[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]
บทที่ 525 : ขัดแย้งกัน!
เมื่อมาถึงหน้าประตูทางเข้าภัตตาคารจิงฉู หลิงหยุนจึงขับไปส่งเสี่ยวเม่ยหนิงกับเหมี่ยวเสี่ยวเหมาลงที่ด้านหน้าก่อน แล้วจึงขับออกไปหาที่จอดรถ
ในฤดูร้อนเช่นนี้ แม้ว่าอากาศจะร้อนแผดเผา แต่ก็ไม่มีผลต่อจำนวนนักท่องเที่ยวเลยแม้แต่น้อย เพราะผู้คนยังคงหลั่งไหลมาเที่ยวที่ทะเลสาบไม่ขาดสาย ภัตตาคารจิงฉูจึงคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว
นาทีนี้ภัตตาคารจิงฉูมีรถเนืองแน่นไปหมดตั้งแต่ทางเข้า และตอนนี้รถก็ติดอย่างมากมายมหาศาล
ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบเสี่ยวเม่ยหนิง นี่ก็เป็นครั้งที่สองที่หลิงหยุนได้มาทานอาหารที่ภัตตาคารแห่งนี้กับเธออีกครั้ง เสี่ยวเม่ยหนิงยืนอยู่ที่ทางเข้าภัตตาคาร และกำลังนึกถึงเมื่อครั้งที่เธอมากินข้าว และชมวิวกับหลิงหยุนสองคนที่นี่ เธอรู้สึกราวกับว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นเพิ่งจะเกิดขึ้นไม่นาน..
สาวน้อยยังจำได้ว่าเขาเกือบจะเสียจูบแรกให้กับหลิงหยุนที่ภัตตาคารแห่งนี้ และเมื่อนึกถึงเรื่องนี้เธอก็หน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที แต่ก็มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาเห็นจึงได้แต่ล้อเลียนน้องสาว “เด็กบ้า.. นี่คงจะกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่สินะ ถึงได้หน้าแดงแบบนี้?”
เสี่ยวเม่ยหนิงมองหลิงหยุนที่อยู่ไกลออกไป และเมื่อมั่นใจว่าเขาไม่สามารถได้ยินในสิ่งที่เธอพูด จึงรีบหันไปบอกเหมี่ยวเสี่ยวเหมาว่า
“พี่ใหญ่.. ฉันกำลังนึกถึงวันแรกที่มาที่ภัตตาคารนี้กับพี่หลิงหยุน!”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาได้แต่มองเสี่ยวเม่ยหนิงด้วยแววตารักใคร่ก่อนจะพูดออกมาอย่างสงสาร “หนิงน้อย.. เธอชอบเขาระวังจะน้ำตาเช็ดหัวเข่านะ..”
คิ้วสวยงามของเสี่ยวเม่ยหนิงเลิกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไปว่า “ฉันไม่กลัวหรอก!”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาจึงได้แต่เงียบและไม่พูดอะไรอีก เธอรู้ดีว่าความรู้สึกที่เสี่ยวเม่ยหนิงมีให้หลิงหยุนนั้นหยั่งรากลึกจนยากที่จะถอนได้ จึงไม่กลัวแม้แต่จะต้องเผชิญกับความเสียใจ
หลิงหยุนหาที่จอดรถได้อย่างยากเย็น หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่าหากเขารู้ว่าจะหาที่จอดรถได้ยากเย็นแบบนี้ เขาจะจอดรถไว้ที่อื่นแล้วเดินมาที่นี่น่าจะดีกว่า
เมื่อหลิงหยุนกลับมาก็พบว่าสองพี่น้องคนสวยยังคงยืนอยู่ที่ทางทางเข้าเช่นเดิม เขาจึงพูดยิ้มๆ
“ทำไมคุณสองคนยังไม่เข้าไปข้างในอีก? หรืออยากจะยืนเป็นจุดสนใจของผู้คนอยู่ตรงนี้?”
เพราะไม่เพียงแค่เสี่ยวเม่ยหนิง และเหมี่ยวเสี่ยวเหมาต่างก็สูงถึงหนึ่งเมตรเจ็ดสิบหก แต่ทั้งคู่ยังสวมชุดผ้าไหมรัดรูปแขนกุด เผยให้เห็นหน้าอกทั้งสองข้างที่ค่อนข้างโดดเด่น และร้อนแรงไม่แพ้แสงแดดในยามนี้ สองสาวที่ยืนอยู่ตรงทางเข้าจึงเป็นที่ดึงดูดสายตาของผู้คนได้อย่างดี
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาฉีกยิ้มให้หลิงหยุนอย่างขุ่นเคืองใจพร้อมกับพูดขึ้นว่า “พวกเราก็ยืนคอยนายอยู่น่ะสิ ไปจอดรถอะไรตั้งนาน!”
หลิงหยุนตอบกลับไปยิ้มๆ “ถ้างั้นครั้งหน้าคุณก็เป็นคนขับรถไปหาที่จอดรถก็แล้วกัน!”
“ฉันไม่ใช่คนขับรถส่วนตัวของนาย..!”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาหันไปยิ้มให้เสี่ยวเมยหนิงพร้อมกับจับแขนของเธอดึงเข้าไปในภัตตาคาร แล้วพูดขึ้นว่า
“ตรงนี้แดดแรง.. เข้าไปข้างในกันดีกว่า!”
ภัตตาคารจิงฉูมีทั้งหมดหกชั้น และชั้นบนสุดจะเป็นห้องที่หรูหราที่สุด และเป็นห้องที่เปิดโล่งให้เห็นทิวทัศน์ที่งดงามได้อย่างชัดเจน
เสี่ยวเม่ยหนิงคุ้นเคยกับภัตตาคารแห่งนี้ดี เธอจึงเป็นฝ่ายเดินนำทุกคนกดลิฟท์ขึ้นไปชั้นหกทันที
ทันทีที่ประตูลิฟท์เปิดออก ร่างสวยงามที่สวมชุดพนักงานเสริฟก็ออกมายืนต้อนรับพร้อมกับถามขึ้นอย่างสุภาพ
“ไม่ทราบว่าท่านจองห้องใหนไว้คะ?”
เสี่ยวเม่ยหนิงตอบกลับไปห้วนๆ “ห้องชมทะเลสาบ..”
พนักงานเสริฟสาวสวยตอบกลับด้วยน้ำเสียงไพเราะอ่อนน้อม “เชิญทุกท่านตามมาทางด้านนี้เลยค่ะ..”
ห้องชมทะเลสาบนั้นเป็นห้องส่วนตัวของภัตตาคารจิงฉูที่สามารถมองเห็นทะเลสาปจิงฉูได้ชัดเจนที่สุด และกว้างที่สุด อีกทั้งยังเป็นห้องใหญ่ที่สามารถจุคนได้ถึงสิบคน บรรยากาศภายในก็ตกแต่งหรูหรา อีกทั้งยังเงียบสงบเป็นส่วนตัวอย่างมาก
ภายในห้องส่วนตัวนี้.. ผนังสองด้านล้วนเป็นกระจกใสทั้งหมด ทำให้ผู้ที่อยู่ในห้องสามารถมองเห็นทิวทัศน์อันงดงามของทะเลสาบได้อย่างชัดเจนในระหว่างที่รับประทานอาหาร ไม่ว่าจะเป็นภูเขา ทะเลสาบ ภาพทิวทัศน์ในมุมกว้าง ไปจนถึงต้นไม้หนาแน่นรอบๆทะเลสาบ
ทั้งสามคนได้จองห้องส่วนตัวที่หรูหราห้องนี้ไว้ตั้งแต่แรกโดยไม่นึกเสียดายเงินแม้แต่น้อย และห้องส่วนตัวห้องนี้ก็มีมูลค่าสูงถึงชั่วโมงละสามพันหยวนเลยทีเดียว
เสี่ยวเม่ยหนิงไม่สนใจเรื่องจำนวนเงิน เพราะเธอไม่ได้พบหน้าหลิงหยุนมาเกือบหนึ่งเดือนเต็ม เธอจึงต้องการเลี้ยงต้องรับหลิงหยุนอย่างอบอุ่นที่สุด และต้องการนั่งกินอาหาร ชมทิวทัศน์ที่สวยงามในห้องส่วนตัวอย่างสบายอกสบายใจ
“วันนี้ให้ผมขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารสาวสวยทั้งสอง อยากกินอะไรก็สั่งตามสบายเลย ไม่ต้องเกรงใจ..”
ตอนนี้หลิงหยุนมีเงินสดอยู่ในมือถึงห้าล้านหยวน..
เสี่ยวเม่ยหนิง และเหมี่ยวเสี่ยวเหมายิ้มให้กับพนักงานเสริฟสาวสวยที่กำลังจ้องมองหลิงหยุนอย่างเปิดเผย และเมื่อได้ยินหลิงหยุนพูดเช่นนั้น สองสาวก็ไม่มีท่าทีเกรงใจอีกเลย ทั้งคู่สั่งอาหารที่ขึ้นชื่อของภัตตาคารจิงฉูถึงสี่อย่าง และปิดท้ายด้วยซุป
เมื่อพนักงานเสริฟออกจากห้องไป ร่างสวยบอบบางราวกับนางแบบของเสี่ยวเม่ยหนิงก็เดินตรงไปยืนอยู่ข้างหลิงหยุนที่กำลังยืนมองทิวทัศน์อยู่
“พี่หลิงหยุน.. พี่ว่าจะมีปรากฏการณ์มังกรเล่นน้ำเกิดขึ้นที่ทะเลสาบจิงฉูอีกมั๊ย?”
เสี่ยวเม่ยหนิงนึกถึงวันที่เกิดปรากฏการณ์มังกรเล่นน้ำที่ทั้งน่าตกใจ และน่าหลงใหล ซึ่งเธอได้ไปดูอย่างใกล้ชิดบนผาพยัคฆ์
หลิงหยุนเองก็ไม่รู้ว่ามังกรที่ออกมาเล่นในวันนั้นมาจากใหน จึงได้แต่ส่ายหน้า “ไม่น่าจะมีนะ!”
เสี่ยวเม่ยหนิงเพิ่งจะพูดจบ ก็ได้ยินเสียงพนักงานเสริฟสาวสวยเดินกลับเข้ามาในห้อง สีหน้าของเธอดูกระอักกระอ่วนใจและลังเล ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ท่านคะ.. ทางร้านต้องขออภัยจริงๆ พอดีมีแขกคนสำคัญมาที่ร้าน และต้องการที่จะใช้ห้องนี้ ทางเราขออนุญาตเปลี่ยนห้องใหม่ให้กับท่านนะคะ!”
เสี่ยวเม่ยหนิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอเงยหน้าขึ้นมองหลิงหยุนเป็นเชิงปรึกษา
วันนี้หลิงหยุนค่อนข้างอารมณ์ดี เขาจึงยิ้มและตอบกลับไปว่า “พวกเรามาที่นี่เพื่อทานอาหาร กินแล้วก็จะไป เปลี่ยนห้องก็ไม่เป็นอะไรนี่!”
เสี่ยวเม่ยหนิงดูเหมือนจะไม่พอใจ เธอไม่ยอมและหันไปตอบด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “ห้องนี้ฉันเป็นคนโทรจองผ่านผู้จัดการที่นี่..”
เสี่ยวเม่ยหนิงคิดว่าเธอคงจะอารมณ์เสีย และกินอาหารไม่อร่อยหากต้องถูกย้ายห้อง เธอจึงไม่ยอมที่จะเปลี่ยน.. แต่ก็เกรงว่าจะทำให้พนักงานเสริฟลำบากใจ จึงพยายามอธิบายให้เธอฟังอย่างอดทน
แต่ยังไม่ทันที่เสี่ยวเม่ยหนิงจะได้อธิบายจนจบ ก็มีคนพูดแทรกขึ้นมาอย่างไร้มารยาท!
เสียงพูดห้วนๆ ที่แสดงถึงความยะโสโอหังดังขึ้นอยู่หน้าห้อง “จองไว้แล้วยังไง? วันนี้ห้องนี้ไม่เปิดรับแขก ถ้าอยากจะกินอาหารที่นี่ ก็เปลี่ยนไปกินห้องอื่นซะ! ไม่อย่างนั้นก็ออกไปกินที่อื่น!”
ทั้งเสี่ยวเม่ยหนิง และเหมี่ยวเสี่ยวเหมาสีหน้าเปลี่ยนไปทันที และใบหน้าสวยงามก็เปลี่ยนเป็นดุดันบูดบึ้งเย็นชาราวกับปีศาจ
หลิงหยุนเองก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่แล้วก็กลับเข้าสู่สภาพเดิมเกือบจะทันที เขายกมือขึ้นพร้อมกับกดไหล่เสี่ยวเม่ยหนิงให้นั่งลงพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“หนิงน้อย.. นั่งลงแล้วรออาหารมาเสริฟ!”
ความจริงก็แค่อาหารมื้อเดียว หากอีกฝ่ายพูดจาด้วยดี หรือแม้แต่ไม่ปรากฏตัวออกมา หลิงหยุนก็ตั้งใจว่าจะยอมเปลี่ยนห้องให้อยู่แล้ว แต่หมอนี่กลับพูดจายะโสโอหังอย่างมาก จนหลิงหยุนเปลี่ยนใจที่จะอยู่ในห้องนี้ต่อไป
หลิงหยุนหันไปมองที่หน้าประตูพร้อมกับเดินไปนั่งที่เก้าอี้ แล้วหันหน้าออกไปดูให้ชัดเจนว่าผู้ที่มาเห่าหอนอยู่หน้าประตูนั้นคือใครกันแน่
ร่างสูงใหญ่อ้วนท้วนที่อยู่หน้าห้อง เดินตรงเข้ามาในห้องพร้อมกับร้องตะโกนสั่งว่า
“ทำไมยังไม่ลุกกันอีก? ออกไปจากห้องนี้ได้แล้ว เจ้านายของฉันกับแขกกำลังจะมาถึงแล้ว! โอ้โห.. หน้าตาสวยไม่เบาเลย..”
ชายหนุ่มสูงใหญ่ร่างอ้วนที่เพิ่งเดินเข้ามา ถึงกับร้องเสียงสูงเมื่อได้เห็นสาวสวยสองคนที่นั่งอยู่ภายในห้อง สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่สองสาวโดยไม่สนใจใยดีหน้าตาหล่อเหลาของหลิงหยุนเลยแม้แต่น้อย!
หลิงหยุนได้แต่นึกขันจึงพูดออกไปว่า “นึกว่าใคร? ที่แท้ก็สุนัขเห่าเก่ง..”
“นี่แกพูดอะไร? กล้าพูดอีกทีสิ?”
ชายร่างอ้วนได้ยินหลิงหยุนพูดถึงกับร้องตะโกนออกมาด้วยความโมโห และปรี่เข้าไปหาหลิงหยุนทันที
ด้วยความแข็งแกร่งของหลิงหยุนเวลานี้ เขาไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านกับคนธรรมดาร่างใหญ่ที่ไร้วรยุทธผู้นี้เลยแม้แต่นิดเดียว แต่ชายร่างอ้วนนี้กลับพูดจาทำลายอารมณ์ดีๆของเขาถึงสองครั้งสองครา
“อ่อ.. ขอโทษ! ฉันพูดผิดไป ไม่ใช่สุนัข.. แต่น่าจะเป็นหมูมากกว่า..” หลิงหยุนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เห็นชายร่างอ้วนไม่ต่างจากลิงตัวหนึ่งเท่านั้น
เหมี่ยวเสี่ยวเหมา และเสี่ยวเม่ยหนิงต่างก็พากันหัวเราะคิกคัก
พนักงานเสิรฟสาวมีสีหน้ากระอักกระอ่วนทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวลเพราะไม่รู้จะทำเช่นไรดี..
ชายสูงใหญ่ร่างอ้วนนั้นโมโหอย่างมาก แต่ก็พยายามไม่ให้ตนเองถูกหลิงหยุนยั่วโมโหได้ เพราะเจ้านายของเขาและแขกวีไอพีกำลังจะมาถึงในไม่ช้า หากมาพบเขามีเรื่องและสร้างความวุ่นวายที่นี่ รับรองว่าเขาคงต้องถูกตำหนิแน่
“เจ้าหนู.. แกรู้มั๊ยว่าใครที่กำลังจะมากินอาหารที่ห้องนี้? ฉันขอแนะนำให้รีบเปลี่ยนห้องจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นถ้าพวกเขามาถึง นายจะไม่ได้กินซะเปล่าๆ!”
ชายร่างอ้วนใหญ่ร้องเตือนหลิงหยุนด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจ ราวกับว่าในเมืองจิงฉูนี้จะไม่มีใครกล้าทำให้เจ้านายของเขาขุ่นเคืองใจ
หลิงหยุนกลับหัวเราะหึหึพร้อมกับตอบไปว่า “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเจ้านายของแกเป็นใคร? แล้วก็ไม่ได้อยากรู้ด้วย และฉันก็ขอบอกแกอีกครั้งว่า ฉันจะไม่เปลี่ยนห้องเด็ดขาด!”
“นี่แก..! ได้.. ในเมื่อฉันเตือนแกดีๆแล้ว แกคอยก่อน เดี๋ยวแกได้เจอดีแน่!”
ชายร่างอ้วนใหญ่รีบหยิบโทรศัพท์มือถืออกมาโทรโดยไม่สนใจหลิงหยุนอีก
“ที่นี่มีเด็กหนุ่มหน้าตาดีไม่ยอมเปลี่ยนห้อง แกพาพวกมาหลายๆคน แล้วมาจับเจ้าเด็กนี่โยนออกไปข้างนอก!”