ตอนที่ 197

Crazy Leveling System

CLS ตอนที่ 197: กำราบในพริบตา

 

“บีบบังคับแล้วเจ้าจะทำไม?” หวังชิงหัวเราะเยาะ “ตอนนี้พวกเธออยู่ในกำมือพวกข้าแล้ว จงยอมให้พวกข้าจับแต่โดยดี ไม่อย่างนั้น สองคนนี้ตาย!”

 

“ผู้อาวุโสอี้ อย่าไปฟังคำพวกมัน ถ้าท่านไม่สู้ พวกเราทั้งหมดจะต้องจบอย่างแน่นอน!” อี้อวี่เสวียนและอี้อวี่เหว่ยร้องออกมา

 

“ใช่แล้ว ถ้าเขาสู้ พวกเจ้าตายแน่!” หวังชิงหันไปมองแล้วพูดกับอี้เทียนหยุนว่า “ผู้อาวุโสอี้อย่างงั้นสินะ ว่ายังไง เจ้าจะยอมจำนนหรือสู้? ได้เป็นถึงผู้อาวุโส ระดับของเจ้าคงไม่ต่ำสินะ? ระดับหลอมรวม? ยังหนุ่มแต่มีพลังถึงระดับนี้แล้ว นับว่าเก่งไม่เบา”

 

ระดับของพวกเขาก็อยู่ในระดับหลอมรวมเช่นกัน มีแต่หวังสุ่ยที่อยู่ในระดับก่อแกนวิญญาณ ดังนั้นหลินหลี่จึงระมัดระวังเป็นพิเศษ

 

“ข้ายอมแล้ว อย่าทำอะไรพวกเธอ!” อี้เทียนหยุนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเป็นที่สุด ถ้าเขาระเบิดความโกรธออกไป ที่นี่จะต้องกลายเป็นขุมนรกในทันที

 

สายตาของเขาจับจ้องไปยังคนทั้งสาม ระดับของหลินหลี่เป็นเหมือนกับก่อนหน้า อยู่ในระดับหลอมรวมขั้นที่ 2 ส่วนหวังสุ่ยและหวังชิงสองพี่น้องนั้นเป็นผู้จัดการและผู้อาวุโสของตระกูลหวัง ดังนั้นระดับของพวกเขาจึงค่อนข้างน่าตื่นตะลึง

 

“ข้าไม่เชื่อหรอก ขอเตือนเจ้าว่าอย่าทำอะไรวู่วาม ไม่อย่างนั้นอย่ามาโทษข้าที่ใจร้าย!” หวังสุ่ยยังคงเล็งมีดไปที่คอของพวกเธอ พร้อมกับส่งสายตาบอกให้หวังชิงเข้าไปตรวจดู

 

แต่หลินหลี่กลับยกมือขึ้น บอกให้พวกเขาอย่าเคลื่อนไหว พร้อมกับส่งพลังวิญญาณออกไปสำรวจทั้งด้านนอกด้านใน แต่ก็ไม่พบว่ามีอะไรหลบซ่อนอยู่แม้แต่น้อย

 

“ด้านนอกไม่มีคน แต่ไม่รู้ว่าไกลออกไปจะมีหรือเปล่า” หลินหลี่บอกออกไป พลังวิญญาณของเขาไม่อ่อนด้อย นอกเสียจากระดับจะสูงเป็นพิเศษ ไม่อย่างนั้นต้องถูกเขาตรวจเจออย่างง่ายดาย

 

เขาคิดว่าผู้ช่วยที่ใหญ่ที่สุดของอี้เทียนหยุนคือตระกูลจู้ และผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลจู้ก็คือเจ้าตระกูลจู้ ส่วนผู้อาวุโสอื่นๆ นั้น ล้วนแต่อยู่ระดับเดียวกับพวกหวังสุ่ย ดังนั้น เขาจึงวางใจ ว่าไม่มีเรื่องอะไรให้กังวล

 

“หึ ดูเหมือนเจ้าจะใจกล้าไม่เบา ถึงกับมาคนเดียวจริงๆ” หวังสุ่ยพยักหน้า จากนั้นก็เดินเข้าไป พร้อมกับพูดเยาะเย้ยว่า “ขอเตือนว่าอย่าได้คิดหนี ถ้าเจ้าหนีไป ชีวิตของพวกเธอ พวกเราไม่รับประกัน…..” เขาพูดขึ้นระหว่างที่เดิน เขาเตรียมตัวที่จะลงมืออยู่ทุกขณะ เขาไม่เชื่อว่าอี้เทียนหยุนจะสามารถหลบหนีไปจากเงื้อมมือของตนได้

 

“ข้าไม่หนีอย่างแน่นอน ตราบเท่าที่พวกเจ้าปล่อยพวกเธอ ไม่ว่าอะไรข้าก็ยอมทั้งนั้น!” อี้เทียนหยุนจ้องไปยังหวังชิงที่กำลังเดินเข้ามาแล้วพูดออกไป

 

“ผู้อาวุโสอี้ อย่าไปเชื่อพวกมัน พวกมันจะฆ่าท่าน รีบหนีไป!” อี้อวี่เหว่ยตะโกนเสียงดัง ไม่สนใจแม้แต่ชีวิตของตน

 

“!”

 

หลินลี่เงื้อมือขึ้น คิดจะตบไปยังใบหน้าของเธอ แต่ก็ได้อี้อวี่เสวียนเอาตัวเข้าขวาง ทำให้มือของหลินหลี่ตบเข้าที่ไหล่ของอี้อวี่เสวียนแทน แต่เพราะว่าฝ่ามือนี้หนักเกินไป ทำให้เธอเจ็บลึกถึงกระดูกจนต้องหลั่งเหงื่อออกมา

 

“อย่าทำร้ายน้องสาวข้า!” อี้อวี่เสวียนสีหน้าเย็นชา โชคดีที่ครั้งนี้ปกป้องน้องสาวเอาไว้ได้

 

“ช่างเป็นพี่น้องที่รักกันนัก ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าก็แค่คนด้อยค่าอย่างงั้นเหรอ? ได้ยินมาว่าเพราะไม่ต้องการแต่งงานจึงได้ถูกกำจัด ดูเหมือนว่าตระกูลจู้จะให้หน้า แต่กลับไม่มีค่าอะไร เพราะว่าฝั่งตรงข้ามไม่ชอบ” หลินหลี่เยาะเย้ย จากนั้นก็มองไปที่อี้เทียนหยุนแล้วพูดว่า “ถ้าเจ้ามีความสามารถก็ให้หนีไป แต่ว่าข้าไม่รับประกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเธอ!”

 

“อย่าได้ลงมือ ข้าบอกแล้วไงว่าข้าจะไม่หนี!” อี้เทียนหยุนน้ำเสียงเย็นชา ในใจเต็มไปด้วยจิตสังหาร

 

ในตอนนี้หวังชิงก็ได้พุ่งเข้าไป พร้อมกับจับตัวอี้เทียนหยุนไว้ ล็อกมือทั้งสองข้างของเขาแน่น ไม่ให้เขาเคลื่อนไหวอะไรได้

 

“คุณชายหลิน ข้าจับมันไว้แล้ว มันหนีไปไหนไม่ได้อีก!” หวังชิงยิ้ม นี่เป็นเรื่องที่ง่ายมาก ไม่มีความยากแม้แต่น้อย

 

“ดีมาก พามันมาหาข้า!” หลินหลี่ยิ้มเยาะ ในสายตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร

 

อี้เทียนหยุนที่ถูกพาตัวเข้าไป ในสายตาไม่มีร่องรอยของความสิ้นหวังแม้แต่น้อย แต่ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารเช่นก่อนหน้า

 

“ข้าก็ถูกจับแล้ว ปล่อยพวกเธอซะ” อี้เทียนหยุนพูดอย่างเฉยชา

 

หลินหลี่กับพวกมองหน้ากัน จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังลั่น ในเสียงหัวเราะยังเต็มไปด้วยความดูถูก ราวกับกำลังมองตัวตลกที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร

 

“คุณชายหลิน เจ้าเด็กนี้มันเชื่อจริงๆ?” หวังสุ่ยหัวเราะ พร้อมกับลดมีดสั้นที่เล็งไปยังพวกอี้อวี่เหว่ยลงโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

และในพริบตานี้เอง สายตาของอี้เทียนหยุนพลันเป็นประกาย กระจ่างใสขึ้นหลายส่วน

 

“น้องชาย เจ้าจะพูดอย่างนี้ไม่ได้ นี่แสดงว่ามันมีหัวใจที่บริสุทธิ์ ไม่เข้าใจถึงความชั่วร้ายบนโลกใบนี้ ฮ่าๆๆ…..” หวังชิงที่จับอี้เทียนหยุนพูดเหน็บ พร้อมกับหัวเราะออกมาจนแทบน้ำตาไหล

 

คำพูดนี้ พวกเขาได้จัดว่าอี้เทียนหยุนเป็นประเภทที่ไม่เคยเห็นโลกมาก่อนเรียบร้อยแล้ว

 

“กล้าเล่นเล่ห์ต่อหน้าข้า อัจฉริยะนักสลักอาคมแล้วยังไง ตอนนี้เมื่อตกอยู่ในมือของข้าแล้ว ดูสิว่าข้าจะจัดการเจ้ายังไง?” หลินหลี่หัวเราะเยาะ มองไปที่อี้เทียนหยุนแล้วพูดว่า “ในเมื่อได้รับมาก็ต้องชดใช้คืน!”

 

จากนั้น เขาก็ยกฝ่ามือขึ้น เล็งไปยังใบหน้าของอี้เทียนหยุน เขาไม่ได้คิดจะฆ่าอี้เทียนหยุนในทันที แต่คิดจะสร้างความอับอายให้กับเขาก่อน

 

“เปิดใช้งานโหมดคลั่ง!”

 

“ปัง!”

 

พลังของเขาระเบิดขึ้น 8 เท่าในพริบตา ทำให้พลังรบทั้งหมดของเขาพุ่งขึ้นถึง 3 ล้านในทันที ร่างของเขาสั่นอย่างรุนแรง พร้อมกับกระแทกหวังชิงที่จับกุมเขาจนกระเด็นไปติดกำแพง!

 

จากนั้น เขาก็ยกเท้าขึ้นถีบหลินหลี่ที่อยู่ตรงหน้าอย่างโหดเหี้ยม

 

“เปรี้ยง!”

 

หลินหลี่ถูกถีบกระเด็นไปติดกำแพง หลังจากเงยหน้าขึ้น เขาก็กระอักเลือดออกมา พร้อมกับค่อยๆ เลื่อนไถลลงจากกำแพง แทบหมดสติ เท้าที่ถีบนี้รุนแรงมาก แต่ก็ยังถือว่าออมแรงอยู่ เพราะว่าอี้เทียนหยุนไม่คิดจะให้เขาตายสบายนัก

 

“เจ้าเด็กนี่ ตายซะ!” หวังชิงที่ถูกกระแทกกระเด็น ในใจก็ให้สั่นสะท้าน พร้อมกับหยิบกริชออกมา พร้อมกับแทงใส่หลังอี้เทียนหยุนอย่างโหดเหี้ยม

 

ในตอนนี้เอง ก็ได้มีเงาคนโผล่ออกมา พร้อมกับหมุนตัววาดเท้าเตะใส่ร่างหวังชิง หวังชิงรีบยกมือขึ้นรับอย่างไว แต่ด้วยพลังระดับก่อแกนวิญญาณอย่างเขาจะไปต้านรับได้ยังไง?

 

“เปรี้ยง!”

 

ร่างของหวังชิงถูกเตะจนปลิว ลูกเตะนี้แรงมาก แรงจนทำแขนเขาหักได้โดยตรง ร่างของเขาลอยไปพร้อมกับเสียงโหยหวน หวังสุ่ยตอบสนองอย่างรวดเร็ว รีบพุ่งเข้าใส่พวกอี้อวี่เสวียน หวังจะใช้เป็นโล่ป้องกัน

 

แต่เปลวเพลิงที่ร้อนลวกก็ได้ปรากฏขึ้นที่กลางหลังของเขาอย่างร้ายกาจ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ อี้เทียนหยุนได้มาอยู่ที่ข้างหลังของเขา พร้อมกับฝ่ามือที่ตบลงมาอย่างแรง นอกจากพลังที่ใช้ออกโดยไม่รั้งเอาไว้แล้ว ยังมีเปลวเพลิงนิรันดร์ที่ลุกท่วมร่างของเขาอีก

 

เปลวเพลิงที่น่าสะพรึงแผดเผาร่างของเขา ภายใต้เสียงร้องโหยหวน เปลวเพลิงได้กลืนกินร่างของเขาอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างของเขาถูกเผาไหม้จนกลายเป็นสีดำ พร้อมกับมีเปลวเพลิงลุกโชนบนร่างของเขาไม่ยอมหยุด

 

“เจ้า เปลวเพลิงนี้มัน…..” หวังสุ่ยตกใจ เขารู้สึกว่าอวัยวะภายในของเขาถูกเผาไหม้จนหมด เขารีบดับเพลิงนี้ให้ได้เร็วที่สุด แต่ก็พบว่าไม่มีความหมาย เปลวเพลิงนี้ได้กลืนกินร่างของเขาอย่างรวดเร็ว

 

“แหลกไปซะ!”

 

อี้เทียนหยุนยกเท้ากระทืบลงไปอย่างแรง

 

“เปรี้ยง!”

 

ร่างของหวังสุ่ยที่ถูกกระทืบ บนหน้าอกปรากฏหลุมขนาดใหญ่ ด้วยร่างที่ถูกไฟเผาจนไหม้ ตอนนี้เมื่อมาถูกกระทืบซ้ำอีกที ต่อให้ไม่อยากตายก็อยากแล้ว

 

“ติ๊ง ท่านสังหารหวังสุ่ยสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 150,000, ค่าความคลั่ง 2,400, ได้รับท่าเท้าทวนสวรรค์, ได้รับกระบี่เทียนฉาน”

 

เสียงระบบดังขึ้น เป็นเครื่องหมายว่าอีกฝ่ายได้ตายลงโดยสมบูรณ์แล้ว

 

อี้เทียนหยุนแก้มัดให้พวกเธออย่างไว นี่เป็นอุปกรณ์ระดับวิญญาณ แค่เชือกธรรมดาไม่มีทางมัดพวกเธอได้

 

“ผู้อาวุโสอี้ ขอโทษด้วยที่สร้างปัญหาให้กับท่าน…..” อี้อวี่เหว่ยกับพวกพูดขอโทษด้วยความรู้สึกผิด

 

“ข้าจะไปโทษพวกเจ้าได้ยังไง…..” อี้เทียนหยุนส่ายหัว จากนั้นก็เลื่อนสายตาไปยังพวกหลินหลี่ที่ยังไม่ตาย แม้จะยังไม่ตาย แต่ตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้ว