897 หัวใจสื่อถึงกัน
เมื่อทุกคนในครอบครัวมารวมตัวกันก็ทําให้บรรยากาศดูครึกครื้น
“ว้าว! สวยมาก!”
นี่เป็นครั้งแรกที่ตู้หมิงหยางได้พบหน้าซูเสี่ยวซวี ทําให้เขารู้สึกตะลึงมาก แน่นอนว่าเขาเคยยินหวังรุ่ยพูดถึงฐานะของซูเสี่ยวซวีมาก่อน ซึ่งมันยิ่งน่าตกตะลึง โดยเฉพาะกับเขาที่ทํางานในสายงานราชการ สถานะของเธอสูงส่งมากและเธอก็สูงค่ามากด้วย เธอจะกลายมาเป็นน้องสะใภ้ ในอนาคตของภรรยาเขา มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมาก
เขาสงสัยว่าน้องเขยของเขามีความสามารถอะไร ถึงสามารถเอาชนะใจชนชั้นสูงแบบนี้ได้ อีกทั้งยังดูเหมือนฝ่ายหญิงจะเป็นฝ่ายไล่ตามเขาด้วย
“เรามาเล่นไพ่กันดีไหม?” หลังจากจบมื้อค่ํา ตู้หมิงหยางก็เสนอเรื่องเล่นไพ่ขึ้นมา
“เอาสิ”
จางซิวหยิงไม่ได้เล่นด้วย ที่เหลืออีกห้าคนจึงสู้กันเพื่อปกป้องตําแหน่งจักรพรรดิ
ในรอบแรก ซูเสียวซวีเป็นจักรพรรดิ และหวังเย้าเป็นผู้ปกป้อง พวกเขาชนะไปได้อย่างง่ายดาย ในรอบที่สอง หวังเข้าเป็นจักรพรรดิและซูเสี่ยวซวีเป็นผู้ปกป้อง พวกเขาชนะอีกครั้ง ในรอบที่สาม ทั้งสองคนก็ยังชนะได้อีก
“ไม่มีทางน่า สองคนนี้ต้องใจสื่อถึงกันแน่ๆ” ตู้หมิงหยางพูดด้วยความประหลาดใจ “บังเอิญน่ะครับ แค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม
บอกตามตรง เขาก็คิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญจนเกินไป
“ฉันไม่เชื่อหรอก มาเล่นกันอีกตาเถอะ!”
“ฮ่าฮ่า ฉันได้เป็นจักรพรรดิแล้ว” ตู้หมิงหยางพูด “แล้วใครได้เป็นผู้ปกป้องล่ะ?”
“ฉันเอง ฉันเอง” หวังรุ่ยพูดอย่างยินดี
ในรอบนี้ ทั้งสองคนรวมทีมกัน แต่กลับแพ้ไป
“นี่มันอะไรกัน? ฉันแพ้สี่ตาติดๆกันเลย!” ตู้หมิงหยางเผลอตัวยื่นมือออกไปหยิบบุหรี่จากในกระเป๋า แต่แล้วก็รู้สึกเย็นที่หลังคอ เขาจึงเงยหน้าและเห็นหวังรุ่ยกําลังจ้องเขาเขม็ง
“มันชินน่ะ ฮาฮา” เขาเกาหัวและยิ้มให้อีกฝ่าย
ตั้งแต่ที่รู้ว่าภรรยาของเขาตั้งครรภ์ เขาก็ไม่เคยสูบบุหรี่ที่บ้านเลยแม้แต่มวนเดียว เมื่อทนไม่ไหวเขาก็จะเคี้ยวหมากฝรั่งแทน อย่างมากที่สุด เขาจะสูบเพียงแค่หนึ่งหรือสองมวนเวลาที่ออกไปดื่มกับเพื่อนฝูง ในตอนนั้น เขายังต้องยืนอยู่ข้างนอกเพื่อให้ลมพัดกลิ่นออกจากตัวเขา หลังจากมั่นใจแล้วว่าไม่มีกลิ่นแล้ว เขาถึงได้กลับเข้าบ้าน ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเขากลัวว่ากลิ่นจะส่งผลเสียกับหวังรุ่ย พูดได้ว่า เขาเป็นสามีที่มีความรับผิดชอบและรักภรรยาของเขามาก
“อีกแล้ว” หวังรุ่ยพูด เธอรู้สึกเช่นกันว่า เกมส์นี้ดูน่าสงสัยอยู่เล็กน้อย
“เอาล่ะ มาเล่นกันอีกตาดีกว่า” หวังเข้าไม่ได้กระตือรือร้นและให้ความสนใจมากนัก ส่วนซูเสี่ยวซวีที่นั่งอยู่ข้างๆกลับยิ้มกว้าง เธอรู้สึกขัดเขินเล็กน้อย เธอชนะไปสี่ตารวดแล้ว เธอไม่รู้ว่าทําไมโชคของเธอถึงดีแบบนี้ ทั้งที่เธอไม่ค่อยได้เล่นไพ่บ่อยนัก ครั้งนี้ เธอได้ไพ่ดีทุกตา ทั้งยังเป็นไพ่ที่ดีมากๆและเธอยังอยู่ทีมเดียวกับหวังเย้าด้วย เธอมีความสุขมาก เธอเล่นไพ่และเอาชนะมาได้อย่างง่ายดาย มันก็ง่ายๆแค่นี้
สําหรับตานี้ ซูเสี่ยวซวีได้เป็นจักรพรรดิและหวังเย้าเป็นผู้ปกป้อง พวกเขาชนะอีกครั้ง ทั้งยังง่ายดายและรวดเร็วโดยไร้อุปสรรค
“พระเจ้า!” ตู้หมิงหยางพูดอะไรไม่ออก
เขาอยากชนะสักรอบ แต่เขาก็ไร้หนทางและทําอะไรไม่ได้ ไพ่สูงสุดในสํารับก็คือเอชสองใบ แล้วเขาจะเอาชนะได้ยังไง? ถึงเขาจะเก็บสีหน้าได้ดี แต่เขาก็ต้องมีไพ่ดีด้วย
“อีกแล้ว!”
เขาเริ่มมีความคิดอย่างนักพนัก เขาอยากชนะสักตากลังจากที่แพ้ติดต่อกันมาหลายตาแล้ว แน่นอนว่าเขาไม่ได้เป็นหนักขนาดนั้น สิ่งสําคัญคือเขายังไม่ยอมแพ้ เขามักจะร่วมทีมกับภรรยา และพ่อตา แต่เขากลับไม่เคยชนะเลยสักตา เขารู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องเท่าไหร่
พวกเขาเล่นไพ่ต่อไป หลังผ่านไปอีกสองตา เขาก็ยังคงไม่ชนะเลยสักครั้ง เขาแพ้ราบคาบ แม้แต่เลนไพ่เขาก็ยังไม่มีโชค หวังเย้ากับซูเสี่ยวซวีอยู่ทีมเดียวกันตลอดทั้งคืน และพวกเขาก็ชนะทุกตา
ช่วยอย่าใช้ใจสื่อถึงกันแบบนี้จะได้ไหม! ฉันทําอะไรไม่ได้เลย!
“เอาล่ะ พอเท่านี้เถอะ มันดึกแล้ว เสี่ยวรุ่ยจําเป็นต้องพักผ่อน” จางซิ่วหยิงพูด
“โอ้ จริงด้วย” ตู้หมิงหยางเห็นด้วยในทันที
ไม่มีอะไรสําคัญไปกว่าภรรยาที่กําลังตั้งครรภ์ของเขาแล้ว ในทุกคืน เธอจะแช่เท้าในน้ําอุ่น ก่อนเข้านอนตอนประมาณสามทุ่ม ไม่ว่าตู้หมิงหยางจะยุ่งแค่ไหน เขาก็จะกลับมาอยู่กับเธอก่อน
ช่วงเวลานั้น และตั้งแต่ที่หวังรุ่ยตั้งครรภ์ เขาก็เลิกดื่มหรือออกไปสังสรรค์ข้างนอก
หวังรุ่ยที่นอนอยูบนเตียงยังคงสงสัยเรื่องในตอนหัวค่ํา คืนนี้ฉันโชคไม่ดี เสี่ยวเย้ากับเสี่ยวซวีชนะตลอดและไม่เคยแพ้เลยสักตา!
“หรือบางทีใจของพวกเขาอาจจะสื่อถึงกันได้?” ตู้หมิงหยางถาม
“คุณจะบอกว่า ใจของเราไม่ได้สื่อถึงกันงั้นเหรอ?” หวังรุ่ยถาม
“ไม่ใช่ เราเป็นทีมเดียวกันตลอด แน่นอนว่าใจเราต้องสื่อถึงกัน” ตู้หมิงหยางรีบพูด
“แล้วทําไมเราถึงไม่ชนะสักตาเลยล่ะ?”
“ไพ่ของผมไม่ดี” ตู้หมิงหยางพูด “ของคุณยังดีที่ได้คิงทุกรอบ ผมได้เอชแค่ไม่กี่รอบ แต่แค่นั้นมันจะไปชนะได้ยังไงล่ะ? มันก็เหมือนกับผมถือดาบไม่ในขณะที่อีกฝ่ายถือปืนกล ถ้าผมชนะได้ก็แปลกแล้ว”
“แล้วคุณไม่สังเกตเหรอ เวลาที่เสี่ยวซวีกําลังเล่นอยู่ พ่อตาก็จะทิ้งไพ่ของเขาน่ะ?”
“หา? ฉันไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเลย” หวังรุ่ยพูด
“เอาล่ะ อย่าคิดมากเลย นอนได้แล้ว ไพ่ก็แค่เล่นกันสนุกๆเท่านั้น”
“คุณมีความสุขเหรอที่แพ้ทั้งคืนน่ะ?”
“โทษผมได้เลย เป็นความผิดของผมเอง นอนได้แล้วนะ”
ภายในบ้านเงียบเชียบ ทุกคนในบ้านต่างหลับสนิท
เช้าวันต่อมา จางซิวหยิงตื่นแต่เช้า เธอต้องเตรียมอาหารไว้สําหรับทั้งคนทั้งบ้าน หวังเย้าก็ตื่นแต่เช้าเช่นกัน เขาจึงไปช่วยแม่ของเขา ซูเสี่ยวซวีที่ตื่นเกือบจะพร้อมกันก็เข้าไปช่วยในห้องครัว
เช่นเดียวกัน
“เสี่ยวซวีไม่ต้องช่วยหรอกจ๊ะ ทําไมหนูไม่กลับไปนอนต่ออีกสักหน่อยล่ะจ๊ะ?”
“ไม่ดีกว่าค่ะ คุณป้า หนูไม่ง่วงแล้ว”
เสียงดังวุ่นวายของการเริ่มต้นวันใหม่
ในที่สุดก็ถึงวันเปิดบริษัทหนานชานเภสัช
เป็นครั้งแรกที่หวังเย้าสวมชุดสูท เขาดูสะอาดสะอ้าน ซูเสี่ยวซวีก็อยู่ในชุดสวย
เจิ้งเหว่ยจวินเตรียมทุกอย่างเอาไว้พร้อม ดวงตาของเขาเป็นประกายเมื่อได้เห็นคนทั้งสอง
โดยเฉพาะซูเสี่ยวซวี เป็นผู้หญิงที่สวยมาก! เมื่อเขาได้ยินคําแนะนําจากหวังเย้า เขาก็แทบจะเดาที่มาที่ไปของเธอได้ในทันที
เธอคือหนึ่งในสมาชิกของตระกูลซูในปักกิ่ง
เขาพอจะรู้เรื่องในปักกิ่งอยู่บ้าง
“ยินดีต้อนรับครับ ยินดีต้อนรับ”
“ขอบคุณค่ะ”
หวังเย้าเดินน่าซูเสี่ยวซวีเข้าไปในโรงงาน เขาเดินไปรอบๆและเห็นคนงานกําลังยุ่งกันอยู่ด้านนอก เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเขตและเมืองเดินทางมาถึงแล้ว
เมื่อถึงเวลาตามฤกษ์ ริบบิ้นถูกตัด พิธีเปิด จุดประทัด และมีการเชิดสิงโต บรรยากาศเต็มไปด้วยความครึกครื้น
ทางเขตและเมืองให้ความสําคัญกับบริษัทนี้มาก ห่ายชิวเป็นเมืองรองระดับสี่ มันเป็นเมืองใหม่ที่มีรากฐานยังไม่มั่นคงและมีพื้นที่น้อย ไม่มีบริษัทยักษ์ใหญ่หรือบริษัทไฮเทคเข้ามาลงทุนที่เมืองนี้ ข้อดีอย่างเดียวของเมืองนี้ก็คือการมีท่าเรือ แต่ผลประกอบทางธุรกิจกลับย่ําแย่ เมืองนี้นับได้ว่ามีรายได้น้อยที่สุดในจังหวัดแล้ว
เจ้าหน้าที่รัฐก็ได้แต่หวังว่า เมืองที่เขาดูแลจัดการอยู่จะมีการพัฒนาและมีอะไรให้อวดได้บ้าง นี่ถือเป็นบริษัทผลิตยาแห่งแรกของห่ายชิว มันอาจฟังดูเหลือเชื่อที่ไม่มีบริษัทผลิตยาอยู่ในเมืองนี้เลย สําหรับบริษัทหนานชานเภสัชแล้ว ทางเขตและเมืองประกาศไว้ชัดแล้วว่า พวกเขาจะมีการท่านโยบายที่ช่วยส่งเสริมบริษัทอย่างเต็มที่
พิธีเปิดถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ ทุกคนต่างพอใจ
แต่หวังเย้ากลับไม่ค่อยพอใจนัก เขาพบว่า สมุนไพรในโรงเก็บนั้นไม่ได้ตรงตามมาตรฐานที่เขาต้องการ
กานเฉาคือสมุนไพรทั่วไปและสามารถนําไปทํายาได้หลากหลายชนิด มันช่วยเสริมพลังฉี, ล้างพิษ, และลดการอุดตันในเส้นเลือด ในซุปเสี่ยวเผยหยวน หน้าที่หลักของมันคือการรวบรวมสรรพคุณของตัวยาเข้าด้วยกัน มันเข้ามาแทนที่สมุนไพรวิเศษ ถึงผลของมันจะแย่กว่า แต่ก็ถือว่ามีความจําเป็นอย่างมาก
สมุนไพรชนิดนี้มีปัญหาทั้งในเรื่องของรูปทรงและกลิ่น มันไม่ใช่สมุนไพรป่า มันถูกเพาะปลูกขึ้นมาและมีส่วนผสมของสารที่เป็นอันตรายอยู่ เป็นไปได้ที่มันจะมีการใส่ฮอร์โมนหรือใส่อย่างอื่นลงไปในขั้นตอนการเพาะปลูกเพื่อเพิ่มผลผลิต
เมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยดีของหวังเย้า ซูเสี่ยวซวีก็ถามว่า “มีเรื่องอะไรเหรอคะ เชียนเชิง?”
“สมุนไพรมีปัญหา” หวังเข้าชี้ไปทางต้นกานเฉา
“มันเป็นของปลอมเหรอคะ?”
“มันไม่ใช่ของปลอม แต่ไม่ใช่สมุนไพรป่า แล้วยังไม่ใช่สมุนไพรชั้นดีอีกด้วย” หวังเย้าพูด “กลิ่นของมันผสมปนเป และสีก็ไม่ถูกต้อง ลองดูสิ” หวังเย้าชี้ให้เห็นถึงความผิดปกติของกานเฉา
“นี่เป็นสมุนไพรที่ถูกเพาะปลูกขึ้นมา” หวังเย้าพูด “มันเป็นผลผลิตระดับต่ํากว่ามาตรฐาน หลังจากนํามาใช้งาน มันจะทําให้ประสิทธิภาพของตัวยาลดลง”
เขาต้องคุยเรื่องนี้กับเจิ้งเหว่ยจวิน เขาได้เคยพูดย้ําเรื่องนี้กับอีกฝ่ายแล้วว่า ต้องเข้มงวดในเรื่องคุณภาพของสมุนไพรให้มาก สมุนไพรทั้งหมดต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่เขาตั้งเอาไว้ เป็นสมุนไพรที่มาจากการเพาะปลูกไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะสมุนไพรบางชนิดถูกนําไปปลูกไว้ในภูเขาและป่าลึก แต่พวกมันจะไม่ถูกขุดขึ้นมาจนกระทั่งถึงอายุที่เหมาะสม นั่นคือวิธีการเจริญเติบโตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมอย่างที่สุด ถึงสรรพคุณจะด้อยกว่าของป่าเล็กน้อยก็ตามที แต่กานเฉาเหล่านี้ไม่ผ่านเลยสักนิด