการยับยั้งของเขา ขนาดของเจดีย์สูงสีทองหดลงไม่หยุด

มหาค่ายกลแดนมาร บัดนี้ก็มีแนวโน้มว่าจะพังทลายลงแล้วเช่นกัน

เยี่ยนจ้าวเกอควบคุมสือซงเทาไว้ ยามนี้จอมยุทธ์กว่างเฉิงที่ได้รับการช่วยเหลือสามารถผ่อนลมหายใจได้ในที่สุด เพียงแต่สายตาเริ่มย้ายไปย้ายมาระหว่างสือเถี่ยกับสือซงเทา บรรยากาศพิลึกก่อตัวขึ้นตลอดเวลา

“อาหู่” เยี่ยนจ้าวเกอถอนใจเสียงเบาครั้งหนึ่ง อาหู่ผงกศีรษะ รับงานของสวีเฟยแทน รักษาอาการบาดเจ็บให้กับจอมยุทธ์กว่างเฉิงเหล่านั้น ขณะเดียวกันก็พาพวกเขาออกจากที่แห่งนี้

ความรู้สึกของเหล่าจอมยุทธ์กว่างเฉิงซับซ้อน ภายใต้ความนิ่งเงียบ สุดท้ายแล้วยังคงไม่ได้ถามอะไรมาก ปลีกออกไปตามอาหู่

สีหน้าท่าทางสวีเฟยหนักแน่นจริงจัง มาถึงยังเบื้องหน้าสือซงเทา

เวลานี้สือซงเทากลับสงบนิ่งลง

บัดนี้เขาไม่อาจหันศีรษะกลับมองเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ด้านหลัง ทว่ากล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยชา “สมคำเล่าลือ”

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวถาม “ศิษย์พี่สือ ล่วงเกินแล้ว แต่คำถามประโยคที่สอง ที่ข้าถามท่านเมื่อสักครู่ สุดท้ายแล้วคำตอบเป็นเช่นไร?”

สือซงเทาเงียบลงฉับพลัน

สือเถี่ยที่อยู่บนเจดีย์สูงสีทอง สายตากวาดผ่านทั้งกายสือซงเทา พลันเปิดปากเอ่ย “ตรวจดูกระเป๋าย่อส่วนของเขาเถิด”

สวีเฟยผงกศีรษะ ค้นหากระเป๋าย่อส่วนออกมาจากกายสือซงเทา

สือซงเทามองดูเขาและสือเถี่ยด้วยความเย็นชา สุดท้ายเส้นสายตาตกอยู่บนกระเป๋าย่อส่วน เผยประกายเจ็บปวดทรมานออกมาจากนัยน์ตาทั้งสอง

ครั้นเปิดกระเป๋าย่อส่วนออก ในนั้นปรากฏโลงเย็นโปร่งใสสามโลง หนึ่งในนั้นว่างเปล่า ทว่าภายในโลงอีกสองโลงกลับแบ่งบรรจุร่างคนคนหนึ่งไว้

หนึ่งในนั้น เป็นหญิงงามเพริศดูแล้วอายุไม่เกินยี่สิบต้นๆ เพียงแต่ดวงตาทั้งสองปิดสนิท ดุจดั่งจมดิ่งสู่ห่วงนิทราลึก

ส่วนอีกผู้หนึ่ง กลับเป็นเด็กผู้ชายที่ดูแล้วอายุประมาณสิบขวบคนหนึ่ง

โครงหน้าเด็กชายเหมือนหญิงสาวผู้นั้นยิ่งนัก ทว่าช่วงตาและคิ้ว กลับคล้ายคลึงสือเถี่ยและสือซงเทา

สีหน้าอารมณ์สวีเฟยไม่เห็นความผ่อนคลาย “จวินเอ๋อร์ยังมีชีวิตอยู่ หากแต่ชีวิตก็แขวนอยู่บนเส้นด้ายเช่นกัน ส่วนพี่สะใภ้อวี่เจิน…”

เยี่ยนจ้าวเกอมองไป หลานของสือเถี่ย บุตรของสือซงเทานามสือจวิน ในตอนที่หายตัวไปยังมีอายุไม่เกินสามขวบปี ร่างกายในตอนนี้คล้ายว่าเติบโตตามปกติ

ทว่าสถานการณ์ของเด็กชายก็ไม่สู้ดีแล้วเช่นกัน

ส่วนสภาพของภรรยาสือซงเทาอิ๋งอวี่เจินในตอนนี้ ยากยิ่งจะบอกว่านางยังมีชีวิตอยู่…

“โลงเย็นเหล่านี้รักษาร่างของพวกเขาไว้ชั่วคราว เรื่องนี้ พวกเราคิดหาวิธีให้ถี่ถ้วน” เยี่ยนจ้าวเกอมองสือซงเทา “ศิษย์พี่สือ เรื่องจนถึงตอนนี้ บางเรื่องลองเล่ามาก็ไม่เสียหายกระมัง? ตอนนั้นผู้ใดช่วยท่านไว้กันแน่ ทั้งยังชักนำท่านให้อุทิศตนให้กับนพยมโลก? เป็นคนของสำนักเราใช่หรือไม่?”

—————————–