ตอนที่ 198

Crazy Leveling System

CLS ตอนที่ 198: ดวลตัวต่อตัว

 

และในตอนนี้เอง อี้อวี่เสวียนและอี้อวี่เหว่ยก็ได้เห็นว่าข้างๆ อี้เทียนหยุนมีเริ่นจื่อโหรวปรากฏขึ้น รูปลักษณ์ที่งดงามราวกับนางเซียน ทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจ

 

นี่เป็นครั้งแรกที่อี้อวี่เหว่ยเห็นคนที่สวยจนน่าตกใจระดับชิเสวี่ยอวิ๋น ทั้งตอนนี้ยังยืนอยู่ข้างๆ อี้เทียนหยุนอีก นี่ทำให้เธอรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก นี่เพิ่งจะผ่านไปไม่กี่วัน ทำไมหญิงสาวที่งดงามระดับนางเซียนถึงได้มาอยู่ด้วยกันกับผู้อาวุโสอี้ได้?”

 

“เจ้า เจ้าเป็นใครกัน…..” หลินหลี่มองไปที่เริ่นจื่อโหรวอย่างตกใจ เขาไม่ทันเห็นด้วยซ้ำว่าคนๆ นี้เข้ามาได้ยังไง

 

มีสาวงามระดับนี้ข้างกาย นี่ทำให้เขารู้สึกอิจฉาจนแทบคลั่ง

 

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า…..” อี้เทียนหยุนเดินมาหยุดตรงหน้าหวังชิงที่ถูกซัดจนปลิวมา เขาที่ถูกอี้เทียนหยุนเตะปลิวมา ตอนนี้ดูท่าทางราวกับกำลังจะขาดใจตาย “คิดจะจับตัวประกันเพื่อบีบบังคับคนอื่น คิดจะฆ่าพวกเธอ? ตอนนี้ ข้าว่าเจ้านั่นแหละที่จะตายก่อน”

 

พูดจบ เขาก็ชูมือขึ้น พร้อมกับโยนเปลวเพลิงนิรันดร์ลงบนร่างหวังชิง เมื่อเปลวเพลิงลุกโชนขึ้น เขาก็ร้องโหยหวนออกมาไม่หยุด แต่ด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส ทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

 

“ติ๊ง ท่านสังหารหวังชิงสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 250,000, ค่าความคลั่ง 3,400, ได้รับฝ่ามือเมฆาคล้อย, ท่าเท้าทวนสวรรค์”

 

สายตาของหลินหลี่ในตอนนี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ชีวิตของพวกนั้นไม่เกี่ยวกับเขา เขายังไม่อยากตาย

 

“ต่อไปตาเจ้าแล้ว….” อี้เทียนหยุนหันหัวไป มองไปยังหลินหลี่ที่นอนอยู่ ฝั่งตรงข้ามรีบกินยาฟื้นฟูอย่างไว ในสายตานอกจากความเกลียดชังแล้ว ยังมากไปด้วยความตื่นตระหนก

 

เขาไม่คิดว่าพลังของอี้เทียนหยุนจะแข็งแกร่งขนาดนี้ ทั้งผู้ช่วยที่เขาพามายังน่าตื่นตะลึง เพียงกระบวนท่าเดียวก็สังหารหวังชิงที่เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญระดับก่อแกนวิญญาณไปในพริบตา! นี่หมายความว่าหญิงสาวคนนั้น จะต้องมีระดับที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าหวังชิง! เขาจำได้ว่าตระกูลจู้ไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนี้ นอกเสียจากว่าเจ้าตระกูลจะมาเอง แต่คนอย่างเจ้าตระกูลจะมาเป็นผู้คุ้มกันส่วนตัวของอี้เทียนหยุนได้ยังไง?

 

“ปล่อยข้าไปเถอะ แล้วข้าจะไม่เอาเรื่องอีก! ข้าเป็นคนของวังเสินเหวิน เจ้ารู้ไหมว่ากำลังเผชิญหน้ากับขุมอำนาจไหน! ข้าเป็นศิษย์หลักของวังเสินเหวิน ถ้าฆ่าข้า เท่ากับเจ้าเป็นศัตรูของวังเสินเหวิน!” หลินหลี่มองไปยังเริ่นจื่อโหรวกับพวก ตัวเขาในตอนนี้ไม่มีทางหนีไปได้แน่ ดังนั้นจึงทำได้เพียงร้องขอความเมตตา

 

“วังเสินเหวิน?” อี้เทียนหยุนหัวเราะเยาะ “ข้าฆ่าเจ้าที่นี่ เจ้าคิดว่าวังเสินเหวินจะรู้อย่างงั้นเหรอ?”

 

“เขา พวกเขาจะต้องมาตรวจดูแน่! ขอแค่ปล่อยข้าไป ข้าจะไม่ถือสาเรื่องนี้อีก ทั้งยังจะแนะนำเจ้าให้กับวังเสินเหวินของข้าด้วย ให้เจ้าได้เป็นศิษย์หลักของพวกเรา…..” หลินหลี่พยายามโยนข้อเสนอออกมาไม่หยุด อวดอ้างความแข็งแกร่งของวังเสินเหวินออกมา ในอาณาจักรเทียนจิ่งนี้ สำนักของพวกเขาถือว่าเป็นระดับชั้นยอด

 

“เข้าร่วมวังเสินเหวินอย่างงั้นเหรอ? แล้วยังไงล่ะ ข้าไม่เห็นจะสนใจสักนิด ยิ่งกว่านั้น คำพูดของเจ้าเชื่อได้หรือไง? ข้าว่า ถ้าข้าเข้าไปยังวังเสินเหวินเมื่อไหร่ ข้าคงจะตายลงเมื่อนั้น” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่แยแส “ก็อย่างที่เจ้าพูด ในเมื่อได้รับมา ก็ย่อมต้องใช้คืน”

 

อี้เทียนหยุนไม่มีทางเมตตาศัตรูของตน อะไรที่เรียกว่าสิ่งล่อลวง อะไรที่เรียกว่าความเมตตา อะไรที่เรียกว่าความปรานี ของเหล่านี้ เขาไม่มีทำมัน เขาไม่ใช่นักบุญ ใครไม่หาเรื่องเขา เขาไม่หาเรื่องคนอื่น

 

หลินหลี่หน้าซีด เขารู้ว่าอี้เทียนหยุนไม่มีทางปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน

 

“ถ้า ถ้าเจ้าเก่งจริงก็รอให้ข้ารักษาตัวเสร็จ จากนั้นค่อยมาสู้กันอย่างยุติธรรม!” ในเวลานี้ หลินหลี่ยังคงดื้อด้านไม่ยอมตาย

 

“คำนี้เจ้ายังกล้าพูด? แล้วผู้ช่วยสองคนของเจ้าเมื่อกี้ล่ะ มันหมายความว่ายังไง?” อี้เทียนหยุนสีหน้าเย็นชา บางคนก็ช่างต่ำช้าจนเกินเยียวยา

 

ชอบหาข้ออ้าง ชอบรุม แต่เมื่อสู้ไม่ได้ก็บอกว่าจะดวลตัวต่อตัว ถ้าแพ้การดวล ก็คงจะพูดว่าร่างกายไม่พร้อม หาข้ออ้างไปเรื่อย แบบนี้มีความหมายอะไร? นี่ก็เป็นแค่การแสดงความเห็นแก่ตัวของตนออกมาเท่านั้น

 

“ข้าถามเจ้า กล้าดวลตัวต่อตัวกับข้าหรือเปล่า ถ้าเป็นลูกผู้ชาย ก็ให้มาสู้กับข้าตัวต่อตัว!” หลินหลี่ลุกขึ้น ด้วยผลของยาฟื้นฟูที่กินลงไปเมื่อก่อนหน้า ทำให้เขาฟื้นฟูกลับมาเล็กน้อย

 

“คิดจะยั่วยุข้า?” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่แยแส “วางใจเถอะ ข้ายอมรับคำท้าของเจ้า!”

 

“ห้ามเธอลงมือ นี่เป็นการดวลของพวกเรา!” หลินหลี่พูดอย่างเย็นชา

 

“ไม่มีปัญหา จัดการขยะอย่างเจ้า ไม่จำเป็นต้องถึงมือเธอ ตราบเท่าที่เจ้าสังหารข้าได้ เจ้าก็สามารถออกไปจากที่นี่ได้แบบมีชีวิต!” อี้เทียนหยุนสีหน้าเย็นชา คิดถึงคำพูดก่อนหน้าที่หลินหลี่พูดไว้ เขาย่อมต้องการสังหารหลินหลี่ด้วยมือตัวเอง!

 

คำพูดเพิ่งจบ หลินหลี่ก็พุ่งเข้ามา ในมือของเขาไม่รู้ว่ามีกระบี่ปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาแทงเข้าใส่อี้เทียนหยุนอย่างโหดเหี้ยม แสงสีเงินเป็นประกายสว่างวาบขึ้นในถ้ำ ดูแล้วเจิดจ้าบาดตาอย่างมาก

 

ลำแสงกระบี่กระพริบวาบ กระทบเข้าใส่ดวงตาของอี้เทียนหยุน ส่งผลให้เกิดอาการตาบอดชั่วขณะ

 

“กระบี่ประกายแสง!”

 

“ตายซะ!” สีหน้าของเขาทั้งอึมครึมและเย็นชา ใบหน้าที่หล่อเหลาด้วยเหตุผลบางอย่าง กลายเป็นบิดเบี้ยว ดูแล้วน่ากลัวอย่างมาก

 

หลินหลี่ใช้กระบวนท่านี้ออกมาโดยไม่ลังเล กระบี่ในมือของเขาเล็งเข้าใส่ลำคอของอี้เทียนหยุน ซึ่งถือว่าเป็นจุดตายจุดหนึ่ง เขาไม่มีการออมมือแม้แต่น้อย ใช้กระบวนท่าสังหารออกมา คิดหมายเอาชีวิตของอีกฝ่ายอย่างเดียว!

 

ตอนนี้ไม่เห็นร่องรอยของอาการบาดเจ็บของเขา พลังที่ระเบิดออกมาคือทั้งหมดของเขา นี่เกี่ยวเนื่องจากเม็ดยาที่เขากินไปเมื่อครู่ ไม่เพียงแต่ช่วยฟื้นฟูอาการบาดเจ็บอย่างรวดเร็วแล้ว ยังช่วยกระตุ้นความสามารถที่ซ่อนเร้นออกมาด้วย

 

เหตุผลหลักเลยก็คือ ความคุกคามต่อชีวิตของอี้เทียนหยุน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่คิดจะใช้เม็ดยานี้ แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ตัวอย่างที่ดีที่สุดก็คือพวกหวังชิง เพียงลูกเตะเดียวก็สิ้นสภาพ ถ้าไม่ได้เม็ดยานี้ เขาคงไม่มีแรงแม้แต่จะตอบโต้

 

เผชิญหน้ากับการโจมตีนี้ของหลินหลี่ สายตาของอี้เทียนหยุนเป็นประกาย แสร้งทำเป็นตาพร่าเพราะแสงกระบี่นี้ เขาไม่คิดที่จะหลบ อึดใจต่อมา เขาก็เคลื่อนไหวในทันที พลังที่น่าสะพรึงระเบิดออกในพริบตา

 

ขาทั้งสองข้างดูราวกับมีพลังที่ไร้ขีดจำกัด กระทืบลงที่พื้นอย่างแรง ระเบิดพลังออกมา ช่วยให้ประสารทสัมผัสของเขาคมกริบขึ้น พร้อมกับเบี่ยงหลบกระบี่อย่างผ่อนคลาย จากนั้นก็กำหมัด ต่อยเข้าที่ร่างของอีกฝ่ายอย่างแรง

 

“แหลกไปซะ!”

 

อี้เทียนหยุนต่อยใส่ท้องหลินหลี่อย่างแรง “เปรี้ยง” หลินหลี่ถูกต่อยปลิว กระบี่หลุดออกจากมือ ถูกแรงจากกำปั้นซัดปลิวไปไกล

 

ความต่างระหว่างทั้งสองนั้นใหญ่มาก อี้เทียนหยุนนั้นอยู่ในระดับก่อแกนวิญญาณขั้นที่ 8 ส่วนฝั่งตรงข้ามอยู่แค่ระดับหลอมรวมเท่านั้น ทั้งสองคนไม่มีอะไรที่จะเทียบกันได้อยู่แล้ว

 

“เจ้ามีพลังแค่นี้?” อี้เทียนหยุนมองไปยังหลินหลี่ที่นอนกองกับพื้น แล้วพูดขึ้นอย่างเฉยชา

 

“ไอ้ลูกสำส่อน ตายซะ!” หลินหลี่ตะโกนออกมา กระโดดขึ้นจากพื้น เหวี่ยงหมัดเข้าใส่เขา หมัดของเขาราวกับมีพายุหมุนคลุมอยู่ พุ่งมาที่เขา

 

พายุหมุนนี้ ด้อยกว่าหมัดของอี้เทียนหยุนอย่างมาก!

 

“ไสหัวไป!”

 

อี้เทียนหยุนต่อยหมัดลงไปที่หลินหลี่ซ้ำอีกครั้ง “เปรี้ยง” หลินหลี่ถูกชัดปลิวอีกรอบ รอบนี้มีเสียง “แกรก” ดังขึ้น เป็นเสียงแขนที่หักของหลินหลี่นั่นเอง

 

“อ๊ากกก…..” หลินหลี่ร้องโหยหวน เอามือกุมแขนข้างที่หัก ความเจ็บปวดนี้รุนแรงมาก มากจนทำให้เขาต้องหลั่งเหงื่อออกมาไม่หยุด

 

ตั้งแต่เล็กจนโต เขาเคยได้รับความเจ็บปวดแบบนี้ที่ไหน แต่ในตอนนี้ คู่ต่อสู้ที่เขาเผชิญนั้น น่ากลัวมาก……ทั้งที่เด็กกว่าเขา แต่ทำไมถึงได้มีพลังที่น่าสะพรึงขนาดนี้!