ตอนที่ 1460 โผล่หัวออกมา (2)
“ขยะพวกนี้จะทำอะไรได้? ก็แค่พวกไร้ประโยชน์กลุ่มหนึ่ง นายท่านต้องการใช้พวกมัน พวกมันก็ควรขอบคุณฟ้าดินแล้ว ไม่งั้นถ้าทิ้งพวกมันเอาไว้นอกเมือง ข้าอยากรู้นักว่าพวกมันจะมีชีวิตอยู่ได้สักกี่วัน ให้พวกมันเข้ามากินฟรีอยู่ฟรีในกำแพงเมืองนานขนาดนี้ก็เป็นความเมตตากรุณาต่อพวกมันแล้ว” คำพูดของลั่วซีรุนแรงมาก พวกผู้ลี้ภัยต่างโกรธจนตัวสั่น ในใจพวกเขาอยากจะฉีกชายคนนั้นออกเป็นล้านๆชิ้น
จวินอู๋เสียหรี่ตาเล็กน้อย แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร
“ความเป็นความตายของคนไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าจะกำหนดได้”
“เฮอะ ไอ้หนู เจ้าเอามาเป็นเรื่องของตัวเองมากไปรึเปล่า? ยังสนใจเรื่องคนอื่นอยู่อีก วันนี้เจ้าจะตายที่นี่อยู่แล้ว ข้าอยากเห็นนักว่าเจ้าจะปากเก่งไปได้นานแค่ไหน!” ลั่วซีกล่าวอย่างมีชัย
ชายชุดดำไม่คิดจะพูดจาไร้สาระกับจวินอู๋เสีย เขายกมือขึ้นเพื่อจะฟาดผู้ลี้ภัยที่เขาจับไว้ให้ตายในทีเดียว!
แต่ในขณะที่ฝ่ามือของเขาฟาดลงมานั้น ร่างของจวินอู๋เสียก็หายไปจากจุดที่ยืนอยู่
ทันใดนั้น พลังวิญญาณสีม่วงสายหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่มือของชายชุดดำ
การโจมตีอย่างกระทันหันทำให้ชายชุดดำไม่ทันได้ตั้งตัว ฝ่ามือของเขาถูกกระแทกและเจ็บปวดมาก ในช่วงที่เขากำลังประหลาดใจอยู่นั้น ร่างของจวินอู๋เสียก็มาถึงข้างตัวเขา แล้วคว้าเอาผู้ลี้ภัยที่เขาจับไว้ในมืออีกข้าง ส่งผู้ลี้ภัยคนนั้นไปอยู่ในระยะที่ปลอดภัยโดยเร็ว
เมื่อจวินอู๋เสียมายืนอย่างมั่นคงบนพื้นอีกครั้ง ทั่วร่างของนางก็ปกคลุมด้วยพลังวิญญาณสีม่วงทั้งตัว!
ลั่วซีจ้องมองพลังวิญญาณสีม่วงที่หมุนวนรอบตัวจวินอู๋เสียอย่างตกตะลึง เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลย ผู้เยาว์ที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าคนนั้น แท้จริงแล้วเป็น……ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วง!
คราวนี้ไม่เพียงแต่ลั่วซีเท่านั้นที่ประหลาดใจ สายตาของชายชุดดำก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจไม่แพ้กันเมื่อเห็นพลังวิญญาณสีม่วงบนร่างของจวินอู๋เสีย
เขาตระหนักว่าก่อนหน้านี้เขาตรวจไม่พบจริงๆว่าพลังวิญญาณของจวินอู๋เสียอยู่ในขั้นไหน ราวกับว่าพลังวิญญาณในร่างของจวินอู๋เสียถูกปกป้องอยู่ภายใต้พลังที่แปลกประหลาดบางอย่าง และชายชุดดำก็คิดว่าผู้เยาว์ตรงหน้าเป็นแค่เศษขยะอีกชิ้นที่พลังวิญญาณต่ำเกินกว่าจะตรวจพบ คาดไม่ถึงจริงๆว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงเช่นกัน!
“วันนี้ใครจะตาย ยังไม่แน่เลย” จวินอู๋เสียพูดเบาๆ เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยขณะจ้องมองไปที่ลั่วซีซึ่งมีใบหน้าซีดขาว
การปรากฏตัวอย่างกระทันหันของผู้ใช้พลังวิญญาณสีม่วง 2 คนทำให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นในหมู่คนที่แอบซ่อนอยู่ในเมือง ทุกคนรีบตรงไปยังจุดที่ผู้ใช้พลังวิญญาณสีม่วง 2 คนปรากฏตัว!
“นายท่านเจว๋” เย่ฉาและเย่เหม่ยปรากฏตัวที่ด้านหลังจวินอู๋เหยา
“หืม?” สายตาของจวินอู๋เหยาไม่ละไปจากจวินอู๋เสียเลยแม้แต่น้อย
“มีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งจำนวนหนึ่งพุ่งตรงมาทางเรา รู้สึกว่าจะอยู่ในขั้นสีม่วงทุกคนขอรับ” เย่ฉาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
จวินอู๋เหยายิ้มมุมปาก “ดูเหมือนเมืองชิงเฟิงนี่จะมีกุ้งเล็กปลาน้อยอยู่พอสมควรนะ พวกมันได้กลิ่นข่าวแล้ว ถึงได้รีบมาที่นี่”
“นายท่านเจว๋อยากให้พวกเราไปจัดการไหม……”
“ไม่จำเป็น” จวินอู๋เหยาโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ เขายังคงมองไปที่จวินอู๋เสียและชายชุดดำที่กำลังจ้องกันอยู่ แล้วพูดว่า “เสี่ยวเสียเอ๋อร์จะเผชิญหน้ากับสิบสองวิหารไม่ช้าก็เร็ว นางไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว และนางจะได้ใช้การต่อสู้วันนี้เตือนสิบสองวิหารว่าอาณาจักรล่างมีเจ้าของคนใหม่แล้ว”
“แต่ถ้าคนอื่นเข้าโจมตีด้วย……” เย่ฉาอดเป็นห่วงไม่ได้
จวินอู๋เหยากลับบอกเขาว่า “ไม่มีใครอยากทำสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์กับตัวเองหรอก ตั๊กแตนตำข้าวสะกดรอยตามจั๊กจั่นโดยไม่รู้ตัวว่ามีนกขมิ้นอยู่ข้างหลัง ไม่มีใครอยากเล่นบทตั๊กแตนตำข้าวแล้วให้คนจากวิหารอื่นเก็บเกี่ยวผลประโยชน์หรอก แต่เผื่อว่ามีใครกล้ายื่นหน้าเข้ามา ก็ให้เย่กู่อุ่นเครื่องสักหน่อยแล้วกัน”