ภาค 3 บทที่ 164 คำพูดโหดร้ายอยู่บ้าง

Jun Jiu Ling หวนชะตารัก

หน้าบ้านเงียบไปพักหนึ่ง 

 

คุณหนูจวินไม่อยากให้พวกเขามองเห็นน้ำตาของนาง 

 

นางไม่ได้กลัวตนเองร้องไห้ขายหน้าผู้คน แต่เป็นห่วงสามคนนี้ตรงหน้า 

 

นางอยู่ด้วยกันกับอาจารย์ตลอด อาจารย์ตายแล้วนางเสียใจนัก แต่อย่างน้อยก็ได้ส่งอาจารย์ด้วยตนเองนับว่าไม่มีความเสียดาย แต่สหายเก่าที่รอคอยคาดหวังมาตลอดเหล่านี้ หากได้รู้ว่าคนที่จากไปกลับมาไม่ได้ ไม่มีทางได้พบอีกแล้ว โหดร้ายเกินไปแล้วจริงๆ 

 

นางก้มศีรษะออกแรงกะพริบตา น้ำตาถูกกลั้นกลับไปแล้ว 

 

“ข้าพบนิวหนิ่วได้ไหม?” นางเงยหน้าเอ่ยแล้วยิ้มอีกครั้ง “บางทีอาจจำคนผิดจริงๆ ก็ได้” 

 

นางยังคงสีหน้าบึ้งตึง 

 

“ไม่ต้องแล้ว…” นางเอ่ย 

 

“พี่สะใภ้” หยางจิ่งกับเซี่ยหย่งเรียกอย่างร้อนรนอยู่บ้าง 

 

ตอนนี้เองประตูพลันถูกดึงเปิดออก ทั้งสี่คนล้วนตกใจสะดุ้งโหยง มองเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงประตู 

 

เด็กสาวยังคงเอียงอาย มือกำประตูแน่น เหมือนเช่นนี้ถึงยันให้นางยืนอยู่ตรงนี้ได้ 

 

“เจ้า เจ้า…” นางเอ่ยเสียงสั่น จะพูดอะไรกลับไม่รู้ควรพูดอะไร นางพลันยื่นมือดึงสิ่งที่ปิดบังบนหน้าออก 

 

ทั้งสี่คนนอกประตูตกใจสะดุ้งโหยงอีกครั้ง 

 

เด็กสาวคนนี้แต่ไหนแต่ไรล้วนหลบซ่อนไม่พบผู้คน ยิ่งไม่มาปลดของที่ปิดบังบนหน้าลงต่อหน้าผู้คน กระทั่งหมอยังไม่อาจมอง นี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมได้ยินว่าหมอมาจึงปฏิกิริยาใหญ่โตเช่นนี้ 

 

คิดไม่ถึงกลับกล้าเป็นฝ่ายก้าวออกมาแล้วยังเผยใบหน้าที่ปิดบังไว้อีก 

 

สีหน้าของพวกหยางจิ่งสามคนปั้นยากอีกครั้ง นี่ย่อมไม่ช่เพราะคุณหนูจวินเป็นหมอเทวดา 

 

ที่เด็กสาวคนนี้ทำเช่นนี้ ก็คงเพราะคุณหนูจวินพูดประโยคนั้น 

 

“พ่อเจ้าให้ข้ามารักษาโรคให้เจ้า” 

 

เด็กสาวที่ใช้ชีวิตตัดขาดจากโลกไม่พบหน้าผู้คนมานานปีปานนี้ เพียงเพราะประโยคเดียววิ่งออกมาปลดผ้าคลุมหน้าลง เห็นได้ว่าในใจนางคาดหวังมากปานใด 

 

สีหน้านิ่งสงบของผู้หญิงก็เปลี่ยนเป็นขมขื่น กำลังจะก้าวเข้าไปกอดลูกสาว คุณหนูจวินก็ก้าวเข้าไปก้าวหนึ่งก่อนแล้ว 

 

“เจ้า” นางเอ่ยปากบ้าง คำพูดที่เหลือก็ไม่ได้เอ่ยออกมาอีก 

 

สายตาของนางจับบนหน้าของเด็กสาวคนนี้ แววตาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ 

 

ความตื่นตะลึงนี้ไม่ใช่เพราะในที่สุดก็เห็นคนในภาพวาดบนจดหมายของอาจารย์แล้ว ความจริงเด็กสาวคนนี้ไม่ใช่สักนิด หรือพูดได้ว่าแม้ลดผ้าปิดหน้าลงมา คุณหนูจวินก็ยังคงไม่อาจมองเห็นหน้าตาของนางชัดได้ 

 

แก้มซ้ายขวาของเด็กสาวคนนี้ประหนึ่งดอกเบญจมาศสองดอกแย้มบาน ดอกเบญจมาศนั้นงดงาม แต่ดอกเบญจมาศสีแดงที่งอกอยู่บนผิวหนังไม่งดงามแล้ว ผิวเนื้อเส้นเลือดคดเคี้ยวประหนึ่งไส้เดือนเลื้อยแผ่ขยายอยู่บนหน้า อัปลักษณ์และน่ากลัว 

 

ทำไมเป็นเช่นนี้? 

 

นี่ไม่ใช่ภาพที่อาจารย์วาดสักนิด 

 

“ไม่ใช่ ไม่ใช่” คุณหนูจวินอดกลั้นไม่ไหวส่ายศีรษะรัวเอ่ยขึ้น 

 

ไม่ใช่? 

 

มองเห็นนางส่ายศีรษะ ได้ยินคำพูดของนาง คนที่อยู่ที่นั่นล้วนตะลึง 

 

อะไรไม่ใช่? ไม่ใช่คนที่นางต้องการตามหาหรือ? จำคนผิดจริงๆ รึ? 

 

ยิ่งคาดหวังมาก ยิ่งผิดหวังมาก หัวใจของเซี่ยหย่งพลันห่อเ**่ยว 

 

“ไม่ใช่คนที่คุณหนูจวินต้องการตามหาสินะ” ผู้หญิงเอ่ย แม้เสียงนิ่งสงบ แต่ในดวงตายังมีความหม่นหม่องแล่นผ่านไปวูบหนึ่ง นางก้าวเข้าไปกอดหัวไหล่ลูกสาวไว้ 

 

“ไม่ใช่ ไม่ใช่” คุณหนูจวินส่ายศีรษะเอ่ย 

 

ไม่ใช่จริงๆ ด้วย 

 

หยางจิ่งกับเซี่ยหย่งสีหน้าผิดหวัง 

 

ส่วนเรี่ยวแรงที่รวบรวมมาของเด็กสาวหลังได้ยินคำพูดประโยคนี้ก็เหือดหายหมดสิ้น นางยื่นมือกุมใบหน้ากำลังจะกรีดร้องสักทีหนึ่ง แต่มีคนเร็วยิ่งกว่านาง 

 

คุณหนูจวินปิดหน้าร้องไห้ออกมา ร้องจนเหมือนจะยืนไม่อยู่ โซเซหลายก้าวทรุดลงนั่งยองๆ 

 

“เพราะเรื่องนี้ เพราะเรื่องนี้หรือ?” นางร้องไห้เอ่ยไม่หยุด 

 

เพราะเรื่องนี้ อาจารย์ถึงบอกว่าบนโลกไม่ใช่โรคอะไรก็รักษาได้หรือ? 

 

เพราะเรื่องนี้ อาจารย์ถึงพานางข้ามเขาข้ามภูค้นหาสมุนไพรกับสูตรยาหรือ? 

 

เพราะเรื่องนี้ อาจารย์ถึงทิ้งความร้อนรนกับความสิ้นหวังไว้เต็มหน้ากระดาษในจดหมายหรือ? 

 

สิ้นหวังที่ทุกคนล้วนเรียกท่านว่าหมอเทวดา แต่ท่านกระทั่งลูกสาวของตนก็รักษาไม่หายหรือ? 

 

เพราะเรื่องนี้ อาจารย์ถึงทิ้งชีวิตเพื่อสมุนไพรต้นหนึ่งหรือ? 

 

เพราะเรื่องนี้จึงเสียเวลาอยู่ข้างนอก จนตายก็ไม่ได้กลับมาอีก 

 

บนโลกนี้ใครโศกเศร้า ใครน่าสงสาร บนโลกนี้ใครไม่โศกเศร้า ใครไม่น่าสงสาร 

 

คุณหนูจวินนั่งยองอยู่บนพื้นปิดหน้าร้องไห้เสียงดัง 

 

เห็นนางสภาพนี้ พวกเซี่ยหย่งก็ไม่ทันสนใจผิดหวัง การร้องไห้นี่จะถล่มฟ้าถล่มดินโดยแท้ ทำให้คนมองดูปวดใจยิ่งนัก เด็กสาวคนนั้นยังลืมกรีดร้องร่ำไห้ ปิดหน้านิ่งอึ้งอยู่บ้างมองคุณหนูจวินที่นั่งยองอยู่บนพื้น 

 

เพราะพบว่าไม่ใช่คนที่นางต้องการตามหาสินะ 

 

“ผิดหวังเกินไปแล้วดังนั้นจึงเสียใจเกินไปแล้วสินะ” ผู้หญิงถอนหายใจเบาๆ เอ่ยขึ้น ท่าทางเศร้าหมองอยู่บ้าง “ความรู้สึกเช่นนี้ยากทานทนจริงๆ”  

 

นางมองไปด้านข้างอีกครั้ง เหลยจงเหลียนกับผู้คุ้มกันสองคนยืนยิ่งอึ้งอยู่ด้านข้าง 

 

“ไม่พาสาวใช้สักคนมาด้วย” นางถอยหายใจเบาๆอีกครั้ง 

 

มีสาวใช้สักคนก็ปลอบกล่อมสะดวกหน่อย ผู้ติดตามชายพวกนี้พึ่งไม่ได้จริงๆ 

 

นางมองลูกสาวนิดหนึ่ง ตบหัวไหล่ของนาง หลังจากนั้นก็ก้าวเท้าเดินออกมา เด็กสาวคนนั้นไม่ได้ร้องไห้ตะโกนหรือยืนไม่อยู่ แต่ยังคงยืนเกาะประตูตะลึงอยู่ 

 

นางมักจะร้องไห้คนเดียว น้อยนักจะเห็นคนอื่นร้องไห้ เวลานี้ได้รู้เป็นครั้งแรกว่าที่แท้บนโลกนี้ยังมีคนที่ร้องไห้ได้เศร้าโศกยิ่งกว่าตนเอง 

 

ผู้หญิงก้าวมายืนข้างกายคุณหนูจวิน ค้อมกายตบปลอบที่หัวไหล่นาง 

 

“คุณหนูจวิน ท่านอย่าเสียใจไปเลย…” นางเอ่ยปลอบเสียงอ่อนโลน 

 

เสียงยังไม่ทันจบคุณหนูจวินก็เงยหน้า ร้องไห้พลางส่ายศีรษะ 

 

“ไม่ ข้าไม่เสียใจ ข้าดีใจยิ่งนัก” นางร้องไห้เอ่ย 

 

นี่ ดูไม่ออกจริงๆ 

 

ผู้หญิงแข็งทื่อ 

 

“คุณหนูจวิน แม้ครั้งนี้หาไม่พบ…” นางเอ่ยต่อ 

 

คุณหนูจวินกลับคว้ามือของนางไปแล้ว ลุกขึ้นยืน ใช้มือเช็ดน้ำตาวุ่นวาย ย่อเข่าคำนับสตรีผู้นี้ 

 

“จิ่วหลิง คารวะอาจารย์หญิง” นางสะอื้นเอ่ย 

 

อาจารย์หญิง? 

 

ผู้หญิงอึ้งไปวูบหนึ่ง หยางจิ่งเซี่ยหย่งก็สบตากัน 

 

“พูดเช่นนี้ พี่ใหญ่จ้าวของข้าเป็นคนที่ท่านรู้จักหรือ?” เซี่ยหย่งเอ่ย 

 

“แม้เขาไม่ได้บอกกับข้าว่าเขาชื่อจ้าวจื้ออี้ แต่ข้ามั่นใจว่าเขาก็คือจ้าวจื้ออี้ที่พวกท่านพูดถึง” คุณหนูจวินเอ่ย 

 

หยางจิ่ง เซี่ยหย่งตื่นเต้นยินดีอีกครั้งทันที 

 

“ถ้าอย่างนั้นคนผู้นี้ที่ท่านพูดถึง ให้ท่านมาที่นี่ตามหาพวกเราหรือ?” ผู้หญิงเอ่ยปากก่อนอีกครั้ง เอ่ยถามอย่างนิ่งสงบ 

 

“ใช่แน่อยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นคุณหนูจวินทำไม…” เซี่ยหย่งเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น 

 

ผู้หญิงไมได้มองเขา มองเพียงคุณหนูจวิน 

 

ความจริงแล้วย่อมไม่ใช่ คุณหนูจวินส่ายศีรษะให้นาง 

 

เซี่ยหย่งตะลึง 

 

“ข้ามาที่นี่เป็นความบังเอิญ” คุณหนูจวินเอ่ย ในดวงตาหยาดน้ำตาปรากฏอีกครั้ง “ตอนนี้ดูแล้วคงเป็นเจตนาสวรรค์ เป็นอาจารย์ให้ข้ามา ข้าก็ว่าทำไมข้าอยากเดินทางมาด้านนี้อยู่ตลอด…” 

 

ผู้หญิงหาได้ซาบซึ้งเพราะเจตนาสวรรค์ สีหน้ายิ่งนิ่ง 

 

“หรือก็คือท่านไม่เคยรู้ว่าพวกเราอยู่ที่นี่?” นางเอ่ย “อาจารย์ของท่านก็ไม่เคยเอ่ยถึงที่นี่กับท่าน?” 

 

ยามมีชีวิตอยู่ไม่เคยเอ่ยถึง หากไม่ใช่ตนเองเอาจดหมายออกมาอีกครั้ง คาดว่าทั้งชีวิตนี้ก็คงไม่รู้จริงๆ แล้ว 

 

คำพูดเช่นนี้เอ่ยออกมา โหดร้ายอยู่บ้าง 

 

“อาจารย์หญิง ความสัมพันธ์ของข้ากับอาจารย์มีเรื่องบางอย่างอยู่” คุณหนูจวินครุ่นคิดนิดหนึ่งเอ่ยขึ้น อย่างไรนางก็มีฐานะเป็นองค์หญิงยศจวิ้นจู่ ที่จริงตลอดมาอาจารย์ไม่เคยเห็นนางเป็นลูกศิษย์จริงๆ หรอก เรื่องบางเรื่องไม่เอ่ยกับนางก็เป็นเรื่องปกติ “แต่อาจารย์คะนึงหาพวกท่านเสมอ แม้เขาไม่ได้เอ่ยกับข้า แต่เขาเขียนเอาไว้” 

 

นางพูดพลางรีบหา**บยา เหลยจงเหลียนก้าวเข้ามาส่ง**บยาให้ มองคุณหนูจวินเปิดเอาจดหมายออกมา 

 

“อาจารย์หญิง ท่านดู นี่เป็นจดหมายที่อาจารย์ทิ้งไว้” นางเอ่ย สายตามองไปทางหยางจิ่งกับเซี่ยหย่ง “ท่านอาหยาง หัวหน้าหมู่บ้านเซี่ยล้วนถูกวาดไว้ข้างใน ดังนั้นข้าเห็นพวกเขาครั้งเดียวก็นึกออก” 

 

จริงหรือ? ที่แท้เด็กสาวคนนี้ถามชื่อแซ่แค่พวกเขาสองคน ทั้งยังคำนับจริงจังก็ด้วยเหตุผลนี้เอง 

 

หยางจิ่งกับเซี่ยหย่งสีหน้ายิ่งตื่นเต้น 

 

“พี่ใหญ่วาดพวกเราไว้?” เซี่ยหย่งเอ่ย เสียงสะอื้นอยู่บ้าง “พี่ใหญ่วาดภาพเก่งนักล่ะ” 

 

หยางจิ่งไม่เผยอารมณ์ออกมาข้างนอกเช่นนี้เหมือนเขา เพียงมองผู้หญิง 

 

“พี่สะใภ้” เขาเอ่ย “ท่านรีบไปดูใช่หรือไม่ใช่?” 

 

สองมือคุณหนูจวินประคองจดหมายส่งมาถึงตรงหน้าผู้หญิง มองนางด้วยความตื้นเต้น 

 

สีหน้าของผู้หญิงยังคงนิ่ง มองจดหมายหนาเริ่มเก่าที่ส่งมา 

 

“ไม่ใช่” นางเอ่ย ยื่นมือผลักจดหมายกลับไป “ข้าเคยบอกแล้วจ้าวจื้ออี้ตายไปแล้ว ไม่ใช่คนเดียวกับอาจารย์ของท่าน ท่านไปตามหาที่อื่นเถอะ” 

 

นางพูดจบก็หมุนตัวเดินไปทางประตูบ้าน โอบลูกสาวที่ยังคงยืนอึ้งอยู่ที่เก่าเข้าไปแล้ว ประตูก็ปิดลงด้วย 

 

“น้องหยาง พวกเจ้าส่งแขกเถอะ” 

 

คุณหนูจวินถือจดหมายอึ้งอยู่ที่เดิม