หลินหรูโกรธเซียวหงอี้ตั้งแต่เธอรู้ว่าเซียวจิ้นหนิงไม่ใช่ลูกสาวเธอ แต่เธอไม่เคยแสดงออก ไม่เอ่ยถึงตอนทะเลาะกับเขาในงานเลี้ยงเมื่อคืนนี้ แต่ในที่สุดเธอก็โพล่งออกมา หลินหรูทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอร้องไห้ออกมาดังๆ “ตอนที่แม่ถูกส่งเข้าโรงพยาบาล พ่อของลูกไม่ได้อยู่ด้วย ถ้าเขาอยู่ ลูกสาวของแม่จะหายไปไหม! แม่จะถูกพรากจากลูกสาวนานหลายปีอย่างนี้ไหม”
ประกายความเจ็บปวดด้วยความรู้สึกผิดฉายชัดบนใบหน้าเซียวหงอี้เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เขากล่าวเสียงต่ำ “ผมก็ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าเรื่องราวจะกลายเป็นแบบนี้ แต่นั่นก็นานยี่สิบกว่าปีแล้ว จะมาพูดถึงอีกเพื่ออะไร”
“ทำไมจะพูดไม่ได้!” หลินหรูเสียงดัง “คุณควรรู้ว่าคุณเป็นหนี้เรา! เพราะฉะนั้น เซียวหงอี้ คุณไม่ควรพยายามผลหาประโยชน์จากลูกสาวฉัน ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่มีวันให้อภัยคุณ!”
เซียวเจี่ยนอดยกมือขยี้หัวคิ้วตัวเองไม่ได้ เขาคิดไม่ถึงว่าครอบครัวเขาไม่เพียงแต่จะล้มเหลวในการรับเซียวโหรวกลับคืนมา แต่ยังมาขัดแย้งกันเองอีก
…
ทางอีกด้านหนึ่ง หยางจิ้งเสียนจับมือถังซีไว้และกล่าวขอบคุณ “โหรวโหรว ขอบใจนะจ๊ะ ที่ไม่ทิ้งเราไปกับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของลูก”
ถังซียิ้มและตอบว่า “ตั้งแต่วินาทีที่คุณแม่เอื้อมมือมาหาหนู คุณแม่คือครอบครัวของหนูค่ะ เพราะฉะนั้นหนูจะอยู่เคียงข้างคุณแม่โดยไม่มีเงื่อนไข ไม่ต้องห่วงนะคะคุณแม่ หนูคือลูกสาวของคุณแม่ตลอดไปค่ะ”
หยางจิ้งเสียนกอดถังซี “ขอบใจนะจ๊ะ ลูกรักของแม่”
ถังซียิ้ม ตบหลังหยางจิ้งเสียนเบาๆ “คุณแม่พักผ่อนเถอะนะคะ หนูจะไม่กลับไปโรงเรียนแล้วค่ะวันนี้ พี่ส่า พี่ช่วยทำอาหารกลางวันให้เราหน่อยได้ไหม ฉันรู้ว่าพี่ทำอาหารเก่ง!”
เซียวส่าส่งเสียงตะโกนออกมาทันที “โหรวโหรว ยายตัวเล็ก ใครบอกเธอว่าพี่ทำอาหารเก่ง!”
ถังซีหัวเราะอย่างล้อเลียน “พี่ไม่อยากทำอาหารให้คุณแม่เหรอ”
หยางจิ้งเสียนก็มองหน้าเซียวส่า และเลิกคิ้วขึ้นถามว่า “ลูกไม่อยากทำหรือ”
เซียวส่ายกมือขึ้นยอมแพ้ “ถ้าอย่างนั้น ผมต้องขอผู้ช่วยสองคนครับ!”
หยางจิ้งเสียนหัวเราะเบาๆ ชี้ไปที่เซียวจิ่งพร้อมกับบอกว่า “จิ่งเขาจะช่วยลูก”
ด้วยความพึงพอใจอย่างมากกับการแสดงออกของถังซีในวันนี้ เซียวจิ่งจึงอารมณ์ดี เขาร้องออกมาในเชิงเย้าแหย่ทันที “คุณแม่ครับ! แล้วโหรวโหรวล่ะครับ ทำไมผู้ชายอย่างเราถึงต้องมารับใช้คุณๆ ผู้หญิงด้วยล่ะ”
หยางจิ้งเสียนปล่อยถังซีจากอ้อมกอด ลุกขึ้นยืนด้วยรอยยิ้มสดใสตอบว่า “เป็นเรื่องธรรมชาตินะจ๊ะ เพราะคุณๆ ผู้ชายเกิดมาเพื่อรับใช้ผู้หญิงอย่างเรา”
“ผมไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้มาก่อนเลย…”
ถังซีหัวเราะเบาๆ “เพราะฉะนั้นพี่ๆ ทั้งสอง พร้อมจะรับใช้พวกเราหรือยัง”
พี่ชายทั้งสองลุกขึ้นยืน โค้งด้วยท่าทางแสดงความเคารพและกล่าวขึ้นพร้อมกัน “เรายินดีรับใช้องค์ราชินีและเจ้าหญิงน้อยของเรา”
ถังซีลุกขึ้นย่อตัวถอนสายบัวให้พี่ๆ ทั้งสอง แล้วหันไปกล่าวกับหยางจิ้งเสียน “คุณแม่ทำความสะอาดห้องให้หนูมาตั้งแต่เช้า ต้องเหนื่อยมากแน่ๆ ตอนนี้คุณแม่ไปพักผ่อนก่อนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวหนูจะคอยควบคุมพี่สองคนทำอาหารเอง ไม่ให้พวกเขาอู้ พออาหารเสร็จแล้วหนูจะขึ้นไปตามคุณแม่นะคะ”
หยางจิ้งเสียนจูบแก้มถังซี แล้วเดินยิ้มกว้างขึ้นไปชั้นบน
หลังจากหยางจิ้งเสียนขึ้นไปแล้วถังซีก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เซียวจิ่งลงนั่งข้างเธอ ขมวดคิ้วพร้อมกับถามเสียงเบา “เกิดอะไรขึ้น พี่รู้สึกว่าเธอมีอะไรบางอย่างจะบอกเรา และทำไมถึงต้องหาข้ออ้างส่งคุณแม่ขึ้นไปข้างบน”
เซียวส่าพยักหน้า เงยหน้าขึ้นมองไปชั้นบนแล้วถามเสียงเบาว่า “เธอมีอะไรปิดบังพวกเราอยู่หรือ”
ถังซีคิดอยู่ครู่หนึ่งและตัดสินใจบอกพวกเขาเรื่องเกี่ยวกับเซียวเหยา แม้จะไม่แน่ใจว่าเซียวเหยาตกอยู่ในอันตรายหรือไม่ก็ตาม แต่ลางสังหรณ์ของเธอไม่เคยผิดพลาด
เมื่อคิดเช่นนี้ถังซีจึงกระซิบ “พี่เหยาไปเมือง J ค่ะ”
เซียวจิ่งพยักหน้า “เมือง J พี่รู้จัก อยู่ไม่ไกลเท่าไร ทำไมเธอดูตื่นเต้นจัง”
ถังซีส่ายศีรษะให้เซียวจิ่งซึ่งดูสบายอกสบายใจ “ฉันกำลังพูดถึงเมือง J ของมณฑล Y”
เซียวส่าไม่ได้เห็นเป็นเรื่องใหญ่ เขายักไหล่แล้วกล่าวว่า “พี่เหยาเดินทางไปทั่วโลก เขาเป็นคนลึกลับมาก มีเรื่องใหญ่อะไรหรือกับการที่เขาจะไปเมืองเจ…” แล้วทันใดนั้นเขาก็ชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อนึกถึงข่าวที่อ่านเมื่อเช้า จากนั้นก็ถามถังซี “เธอหมายถึงเมือง J ของมณฑล Y หรือ”
ถังซีตอบด้วยการพยักหน้าอย่างแรง “ใช่ค่ะ ฉันหมายถึงเมือง J ที่อยู่ติดกับสามเหลี่ยมทองคำ”
เมื่อเห็นใบหน้าอันเคร่งเครียดของพี่น้องทั้งสอง เซียวจิ่งก็ขมวดคิ้วเช่นกัน เซียวส่าถามถังซีว่า “เกิดอะไรขึ้น ทำไมพี่เหยาถึงไปเมือง J เขาไม่ใช่แค่เจ้าหน้าที่ข่าวกรองหรอกหรือ”
ถังซีมองขึ้นไปบนชั้นสอง หลังจากตรวจสอบจนแน่ใจว่าหยางจิ้งเสียนไม่ได้ลงมา เธอก็ตอบเสียงเบา “พี่เหยาไม่ใช่เจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับ แต่เป็นผู้บังคับการหน่วยรบพิเศษของกองกำลังพิเศษแห่งชาติ เขามียศทหารเป็นพันตรีแล้วด้วย พี่รู้ไหมว่านี่หมายความว่าอย่างไร”
เซียวจิ่งกล่าวว่า “นั่นหมายความว่า พี่เหยาแลกสิ่งนี้มาด้วยเลือดเนื้อ”
ถังซีพยักหน้า “ใช่ค่ะ”
เซียวส่ารู้สึกประหลาดใจ “แม้แต่พวกเรายังไม่รู้เรื่องนี้ เธอรู้ได้อย่างไร”
ถังซีขมวดคิ้วเมื่อนึกถึงวิธีที่เธอจะไปเมือง J เพื่อช่วยเซียวเหยาด้วยทักษะเอนกประสงค์ เธออยากให้พวกเขาเตรียมใจจึงตอบว่า “ฉันเคยบอกพวกพี่แล้วก่อนหน้านี้ว่าฉันเป็นนางฟ้า ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ของฉันดีมาก เพราะฉะนั้นจึงง่ายมากที่ฉันจะแฮ็คแฟ้มข้อมูลของกองกำลังพิเศษ”
เซียวจิ่งตบศีรษะเธอ “จริงจังหน่อย! เธอแน่ใจหรือว่าพี่เหยาตกอยู่ในอันตราย”
ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเขารู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก ตั้งแต่ได้รับโทรศัพท์จากเซียวเหยาในวันนี้
ถังซีส่ายศีรษะ “ฉันไม่แน่ใจ เพียงแต่รู้สึกไม่ค่อยดี ฉันรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้เลย ตอนที่พี่เหยาไปทำงานไกลๆ สองครั้งที่ผ่านมา”
เซียวส่าก็รู้สึกเช่นเดียวกันในวันนี้ เมื่อได้ยินคำพูดของถังซีเขาก็อดมองสบตาเซียวจิ่งไม่ได้ เซียวจิ่งกล่าวอย่างลังเล “พี่เหยาฉลาดและเก่งในศิลปะการต่อสู้ เขาจะไม่เป็นอะไร…” จากนั้นเขาก็หยุด ก่อนจะกล่าวต่อว่า “บางทีเขาอาจยังอยู่ที่สนามบิน เราโทรหาเขา ขอให้เขากลับบ้านดีไหม”
เมื่อนึกถึงภาพที่เห็นในวันนี้ ถังซีก็ยิ้มแหยแล้วบอกว่า “พี่เหยามีเฮลิคอปเตอร์มารับไปแล้วค่ะ”
เซียวจิ่งขมวดคิ้วกล่าวว่า “เธอหมายความว่า เราไม่สามารถทำอะไรเพื่อห้ามเขาได้เลยหรือ”
เซียวส่าก็ดูวิตกกังวลอย่างมากเช่นกัน เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาให้ถังซีดูข่าวที่เขาเห็นเมื่อเช้านี้ และถามว่า “พี่เหยาไปเมือง J เพราะเรื่องนี้ใช่ไหม”
ถังซีอ่านข่าวแล้วครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “ใช่ค่ะ ตามแฟ้มในฐานข้อมูล พี่เหยาจะจับคลอสร่วมกับประเทศอื่นอีกสามประเทศในครั้งนี้”
“คลอส!” เซียวจิ่งอุทานออกมาดังๆ “นี่เธอกำลังพูดถึงผู้ชายคนที่นานาชาติกำลังตามล่าอยู่อย่างนั้นหรือ”
ถังซีพยักหน้า “ใช่ค่ะ”
“ผู้ชายคนนี้คือผู้ก่อการร้าย ว่ากันว่าเขาทั้งค้ายาเสพติดและค้าอาวุธด้วย! เขาไม่ได้…”
ถังซีกล่าวอย่างเคร่งเครียด “เพราะอย่างนั้นฉันถึงเป็นห่วงมาก!”
เซียวส่าเม้มริมฝีปากแล้วมองหน้าถังซี ถามว่า “โหรวโหรว เธอเก่งคอมพิวเตอร์ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร”