[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]

บทที่ 526 : เกิดเหตุในภัตตาคารจิงฉู!

พนักงานสาวเสริฟคนสวยเริ่มเห็นว่าเหตุการณ์กำลังจะบานปลายกันใหญ่ และเกรงว่าหลิงหยุนจะได้รับอันตราย เธอจึงรีบพูดขึ้นเพื่อให้จางเติงเกอหายโมโห..

“หัวหน้าคะ.. ทางผู้จัดการเพิ่งจะโทรมาบอกให้ทางเราเปลี่ยนห้องให้ท่านค่ะ และก่อนที่ท่านจะเข้ามา ลูกค้าท่านนี้ก็ได้รับปากที่จะเปลี่ยนห้องให้แล้วค่ะ..”

‘หัวหน้า’ ที่พนักงานเสริฟสาวสวยพูดถึงนั้นก็คือชายร่างสูงอ้วนท้วนผู้นี้นี่เอง เขาชื่อจางเติงเกอเป็นหัวหน้าฝ่ายดูแลจัดการของสำนักงานเขตจิงฉี และยังเป็นอันธพาลในย่านนี้ด้วย เขามีศักดิ์เป็นญาติห่างๆของเสียเจิ้นติง และมักจะทำตัวกร่างจนไม่มีใครกล้าตอแย!

ความจริงแล้วตำแหน่งของจางเติงเกอก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรนัก เพียงแต่คนที่หนุนหลังเขาอยู่นั้นไม่ธรรมดาเลย อีกทั้งตัวเขาเองก็มารับประทานอาหารที่ภัตตาคารแห่งนี้อยู่เป็นประจำ พนักงานเสริฟสาวสวยจึงจดจำเขาได้ และพยายามที่จะพูดจานุ่มนวลเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องราวใหญ่โต

“มันต้องการเปลี่ยนห้องตอนนี้ก็สายไปแล้ว ฉันจะให้มันได้รับบทเรียนที่ยากจะลืมเลยล่ะ!”

จางเติงเกอได้โทรหาเรียกลูกน้องของเขามาแล้ว และตอนนี้ก็ยังไม่เที่ยงดี ยังเหลืออีกตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าเจ้านายของเขาจะมาถึง เวลาครึ่งชั่วโมงนั้นมากพอที่จางเติงเกอจะจัดการเคลียร์พื้นที่ในห้องนี้ เขาจะจัดการเขี่ยไอ้กระจอกนี่ออกไปก่อน เจ้านายของเขากับแขกที่มาจะได้รับประทานอาหารกันได้อย่างสบายอกสบายใจ

เมื่อพนักงานเสริฟเห็นจางเติงเกอไม่ฟังคำพูดของเธอ จึงได้แต่หันไปมองหลิงหยุนด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าเธอไม่สามารถช่วยอะไรได้จริงๆ

หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับกวักมือเรียกพนักงานเสริฟสาวสวยให้เข้ามาหาพร้อมกับพูดขึ้นว่า

“คนสวย.. ยังไงวันนี้ผมก็ไม่เปลี่ยนห้อง! คุณช่วยไปเปิดกระจกหน้าต่างออกให้ผมที..”

หลิงหยุนพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปทางกระจกหน้าต่าง ห้องดูทะเลสาบนี้อยู่ห่างจากทะเลสาบจิงฉูเพียงแค่ห้าสิบเมตรเท่านั้น

พนักงานเสริฟหันไปมองเครื่องปรับอากาศภายในห้อง และอดสงสัยไม่ได้ว่าเครื่องปรับอากาศก็ใช้การได้ดี เหตุใดจึงต้องเปิดหน้าต่าง?

“ฉันเปิดให้เอง!”

เสี่ยวเม่ยหนิงดูเหมือนจะเดาออกว่าหลิงหยุนกำลังต้องการจะทำอะไร? เธอยิ้มพร้อมกับลุกขึ้นไปเปิดกระจกหน้าต่างให้ทันที และเมื่อหน้าต่างถูกเปิดออก ลมร้อนก็พัดวูบเข้ามาในห้อง..

แม้แต่เหมี่ยวเสี่ยวเหมาเองก็มองหลิงหยุนด้วยความสงสัย.. เธอไม่เข้าใจว่าหลิงหยุนกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่? เธอจึงได้แต่ถอนหายใจพร้อมกับส่ายหน้า จากนั้นก็หันไปมองชายร่างสูงอ้วนด้วยความสงสาร!

แทบไม่ต้องสงสัย.. จางเติงเกอกำลังจะพบกับความโชคร้ายอย่างแน่นอน!

“เจ้าหนู… ฉันจะคอยดูว่าแกจะตายยังไง?”

จางเติงเกอยังไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังจะต้องพบเจอกับหายนะครั้งใหญ่ และยังคงกระหยิ่มยิ้มย่อง..

เพียงไม่นาน.. เจ้าหน้าที่ฝ่ายดูแลจัดการของสำนักงานเขตจิงฉีแปดคนก็เข้ามาถึงในห้องดูทะเลสาบ ทั้งหมดต่างก็เป็นลูกน้องของจางเติงเกอ เมื่อมาถึงจึงร้องถามขึ้นทันที

“พี่จาง.. พวกมันอยู่ใหน? ดูท่าคงไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้แล้วสิท่า ถึงได้กล้ากวนใจพี่!”

เมื่อจางเติงเกอเห็นลูกน้องของตัวเองมาถึง เขาก็ยิ่งลำพองมากขึ้น จางเติงเกอยิ้มเย้ยพร้อมกับชี้นิ้วไปทางหลิงหยุนที่ยังคงนั่งยิ้มพร้อมกับสั่งว่า

“วันนี้ผู้อำนวยการหลิวมีแขกคนสำคัญ และต้องการที่จะใช้ห้องนี้ แต่เจ้าเด็กนี่กลับไม่ยอมเปลี่ยนห้อง มันกล้ายั่วโมโหฉัน พวกนายจัดการสั่งสอนมัน!”

“อะไรกัน? รู้ทั้งรู้ว่าพี่เป็นใครแต่ก็ยังกล้างั้นเหรอ? ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเราจัดการกับมันเอง..”

เมื่อทั้งแปดคนได้ยินคำพูดของจางเติงเกอ ต่างก็ร้องเสียงดังออกมาอย่างไม่พอใจ และเดินพับแขนเสื้อเข้าไปหาหลิงหยุนทันที..

“ฟังนะ..! จัดการเฉพาะเจ้าเด็กหน้าสวยนั่น อย่าทำร้ายผู้หญิงสวยสองคน..”

จางเติงเกอดูเหมือนจะกระเหี้ยนกระหืออย่างมากเมื่อเห็นสาวสวยสองคนที่นั่งอยู่ห้อง ดวงตาของมันจับจ้องอยู่ที่หน้าอกตั้งตรงของสองสาว และกำลังคิดหาวิธีที่จะจัดการกับสาวสวยทั้งสองคนต่อ

“ถ้าพวกนายพร้อมแล้ว ก็จัดการกับมันได้เลย!”

หนึ่งในนั้นที่ดูเหมือนจะเป็นหัวโจก มีศรีษะใหญ่โตเกือบเท่าลูกแตงโมหันไปมองลูกน้อง และเดินนำเข้าไปคนแรก

หลิงหยุนยังคงนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ เขาเหลือบมองชายหัวโตที่วิ่งเข้ามายืนตรงหน้าพร้อมกับยกมือขึ้นห้าม

“รอเดี๋ยว..”

ชายหัวโตหยุดทันทีพร้อมกับถามขึ้นว่า “รอ.. รออะไร? เจ้าหนู.. คิดจะยอมแพ้ตอนนี้ ฉันว่ามันสายไปแล้วล่ะ!”

ระหว่างที่ชายหัวโตหยุดคุยกับหลิงหยุนนั้น อีกเจ็ดคนที่วิ่งตามมาก็หยุดตาม หลิงหยุนจึงถามขึ้นอย่างใจเย็นว่า

“ฉันแค่จะถามพวกแกว่า.. ในนี้มีใครกลัวเปียกน้ำบ้างมั๊ย?”

ชายหัวโตถึงกับงุนงงพร้อมกับคิดในใจว่า ฝนก็ยังไม่ตก แล้วทำไมถึงต้องเป็นห่วงว่าพวกเขาจะเปียกน้ำด้วย แต่ก็ตอบกลับไปว่า

“เจ้าหนู.. แกไม่ต้องมาถ่วงเวลาเลย! ตอนนี้ไม่มีใครช่วยแกได้แน่ ต่อให้แกยอมรับผิดกับพวกฉัน ก็ต้องรอให้พวกฉันซ้อมแกให้หนำใจก่อน!”

ภัตตาคารจิงฉูเป็นร้านอาหาร และตอนนี้ก็เป็นเวลาเที่ยงตรง ชั้นหกทั้งชั้นจึงมีแขกเหรื่อนั่งรับประทานอาหารอยู่เต็มไปหมด แต่คนพวกนี้กลับกล้าเข้ามาทำร้ายคนถึงในห้องส่วนตัว เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่เห็นแขกคนอื่นอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย

“เลิกไร้สาราะแล้วก็ลากเจ้าเด็กนั่นออกไปจัดการข้างนอกได้แล้ว!”

จางเติงเกอรู้ดีว่าเดี๋ยวต้องมีการซ้อมใหญ่อย่างแน่นอน เขาจึงต้องการให้นำตัวหลิงหยุนออกไปจัดการด้านนอก และต้องทำทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนที่ผู้อำนวยการหลิว และแขกคนสำคัญจะมาถึง

หลังจากคำสั่งของจางเติงเกอ ชายทั้งแปดคนก็เข้าไปล้อมร่างของหลิงหยุนไว้ พนักงานเสริฟสาวสวยก็ได้แต่ยืนหวาดกลัว และทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นว่ากำลังจะเกิดเรื่อง

ทางด้านเหมี่ยวเสี่ยวเหมา และเสี่ยวเม่ยหนิงนั้น ต่างก็นั่งนิ่งอยู่ในท่าเดิม ใบหน้าของทั้งคู่เปื้อนยิ้มขณะที่รอคอยฉากสนุกสนานที่กำลังจะเกิดขึ้น

หญิงสาวทั้งสองเคยเห็นหลิงหยุนฆ่าคนมาก่อนหน้านี้แล้ว อันธพาลร่างใหญ่เจ็ดแปดคนนี้อาจจะดูน่ากลัวสำหรับคนธรรมดาทั่วไป แต่สำหรับหลิงหยุนแล้ว พวกมันไม่ต่างจากมดตัวหนึ่งเท่านั้น..

อันธพาลทั้งแปดคนไม่รอช้า ต่างก็กรูเข้าไปล้อมหลิงหยุน และหลิงหยุนเองก็ไม่รอช้าเช่นกัน เขาเพียงแค่สะบัดข้อมือเบาๆ

ปัง..! ปัง..! สิ้นเสียงที่ดังขึ้น ร่างใหญ่สองร่างก็ลอยกระเด็นออกไปทางหน้าต่างที่เปิดรอไว้ทันที!

และห้องนี้ก็อยู่ชั้นหก!

อ๊าก..!!

ชายร่างใหญ่ต่างก็พากันกรีดร้องอย่างน่าสยดสยอง ทุกคนต่างก็ดิ้นรนทั้งแขนทั้งขา แต่ก็ไม่เป็นผล ร่างของพวกมันลอยละลิ่วออกไปนอกหน้าต่าง และตกลงไปในทะเลสาบทันที!

“ห๊ะ.. นี่มัน!”

หากนับจางเติงเกอด้วย.. พวกมันก็เหลือกันอีกเจ็ดคนที่อยู่ในห้อง พนักงานเสริฟสาวได้แต่ยืนงง!

ทุกคนที่อยู่ในห้องต่างก็มองแทบไม่ทัน แต่เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้อง ลูกน้องของจางเติงเกอก็ได้ถูกจับโยนออกไปนอกหน้าต่างแล้ว

“แย่แล้ว.. นี่แกกล้าฆ่าคน! แกฆ่าคนตาย!”

เมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้า ชายหัวโตที่ดูเหมือนจะเป็นหัวโจกก็ไม่กล้าที่จะแตะต้องตัวหลิงหยุนอีกเลย เขากรีดร้องออกมาอย่างหวาดกลัวเมื่อเห็นลูกน้องของตัวเองถูกจับโยนออกนอกหน้าต่าง

แต่ชายหัวโจกและคนอื่นๆต่างก็ลืมไปว่า ห้องส่วนตัวห้องนี้อยู่ห่างจากทะเลสาบจิงฉูเพียงแค่ห้าเมตรเท่านั้น ถึงแม้จะอยู่สูงถึงหกชั้น แต่คนที่ถูกโยนลงไปก็ล้วนแต่ตกลงไปในน้ำทั้งสิ้น

“นี่.. นี่..”

เมื่อจางเติงเกอและคนอื่นๆได้สติ และรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นนั้น ทุกคนต่างก็หน้าซีดเผือดไปหมดหลังจากที่ได้เห็นภาพที่น่าสยดสยองนี้ จางเติงเกอเองก็ไม่เคยพบเห็นใครที่กล้าจับคนโยนลงจากตึกเช่นนี้มาก่อน!

“แย่แล้ว.. เด็กนี่ฆ่าคน!”

แม้แต่จางเติงเกอที่เป็นคนใจคอโหดเหี้ยม และเคยทำให้คนอื่นได้รับบาดเจ็บสาหัสมามากมาย ก็ยังจ้องมองด้วยความตกตะลึง!

คนที่เหลือต่างก็หวาดกลัวจนหน้าซีดเมื่อเห็นหลิงหยุนกล้าฆ่าคนในเวลากลางวันแสกๆ

ส่วนหลิงหยุนนั้นกลับหัวเราะอย่างมีความสุข เขาพูดกับหนิงน้อยด้วยแววตาเรียบเฉย “หนิงน้อย.. อย่ามัวแต่หัวเราะ รีบโทรแจ้งหน่วยกู้ภัยเร็วเข้า!”

หลิงหยุนไม่ได้จับคนโยนเช่นนี้นานแล้ว เขากำลังนึกสนุก และต้องการทำให้พวกโง่นี้หวาดกลัว แต่ก็ลืมคิดไปว่าคนพวกนี้อาจจะว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ร้องบอกเสี่ยวเม่ยหนิงให้โทรหาหน่วยกู้ภัย

เสี่ยวเม่ยนหนิงตอบกลับไปยิ้มๆ “ไม่ต้องห่วง ข้างล่างมีเรือ..”

เสี่ยวเม่ยหนิงพูดไม่ผิด.. ในทะเลสาบจิงฉูมีสปีดโบ๊ทแล่นอยู่ จึงไม่ต้องกังวลเรื่องที่คนพวกนั้นจะว่ายน้ำเป็นหรือไม่? หลิงหยุนคิดแล้วก็ได้แต่ยิ้ม และเตรียมส่งพวกมันลงไปเล่นน้ำในทะเลสาบทีละคน

คนที่เหลือทั้งหมดถูกจับโยนลงไปภายในเวลาไม่ถึงครึ่งนาที.. ลูกน้องที่จางเติงเกอโทรเรียกมาทั้งแปดคนนั้น ถูกหลิงหยุนจับโยนลงไปที่ทะเลสาบจิงฉูจนหมดแล้ว

“นี่.. นี่..”

จางเติงเกอถึงกับตกตะลึง เขาไม่นึกไม่ฝันว่าเด็กหนุ่มที่มีรอยยิ้มสวยงามนี้ จะมีอุปนิสัยที่ดุดันโหดร้ายเช่นนี้!

ระหว่างที่หลิงหยุนจับคนโยนออกไปนอกหน้าต่างพร้อมกับหัวเราะอย่างสนุกสนานนั้น ด้านล่างก็มีเสียงกรีดร้องดังไปหมด ต่างก็ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ และสปีดโบ๊ทก็พุ่งออกไปช่วยคนทันที

หลิงหยุนยกมือขึ้นกวักเรียกจางเติงเกอพร้อมกับถามยิ้มๆ “เจ้าอ้วนมานี่.. วันนี้อากาศร้อนมาก อยากจะลงไปว่าน้ำในทะเลสาบเล่นบ้างมั๊ย?”