ภาค 3 ธาตุแท้ของวีรบุรุษ บทที่ 282 ความเป็นมาของภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ครั้นได้ยินคำถามของเยี่ยนจ้าวเกอ สือซงเทาก็นิ่งเงียบ หลังจากนั้นครู่ใหญ่ถึงกล่าวอย่างสงบ “พวกเจ้าคงมีความคาดเดาอยู่ในใจเหมือนกันแล้วกระมัง?”

เยี่ยนจ้าวเกอและสวีเฟยมองดูเขา สายตาของสือเถี่ยเองก็จดจ้องเขาอยู่เช่นกัน

สือซงเทาช้อนสายตาขึ้น สบตากับสือเถี่ย เอ่ยอย่างเฉยชา “อันที่จริงข้าไม่เคยเห็นหน้าค่าตาของเขามาก่อน รวมถึงการที่เขาช่วยข้า ถ่ายทอดวิชาอับแสงสังหารและวิชาวรยุทธ์อื่นๆ ก็ไม่เคยติดต่อกันต่อหน้าจริงๆ มาก่อนเช่นกัน”

“แต่ถ้าพวกเจ้าถามข้าล่ะก็ ข้าคิดว่านั่นคืออาจารย์อาฟาง”

สือเถี่ยได้ยินแล้ว ในดวงตาทั้งสองแล่นแสงวาบ จ้องบุตรของตนเขม็ง

สายตาเยี่ยนจ้าวเกอและสวีเฟยก็ล้วนชะงัก

“ในเมื่อท่านไม่เคยพบหน้าเขาจริงมาก่อน ไยแน่ชัดว่านั่นคือท่านอาจารย์ลุงสอง?” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวถามเสียงหนักแน่น “ฟังจากเสียง? สำหรับพวกข้า คนที่พลังฝึกปรือเช่นนั้นสามารถปลอมเสียงของตน ระดับพลังความสามารถของพวกเรายากยิ่งแยกแยะ”

สือซงเทาเอ่ยเย็นชา “ข้าถึงได้บอกไป ว่าข้าคิดว่าเป็นเช่นนั้น”

“แน่นอน ข้าจะไม่ทึกทักเช่นนี้ แต่ที่ข้าคาดคะเนเช่นนี้ เป็นเพราะหลังจากมหาค่ายกลแดนมารที่ประมุขภาคีเสนอว่าไม่อาศัยสถานที่ ก็สามารถชักนำนพยมโลกมาเยือนได้ ข้าลองรวบรวมเบาะแสจำนวนหนึ่งแล้วถึงได้ผลสรุปออกมา”

เขาถูกเยี่ยนจ้าวเกอกุมต้นคอไว้ ไม่อาจหันศีรษะกลับ ทว่ายังคงเอ่ยถามชยหนุ่ม “เจ้าคิดว่า อาจารย์อาฟาง ฟางจุ่น แต่เดิมมีแนวคิดกลางๆ เหมือนเช่นเหล่าผู้อาวุโสสำนักในสำนักตลอดมา แล้วเหตุใดภายหลังถึงมีท่าทีแข็งกร้าวหัวรุนแรง?”

สือซงเทามองสือเถี่ย “เจ้าคงไม่คิดจริงว่าเป็นเพราะทั้งสองคนเขากับอาจารย์ปู่ล้วนเอนไปทางแข็งกร้าว อาจารย์อาฟางจึงเปลี่ยนบ้างด้วยเหตุฉะนี้กระมัง?”

“บุคคลเฉกเช่นอาจารย์อาฟางนั้น สามารถเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือได้ง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ?”

สีหน้าของสือซงเทาเย็นชา ไม่เห็นความเศร้าซึม ไม่เห็นความอาดูร ไม่เห็นความลำพองใจ ไม่เห็นความเหน็บแนม น้ำเสียงเรียบเฉยราวกับน้ำเปล่า

เยี่ยนจ้าวเกอควบคุมเขาไว้จากด้านหลัง กล่าวถาม “ท่านอาจารย์ลุงสองคือประมุขภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต?”

เขาและกลุ่มคนสำนักเขากว่างเฉิงล่วงรู้ผ่านยอดฝีมือระดับสูงภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตที่จับกุมไปก่อนหน้านี้ ว่าภายในเรียกผู้นำของภาคีว่าประมุข

ในความเป็นจริง ผู้นำที่แท้จริงของจอมยุทธ์ที่อุทิศตนสู่นพยมโลกและภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต คือนพยมโลก

กระนั้นประมุขภาคี กลับเป็นยอดฝีมือสุดยอดที่สุดในกลุ่มพวกเขากลุ่มนี้ ที่มีความเข้าใจต่อนพยมโลกลึกซึ้งมากที่สุด กุมความลับจำนวนมากไว้

มองอีกมุมหนึ่ง ก็ราวกับเป็นผู้แทนของนพยมโลก

มหาค่ายกลที่ชักนำนพยมโลกมาเยือน รวมถึงการสร้างแดนไอมาร ก็เป็นประมุขภาคีเป็นผู้เสนอ

ส่วนจะเป็นการคิดทบทวนสร้างขึ้นลำพัง หรือได้รับสืบทอดหลังติดต่อนพยมโลก กลับไม่มีผู้ใดล่วงรู้

ขณะเดียวกัน ประมุขภาคีก็ลึกลับอย่างยิ่งเช่นกัน ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ฐานะตัวตนที่แท้จริงของเขา

“จอมมารหยวนเทียนไม่ใช่ผู้ชูโรงภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตหรือนี่…” เยี่ยนจ้าวเกอเพ่งมองสือซงเทา “เจ้าหมายความว่า การพลิกผันรูปแบบความคิดปกติของท่านอาจารย์ลุงสอง มีความเกี่ยวโยงกับนพยมโลกและภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต?”

สือซงเทาเอ่ยเย็นชา “เจ้าเองก็น่าจะรู้ การประเมินค่าของฝ่ายแข็งกร้าวสำนักเขากว่างเฉิง ที่มีต่อแนวคิดฝ่ายมั่นคงกระมัง?”

“บางทีอาจจะได้รับผลกระทบของอาจารย์อาเยี่ยน ข้าจำได้ เจ้าเองก็มีรูปแบบแนวคิดของฝ่ายแข็งกร้าวเช่นกัน”

ถึงแม้ว่าจะอยู่ต่อหน้าสือเถี่ย ถึงแม้ว่าจะวิพากษ์วิจารณ์ผู้อาวุโสบางส่วนในสำนัก ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอยังคงเอื้อนเอ่ยสงบนิ่งว่า “รักษาความเพ้อฝัน เกินความเป็นจริงเอาไว้ ฝากความหวังไว้กับศัตรู”

ผู้อาวุโสสำนักเขากว่างเฉิงส่วนหนึ่งที่เคยผ่านช่วงเวลาดำมืดที่สุดช่วงนั้นในอดีต แลมีชีวิตจวบจนปัจจุบัน หวังพยายามเลี่ยงการเกิดการปะทะศัตรูภายนอกกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์สุดกำลัง สั่งสมพลังความสามารถตัวเองเงียบๆ จนผงาดขึ้นแข็งแกร่งยิ่งใหญ่อีกครา

ยามจำเป็น สามารถสละชีวิตและหลีกถอยได้บ้าง เพื่อซื้อเวลา

การก่อตัวแนวความคิดประเภทนี้ เหมือนเช่นวิธีครั้นจ่านซีโหลว ผู้สะเทือนสวรรค์ยังคงดำรงตำแหน่ง

ตอนนั้น สำนักเขากว่างเฉิงก็ค่อยๆ เคี่ยวกรำผ่านยุคที่มืดมิดที่สุดเชื่องช้าเช่นนี้ จนรับกับแสงแรกอรุณของการผงาดขึ้นอีกหนในที่สุด

กระนั้นยอดฝีมือรุ่นวัยกลางคนโดยมีเจ้าสำนักรุ่นก่อนหยวนเจิ้งเฟิงเป็นผู้นำ และมีเยี่ยนตี๋ สือเถี่ยและคนอื่นๆ เป็นผู้นำ กลับยึดถึงแนวคิดตรงกันข้าม

เพราะในความคิดของพวกเขา ขณะที่ตนเองพัฒนา ขุมกำลังเช่นสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์และอื่นๆ ก็กำลังพัฒนาอย่างเต็มกำลังเช่นกัน

อีกฝ่ายไม่มีทางใจดียืนอยู่กับที่ คอยท่าสำนักเขากว่างเฉิงพัฒนาไล่ตาม หรือถึงขั้นล้ำหน้าตนเองไป

ไม่เพียงแค่นั้น การกดอัด ยับยั้ง และทำลาย จะจู่โจมมาราวกับกระแสน้ำ

ซึ่งยุคสมัยในตอนนี้ สถานการณ์หาใช่เฉกเช่นยามจ่านซีโหลวผู้สะเทือนสวรรค์ยังดำรงตำแหน่งไม่

ความแตกต่างที่มากที่สุดก็อยู่ที่ จ่านซีโหลววายชีวิตไปแล้ว!

เรื่องหนึ่งที่ไม่ว่าศิษย์กว่างเฉิงคนไหนๆ ต่างยอมรับ ในตอนนั้นที่ผู้สะเทือนสวรรค์ จ่านตงเก๋อร่วงโรย ยอดฝีมือกว่างเฉิงบาดเจ็บล้มตายยับเยิน หลังปราณดั้งเดิมเสียหาย หากไม่ใช่จ่านซีโหลวปรากฏตัว เกรงว่าเขากว่างเฉิงตอนนี้คงไม่ดำรงอยู่อีกต่อไป

มีจ่านซีโหลวอยู่ ดังนั้นเขากว่างเฉิงในตอนนั้นจึงเข้มงวดฟันฝ่า ซ่อนเร้นความสามารถ รับประกันได้ว่าผลประโยชน์หลักของตนจะไม่ได้รับความเสียหาย มีความมั่นใจรับประกันว่าเส้นตายของตนจะไม่ถดถอย

หากแต่ตอนนี้ ถ้ายังคงเอาแต่หลีกถอย เช่นนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการยึดมั่นกรอบอันคร่ำครึ

ฝากความหวังไว้ที่ศัตรู นี่เป็นเรื่องที่ฝ่ายแข็งกร้าวไม่อาจยอมรับ

สือซงเทากล่าว “เช่นนั้นเจ้าคิดว่าความคิดของฝ่ายมั่นคงอยู่ในเงื่อนไขแบบใด ถึงจะสามารถไปได้?”

เยี่ยนจ้าวเกอมุ่นคิ้วเล็กน้อย “เว้นเสียแต่ สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เหมือนเช่นสำนักเราในอดีต”

การรุ่งโรจน์ถึงขีดสุดแล้วเสื่อมถอดของสำนักเขากว่างเฉิง เริ่มมาจากการรุกรานของโลกปีศาจอัคคี ยอดฝีมือกว่างเฉิงนับไม่ถ้วนสู้ศึกปีศาจอัคคี บาดเจ็บล้มตายย่อยยับ

นั่นไม่ได้เกิดขึ้นบนท้องที่เขากว่างเฉิง ไม่ได้เกิดขึ้นที่นภาพิภพ

ซึ่งในความคิดเยี่ยนจ้าวเกอ ถ้าแนวคิดของฝ่ายมั่นคงไม่เปลี่ยนเป็นเพ้อฝันดั่งวิมานกลางอากาศ ปรากฏความเปลี่ยนแปลงเหมือนเช่นปีศาจอัคคีรุกรานในอดีตแบบนั้น ฝ่ายได้รับความเสียหายโดยส่วนมากจะต้องเป็นสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ก็ตำหนักอัสนีสวรรค์ถึงจะใช้ได้

หากเกิดขึ้นที่นภาพิภพและเขากว่างเฉิง กระนั้นเรื่องที่ตามมาก็คงไม่ต้องเอ่ยแล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอมองสือซงเทา “ท่านหมายความว่า ตอนนั้นยังคงเป็นท่านอาจารย์ลุงสองฝ่ายมั่นคง ยึดความคิดโจมตีไปถึงนรก โจมตีไปถึงแนวหน้านพยมโลก? เขาวางแผนชักนำนพยมโลกมาเยือนบนเขตแดนสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ สร้างหายนะให้แก่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ด้วยน้ำมือคน?”

อารมณ์บนดวงหน้าสือซงเทาเปลี่ยนแปลงในที่สุด เผยเห็นรอยยิ้มเหน็บแนมอยู่บ้าง “ประวัติศาสตร์ของภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตหาได้ยาวนานไม่ ปฐพีพิภพสั่นสะเทือนรุนแรง ยิ่งคนมากเท่าไร ยิ่งง่ายต่อการโน้มนำของนพยมโลก และก็เป็นเพราะเรื่องในหลายปีมานี้เช่นกัน ที่มีคนเข้าไปยังอเวจี พยายามสำรวจความลับในนั้น เปิดประตูใหญ่ต้องห้ามออกมา”

“น่าเสียดาย ท้ายที่สุดในใจเขาอาจถูกนพยมโลกดึงความคิดยึดติดและความคิดชั่วร้ายบางอย่าง จนถึงขั้นกลายเป็นความคิดมาร เดิมทีจะชักนำนพยมโลกมาเยือนเพื่อเป็นกลอุบาย บัดนี้กลับกลายเป็นเป้าหมายเสียแล้ว”

“หลังจากนั้นไฉนเลยเขาถึงกลับเป็นฝ่ายแข็งกร้าว? เพราะเขาค้นพบว่าการต่อสู้ระหว่างสำนักเขากว่างเฉิงและสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ของโลกแปดพิภพนี้ยิ่งรุนแรงขึ้นเท่าใด นพยมโลกยิ่งมีโอกาสฉกฉวยยิ่งขึ้นอย่างไรเล่า”

“กาลก่อนไม่ว่าเขาจะเป็นฝ่ายแข็งกร้าวหรือมั่นคง ล้วนเพื่อเขากว่างเฉิงทั้งสิ้น หากแต่ตอนนี้ทั้งปวงเขาทำเพื่อนพยมโลก เช่นนั้นแข็งกร้าวหรือมั่นคงก็ไม่สำคัญแล้ว ไม่ใช่แนวคิดอีกต่อไป เป็นเพียงการเสแสร้งและอุบายเท่านั้น เนื่องจากเป้าหมายในการต่อสู้ของชีวิตเขาเปลี่ยนไปแล้ว”

สีหน้าอารมณ์ของสือซงเทาเองก็ซับซ้อนอยู่บ้างเช่นกัน “ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตที่นำพาหายนะมาให้เขากว่างเฉิง มาให้โลกแปดพิภพ เป็นคนของเขากว่างเฉิงเองเป็นผู้กระทำเป็นมือแรกนี่เอง…”

สวีเฟยและเยี่ยนจ้าวเกอต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

สีหน้าสือเถี่ยเงียบสงบเคร่งขรึม ฝ่ามือกดบนเจดีย์สูงสีทอง

เจดีย์สูงสีทองนั่น บัดนี้ค่อยๆ เลือนหายไม่พบ ถูกสือเถี่ยผนึกไว้ในที่สุด

สีหน้าอารมณ์สือเถี่ยสงบนิ่ง ไม่ลุกลี้ลุกลนแต่อย่างใด เดินมาทางพวกเขาเยี่ยนจ้าวเกอและสือซงเทา

——————————–