บทที่ 496 หนิงเคอเค่อเจอปัญหา
บทที่ 496 หนิงเคอเค่อเจอปัญหา
“สถานการณ์ตอนนี้ยังไง?”
นอกหุบเขาดอกท้อ หลิวเฉียงเหว่ยก็ถามขึ้นมาทันที มองไปยังสนามรบที่ไม่มีที่สิ้นสุดตรงหน้าเธอ
“มันยังไม่ค่อยดีนัก ภูมิประเทศของหุบเขาดอกท้อเปิดโล่งพอ และพลังการต่อสู้ที่ลงทุนไปก็มีจำกัด นอกจากนี้ ยังใช้เวลานานเกินไปในการให้สมาชิกกิลด์ฟื้นคืนชีพในเมืองแห่งความโศกเศร้าและกลับสู่สนามรบ ดังนั้น มันเลยกลายอุปสรรคใหญ่หลวงต่อการโจมตีของเรา”
ซือเยี่ยจิ๋งเผยร่างของเธอที่ด้านหลังหลิวเฉียงเหว่ยและตอบกลับ
“หมายความว่าเรายังอยู่ในเขตรอบนอกเหรอ?” หลิวเฉียงเหว่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย
“แค่นี้ยังไม่พอ พลังต่อสู้กิลด์มิดซัมเมอร์ไม่ได้อ่อนแอ แม้ว่าจะไม่มีทางที่จะแสดงออกมาได้ทั้งหมดได้ แต่การรุกก็ยังหยุดไม่ได้ ตอนนี้เราเข้าสู่พื้นที่นอกตัวเมืองแล้ว เราอยู่ห่างจากฐานตำหนักกุหลาบแค่ก้าวเดียวเท่านั้น” น้ำเสียงของซือเยี่ยจิ๋งมีความมั่นใจ
“มันจะใช้เวลานานเท่าไหร่?” หลิวเฉียงเหว่ยถาม
“นานสุดหนึ่งชั่วโมงครึ่ง แม้ว่ากิลด์สนับสนุนเหล่านั้นจะมีคนจำนวนมาก แต่พวกเขาก็กระจัดกระจายกันไป และพวกเขาก็ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะแข่งขันกับมิดซัมเมอร์” ซือเยี่ยจิ๋งได้ตอบกลับ
“เราเริ่มสงครามมาหกชั่วโมงแล้ว แต่ยังไม่ได้แตะต้องตำหนักกุหลาบเลยนะ?” อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ของหลิวเฉียงเหว่ยไม่ได้ดีขึ้น
“การเรียกร้องความสนใจของตำหนักกุหลาบที่น่ารังเกียจนี่แข็งแกร่งเกินไป จากสถิติพบว่ามีกิลด์อย่างน้อยยี่สิบแปดกิลด์ที่ปกป้องพวกเขา ในหมู่พวกเขามีกิลด์ขนาดใหญ่มากกว่าเจ็ดกิลด์และพวกเขากำลังจะออกตัวเต็มกำลัง จุดฟื้นคืนชีพชั่วคราวถูกตั้งในตำหนักกุหลาบแล้ว หากไม่มีพวกเขา ฐานตำหนักกุหลาบระดับ 3 นี่คงถูกพวกเราทำลายไปนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว” ลิลลี่อธิบายอยู่ข้างหลังหลิวเฉียงเหว่ย
“สิ่งที่ฉันต้องการคือผลลัพธ์ ภายในหนึ่งชั่วโมงฉันต้องบุกฐานตำหนักกุหลาบได้” เสียงของหลิวเฉียงเหว่ยเย็นชา “ในครึ่งชั่วโมงฉันจะส่งกลุ่มสังหารพระเจ้าเข้าร่วมสนามรบ”
กลุ่มมือสังหารชื่อแดงเป็นตัวแทนของพลังการต่อสู้สูงสุดของกิลด์มิดซัมเมอร์ แม้ว่าอาชีพส่วนใหญ่จะเป็นมือสังหาร พวกเขาก็ไม่เก่งในการต่อสู้แบบทีม แต่ในแง่ของการบุกทะลวง มีเพียงทีมหลักของกิลด์แอนติควิตี้เท่านั้นที่สามารถเทียบได้
“รับทราบค่ะหัวหน้า เราจะรีบแจ้งกลุ่มระดับสูงในแนวหน้าทันทีว่าให้โจมตีตำหนักกุหลาบอย่างเต็มกำลัง” ลิลลี่ไม่คิดว่าจิตสังหารของหลิวเฉียงเหว่ยจะหนักมากจนแม้แต่กลุ่มสังหารเทพเจ้าก็กำลังจะถูกนำมาใช้ ดังนั้นเธอจึงรีบพูด
นอกเหนือจากกิลด์ระดับเจ้าผู้ครองอย่างกิลด์แอนติควิตี้และกิลด์กางเขนเหล็กแล้ว กลุ่มสังหารเทพเจ้านั้นอยู่ในฐานะไพ่ตายของกิลด์มิดซัมเมอร์มาโดยตลอด ลิลลี่ไม่คิดว่าหลิวเฉียงเหว่ยจะอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเอาพวกเขามาใช้ในสนามรบเช่นนี้
หลังจากลิลลี่กล่าวเสร็จแล้ว เธอก็หันหลังและจากไปอย่างรวดเร็ว แต่ฝีเท้าของเธอหยุดลงโดยไม่ตั้งใจ และเธอก็มองไปยังเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ สามคนที่เดินอยู่ตรงหน้าเธอด้วยท่าทางแปลก ๆ
“เซียวหลิง? เคอเค่อ และเสี่ยวไป๋ ทำไมพวกเธอถึงมาที่นี่?”
“หืม? ทำไมเธอถึงมาที่นี่”
เมื่อได้ยินเสียงของลิลลี่ หลิวเฉียงเหว่ยและซือเยี่ยจิ๋งก็หันกลับมา และใบหน้าของพวกเธอก็แปลกเช่นกัน
“ฮึ่ม คิดว่าท่านเซียวหลิงไม่รู้หรือไง พวกเธอไม่บอกให้ท่านเซียวหลิงรู้ว่ากำลังทำเรื่องสนุก ๆ อย่างการทำสงครามกิลด์อยู่” ความตื่นเต้นของเซียวหลิงยังไม่หมดไป
“เอ่อ ฉันขอโทษ…ฉันสร้างปัญหาให้คุณ คุณหัวหน้า…” ตรงกันข้าม หนิงเคอเค่อก็ขอโทษตัวสั่น
ส่วนเสี่ยวไป๋ เธอยังคงมีท่าทางมึนงง เพราะถูกเซียวหลิงลากมา
“สงครามไม่ใช่เรื่องสนุก เซียวหลิง เธอควรไปเล่นที่อื่นนะ” ซือเยี่ยจิ๋งมีอาการปวดหัว
พวกเขาทั้งหมดรู้ดีว่าเซียวเฟิงตามใจเซียวหลิงไปถึงระดับที่เกินจริงแล้ว และถ้าเซียวหลิงประสบอุบัติเหตุใกล้พวกเขา พวกเขาก็จะต้องรับผิดชอบ
“ท่านเซียวหลิงไม่ได้มาเพื่อเล่น” ผมหางม้าสีทองสว่างคู่หนึ่งของเซียวหลิงยกขึ้น จับมือของเสี่ยวไป๋ ดวงตาสีฟ้าและสวยงามของเธอเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
“เสี่ยวไป๋…เดี๋ยวก่อน! หรือว่า?” ซือเยี่ยจิ๋งเผยความประหลาดใจทันที
“ใช่แล้ว พี่ชายตัวเหม็นขอให้ฉันพาเสี่ยวไป๋มาที่นี่!” เซียวหลิงเริ่มตื่นเต้นอีกครั้งด้วยท่าทางเหมือนขอความดีความชอบ
“…พี่?” ซือเยี่ยจิ๋งพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปหาหลิวเฉียงเหว่ย
“บอกทุกคนให้ถอยทัพ” ดวงตาของหลิวเฉียงเหว่ยไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก เธอหันหลังและจากไป
“รับทราบ!”
สนามรบในหุบเขาดอกท้อเริ่มสงบลงในทันที ในฐานะผู้โจมตีกิลด์มิดซัมเมอร์เริ่มถอยทัพ ปล่อยให้กองกำลังป้องกันและกิลด์จำนวนมากกังวลเกี่ยวกับสถาณการณ์ พวกเขาไม่เข้าใจว่ามิดซัมเมอร์กำลังทำอะไร พวกเขาเตรียมที่จะยอมแพ้งั้นหรือ?
“เฮอะ นี่กำลังล่าถอยอยู่งั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าฉันจะประเมินโรสและกิลด์มิดซัมเมอร์มากไปในฐานะผู้ปกครองแห่งทิศใต้ แต่ก็แค่นี้สินะ”
บนกำแพงเมืองของตำหนักกุหลาบ ฮัวหม่านเซียนมองไปที่ผู้เล่นมิดซัมเมอร์ที่กำลังลดระดับลงด้วยความรังเกียจ
“พวกเขาถอยทัพแล้วเหรอ?”
ผู้เล่นหญิงอีกคนเดินขึ้นมาบนกำแพงเมือง เธอคือชูเมิ่งอิ๋งซึ่งเป็นเทพธิดาติดอันดับ เธอถามฮัวหม่านเซียน น้ำเสียงของเธอดูโล่งใจ
“ใช่แล้ว โรสทำให้ฉันผิดหวังมาก ฉันเตรียมแผนรับมือเธอแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะหนีไปแบบนี้ และคิดไม่ออกก็คือผู้หญิงที่ไม่เปิดใบหน้าให้ใคร ๆ เห็น ทำไมถึงอยู่ในอันดับเทพธิดา? อันดับในรายการสูงกว่าเธอและฉัน”
ฮัวหม่านเซียนกล่าวว่าไม่พอใจ
“ครั้งหนึ่งฉันเคยได้เข้าใกล้เธออย่างใกล้ชิดตอนอีเวนต์เซิฟเวอร์ ออร่าของเธอช่างประณีตจริง ๆ และฉันรู้สึกละอายใจเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ”
ชูเมิ่งอิ๋งส่ายหัว เธอเป็นเทพธิดาประจำชาติ เธอย่อมมั่นใจในความสวย แต่เธอกลับถูกโรสกดลงได้เพียงแค่อาศัยออร่าของเธอ
“ชูชู ฉันคิดว่าหล่อนแค่อาศัยสถานะในเกมเพื่อเรียกคะแนน เธอสวยกว่าหล่อนแน่นอน บางทีหล่อนอาจจะน่าเกลียดหลังจากถอดผ้าคลุมนั่นออกก็ได้” ฮัวหม่านเซียนกล่าวอย่างริษยา
ชูเมิ่งอิ๋งยังคงส่ายหัวและไม่ได้พูดอะไร เมื่อพูดถึงการโหวตผลสำรวจ เธอไม่ได้หวังพึ่งสถานะเทพธิดาแห่งชาติถึงได้คะแนนเยอะขนาดนั้นหรอกเหรอ?
เขตฮัวเซียนั้นใหญ่มาก มีสาวงามมากมายนับไม่ถ้วน และแน่นอนว่ามีไม่กี่คนที่มองข้ามเธอไป เช่น เทพธิดาอันดับ 4 คนใหม่ในรายชื่อเทพธิดา ซือเยี่ยจิ๋ง ซึ่งก็เป็นเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ของรายชื่อคนดังอีกด้วย และยังมีแนวโน้มที่จะคุกคามอันดับของเธออีก นอกจากนี้ยังมีเจ้าหญิงประจำชาติที่อยู่ในรายชื่อเมื่อไม่กี่วันก่อน เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่มีผมสีบลอนด์และตาสีฟ้าก็สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเธอ ถ้าเธอเติบโตขึ้นมา เธอก็จะเป็นสาวงามที่นำหายนะมาสู่ประเทศและผู้คน!
“นั่นอะไรน่ะ?”
ชูเมิ่งอิ๋งกำลังจะจากไป ตอนนี้วิกฤตในตำหนักกุหลาบหายไปแล้ว เธอก็ควรออฟไลน์ เธอไม่มีนิสัยชอบนอนดึกเพื่อเล่นเกม และเธอต้องออกอากาศสดในเช้าวันพรุ่งนี้
แต่เมื่อชูเมิ่งอิ๋งหันกลับมา เธอก็รู้สึกว่าท้องฟ้าเหนือหัวของเธอจู่ ๆ ก็สว่างขึ้น ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมอง
“อะไรน่ะ…เวร!”
ฮัวหม่านเซียนก็เงยหน้าขึ้นมองเมื่อเธอได้ยินคำพูดนั้น จากนั้นเธอก็หน้าเสียในทันที และอดพ่นคำหยาบออกมาไม่ได้
และในขณะนี้ อย่าว่าแต่เธอเลย กองกำลังทั้งหมดที่เฝ้าดูการต่อสู้ ก็กำลังเฝ้าดูความเปลี่ยนแปลงบนท้องฟ้า
ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่นางฟ้าหกปีกปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้าเหนือฐานของตำหนักกุหลาบ ดาบศักดิ์สิทธิ์ในมือชี้ขึ้นไปบนฟ้า และนางฟ้าผู้นี้ไม่มีผู้เล่นในจีนคนไหนจะไม่คุ้นเคย
“เซราฟ! สัตว์เลี้ยงในตำนานของเจ้าแห่งฮีลเลอร์!”
“ตำหนักกุหลาบจบสิ้นแล้ว”
“เจ้าแห่งฮีลเลอร์จะเข้ามาแทรกแซงจริงเหรอ?”
“ว่าแต่ ใครรู้บ้างไหมว่าสงครามกิลด์นี้เริ่มต้นได้ยังไง ฉันไม่เคยได้ยินว่าตำหนักกุหลาบกับกิลด์มิดซัมเมอร์มีปัญหากันเลย”
“ใครจะไปรู้ เดาว่าฮัวหม่านเซียนคงไปหาเรื่องกิลด์มิดซัมเมอร์ล่ะมั้ง น่าเสียดายที่แม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะหน้าตาดี แต่สมองเธอก็คงมีปัญหาอยู่บ้าง”
“ดูเหมือนว่าไม่จำเป็นต้องถามถึงความสัมพันธ์กับกิลด์มิดซัมเมอร์แล้วสินะ”
“สงครามกิลด์นี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด มีกิลด์สงครามเพื่อโลกอยู่เบื้องหลัง หากเป็นแบบนี้ต่อไปกิลด์มิดซัมเมอร์ก็คงไม่ได้เปรียบ และในที่สุดเขาก็จะลงมืออย่างแน่นอน”
“ดังนั้น เจ้าแห่งฮีลเลอร์จึงถล่มเกมด้วยพละกำลังของคนคนเดียว ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับมิดซัมเมอร์”
“นี่คือพลังของผู้เล่นระดับเทพ!”
“ว่ากันว่ามีสงครามระดับพระเจ้าในเขตอเมริกาเหนือเมื่อไม่นานนี้ เทพเจ้าสายฟ้าลงมือ ด้วยทะเลสายฟ้า เขาทำลายกิลด์ขนาดใหญ่ในอเมริกาเหนือได้ด้วยตัวเขาคนเดียว!”
“ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าเมื่อไรจะมีผู้เล่นระดับเทพคนใหม่ และผู้ที่สามารถต่อกรกับผู้เล่นระดับเทพได้คือผู้เล่นระดับเดียวกัน”
“ไปเถอะ ไม่มีอะไรให้ดูแล้ว เจ้าแห่งฮีลเลอร์เคลื่อนไหว ตอนจบก็ถูกกำหนดไว้แล้ว”
ท้องฟ้าแตกออกและแสงศักดิ์สิทธิ์ถูกฉายลงมา
“เวร!”
ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหยู่หลงที่พูดคำนั้น เขามองดูท้องฟ้าที่แตกร้าวด้วยใบหน้าที่น่าเกลียดอย่างยิ่ง เจ้าแห่งฮีลเลอร์ได้เข้ามาแทรกแซงจริง ๆ ทำให้การเตรียมการและแผนสำรองทั้งหมดของเขาไร้ประโยชน์
เซียวเฟิงถูกบังคับให้ออฟไลน์เนื่องด้วยสายเรียกจากโลกภายนอก เขาทำภารกิจส่วนสุดท้ายของภารกิจขั้น 3 เสร็จแล้ว แต่ปุ่มเรียกจากโลกภายนอกของหมวกเกมก็ดังขึ้น
“เธอกำลังทำอะไรอยู่?”
เซียวเฟิงถอดหมวกเล่นเกมออกด้วยความสงสัย และรู้สึกถึงกลิ่นหอมอันอบอุ่นและเปียกโชกกระทบใบหน้าของเขา เมื่อมองไปรอบ ๆ จืออี้ก็นอนอยู่บนหน้าอกของเขาและขยิบตาให้ ในอีกด้านหนึง หลิวเฉียงเหว่ยก็กึ่งมีอารมณ์ ด้วยขายาวที่มีสัดส่วนสมบูรณ์วางอยู่บนขาของเขา และแก้มที่สวยงามของเธอก็แต่งแต่มไปด้วยสีแดง
“พระเจ้าเซียว ตอนที่จบดันเจี้ยน นายบอกว่าจะดูแลพวกเราไม่ใช่เหรอ? นี่ก็สองวันหนึ่งคืนแล้ว ยังไม่ได้อีกเหรอ?”
จืออี้ถอนหายใจ และมองที่เซียวเฟิงด้วยดวงตาที่สวยงาม หน้าอกของเธอติดอยู่กับหน้าอกของเซียวเฟิงและสัมผัสที่ส่งมาถึงเซียวเฟิงนั้นยอดเยี่ยมมาก
“พวกเธอเพิ่งทำงานหนักมาไม่ใช่เหรอ? ไปเรียกน้องสาวของเธอมาที่ห้องฉันด้วยสิ”
เซียวเฟิงไม่อ้อมค้อม ภารกิจขั้น 3 ของเขาก็เพิ่งเสร็จสิ้นในนาทีสุดท้าย และผู้หญิงสองคนก็ขัดจังหวะเขาอย่างไม่กลัวความตาย ดังนั้นเขาจึงพลิกตัวและกดจืออี้ไว้ใต้ตัวเขา และบอกกับหลิวเฉียงเหว่ยในเวลาเดียวกัน
แก้มของหลิวเฉียงเหว่ยแดงขึ้นอีกครั้ง แต่เธอจะทำยังไงได้ เธอได้แค่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากเตียงแล้วส่งข้อความถึงซือเยี่ยจิ๋งและเฉียนโตวโตว
ในท้ายที่สุด มีเพียงซือเยี่ยจิ๋งเท่านั้นที่กัดฟันเดินมา และเฉียนโตวโตวตอบกลับด้วยการแสดงคำขอโทษ โดยบอกว่าญาติของเธอมาหา และฝากทำในส่วนของตัวเองด้วย ซึ่งทำให้หลิวเฉียงเหว่ยเขินอายอีกครั้ง
คืนที่สวยงาม…
ในตอนเช้า หลิวเฉียงเหว่ยลืมตาขึ้นภายใต้แรงกดทับที่ทำให้เกือบจะหายใจไม่ออกและผลักเซียวเฟิงที่กำลังนอนหลับเหมือนหมูออกจากร่างกายของเธอด้วยหน้าซับสีแดง ก่อนหยิบชุดนอนที่เธอโยนลงจากเตียงเมื่อคืนนี้มาใส่แล้วมุ่งหน้าไปห้องน้ำเพื่อล้างหน้า
หัวของเซียวเฟิงวิงเวียนเล็กน้อย นี่เป็นปฏิกิริยาทางกายภาพที่ชายหนุ่มแทบไม่เคยมี เหตุผลก็เพราะความร้อนในร่างกายของเขาปรากฏขึ้นอีกครั้งเมื่อคืนนี้ ซึ่งทำให้ตัวเองรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
เขายกขาออกจากจืออี้และซือเยี่ยจิ๋ง เซียวเฟิงลุกขึ้นนั่งและพิงหัวเตียง ถูขมับของเขา และรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย แต่โทรศัพท์ก็ดังขึ้นในขณะนี้ มันเป็นข้อความ
เซียวเฟิงหยิบมันขึ้นมาและดู จากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
หนิงเคอเค่อเจอปัญหา!