ตอนที่ 898 สมุนไพรดี ยาดี

Elixir Supplier

898 สมุนไพรดี ยาดี

บางเรื่องสามารถประนีประนอมกันได้ แต่บางเรื่องก็ไม่มีทางเป็นไปได้ นี่คือเรื่องของหลักการ

“เชียนเชิงคะ?”

“ไปกันเถอะ”

ตอนนี้เจิ้งเหว่ยจวินกําลังยุ่ง เขาต้องเข้าไปต้อนรับเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่มาร่วมงานตัดริบบิ้น

เปิดพิธี มันคงเป็นการดีกว่าถ้าจะบอกเขาทีหลัง

ก่อนกลับ หวังเย้าพูดกับผู้จัดการที่รับผิดชอบเรื่องการผลิตว่า “สมุนไพรพวกนี้เอามาใช้ไม่ได้นะครับ!”

“ได้ครับ คุณหวัง” เขาพูดอย่างนอบน้อม

เขารู้ว่าสถานะของหวังเย้านั้นมีความพิเศษอยู่ เขาคือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัท เจ้านายของเขาเป็นแค่ผู้ถือหุ้นรองจากเขา แต่เขากลับรับผิดชอบเรื่องการผลิตทั้งหมดของบริษัท คุณชายเจิ้งยังต้องฟังคําพูดของชายตรงหน้าเขา นอกจากนี้ คุณชายเจิ้งยังได้เน้นย้ํากับเขาเอาไว้ว่า ไม่ว่าหวังเย้าจะพูดอะไร เขาต้องเชื่อฟังคําพูดของอีกฝ่ายโดยไม่มีข้อแม้ “แล้วสมุนไพรตัวอื่นล่ะครับ?”

“สมุนไพรตัวอื่นไม่มีปัญหา แต่ถ้าไม่มีสมุนไพรตัวนี้ ก็จะไม่สามารถผลิตยาออกมาได๋” หวังเย้าพูด

“พวกคุณแค่จัดการเตรียมสมุนไพรพวกนี้ไปก่อนก็แล้วกัน”

“ได้ครับ”

หลังจากตัดริบบิ้นแล้ว ส่วนหนึ่งของเครื่องจักรในโรงงานก็เริ่มเดินเครื่อง เจิ้งเหว่ยจวินจัดการจองโรงแรมที่ดีที่สุดในเขตเหลียนชาน เพื่อเป็นการรับรองเหล่าแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานพิธี

เปิดของบริษัท

หวังเย้าไม่ได้ไปร่วมงานเลี้ยงด้วย มีแค่ไม่กี่คนที่รู้ว่าเขาเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัท และเขาก็ไม่ชอบการเข้าร่วมงานสังสรรค์แบบนี้ด้วย

ตอนกลางวัน เจิ้งเหว่ยจวินที่เมาเล็กน้อยก็กลับมาที่บริษัท เขาถึงได้รู้ว่า การผลิตไม่ได้เป็นไปตามแผนการเดิมที่วางเอาไว้ ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในด้านการผลิตเห็นเขาเข้ามาก็รีบวิ่งเข้าไปหา เขาบอกกับเจิ้งเหว่ยจวินถึงสิ่งที่หวังเย้าพูดกับเขาในตอนเช้า

สีหน้าของเจิ้งเหว่ยจวินดาคล้ําในทันที “สมุนไพรตัวนี้มีปัญหาอย่างนั้นเหรอ?”

“ครับ ผมให้คนทําการทดสอบดูแล้ว มันมีปัญหาจริงๆ สารตกค้างในสมุนไพรเกินกว่าค่า มาตรฐานไปมาก

“สารตกค้าง? ไม่ใช่ว่าผมสั่งให้จัดซื้อสมุนไพรป่ามาหรอกเหรอ? แล้วทําไมมันถึงมีสารตกค้างได้?” เจิ้งเหว่ยจวินพูดอย่างเคร่งขรึม

“ผมต้องขอโทษด้วยครับ คุณเจิ้ง”

“ไม่ต้องมาขอโทษผม ใครเป็นคนรับผิดชอบเรื่องการจัดซื้อ?”

“เหล่าเฉินครับ”

“เหล่าเฉินก็เป็นพนักงานเก่าที่อยู่มานานแล้วสินะ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด

“ใช่ครับ”

“เรียกเขามาพบผมเดี๋ยวนี้”

“ได้ครับ คุณเจิ้ง”

ผู้จัดการฝ่ายผลิตวิ่งออกไป หลังจากนั้นสักพัก เขาก็พาชายอีกคนมาหาเจิ้งเหว่ยจวิน เขาเป็นชายในวัยห้าสิบ ตัวเตี้ยเล็กน้อย มีเหงื่ออยู่บนหน้าผากของเขา บางทีอาจเกิดจากการที่เขาวิ่งมาที่นี่

“คุณเจิ้ง เรียกหาผมเหรอครับ?”

“เหล่าเฉิน คุณอยู่กับผมมากี่ปีแล้ว?”

“เอ่อ เกือบ 10 ปีได้แล้วครับ” เหล่าเฉินตอบ เขารู้สึกกระสับกระส่าย เขาไม่รู้ว่าคุณชายอยู่ๆจะเรียกเขามาเพื่อถามคําถามพวกนี้

“คุณก็ถือเป็นคนเก่าคนแก่ เรื่องที่ผมไว้ใจให้คุณดูแลก่อนหน้านี้คืออะไร? ช่วยบอกผมที” “สมุนไพรทั้งหมดต้องเป็นสมุนไพรป่าครับ” เหล่าเฉินพูด
“คุณก็ยังจําได้ แล้วกานเฉาพวกนี้มันคืออะไร?”

“กานเฉา?” หลังจากได้ยินคําพูดของอีกฝ่าย เหล่าเฉินก็ตกตะลึง เขาเข้าใจเหตุผลที่เจิ้งเหว่ยจวินเรียกหาเขาได้ในทันที

“คุณชาย สมุนไพรมีปัญหาเหรอครับ?”

“คุณคิดว่ายังไงล่ะ?”

“ผม…ผมไม่รู้จริงๆครับ!” เหล่าเฉินมีท่าทางวิตกกังวลเล็กน้อย เขาตรวจสอบสมุนไพรหลักด้วยตัวเองทั้งหมดเพื่อยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหาที่ตรงไหน แต่หลังจากนั้น เพราะเรื่องบางอย่าง ทําให้มีสมุนไพรสองชนิดที่เขาใช้ไม่ได้ เขาจึงต้องไปหามาด้วยตัวเอง คิดไม่ถึงว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นได้

เขาใส่ใจเรื่องการจัดซื้อสมุนไพรในครั้งนี้มาก และเขาไม่ได้มีความคิดไปในทางที่ไม่ดีอยู่เลย “จัดการปัญหานี้ภายในสามวัน” เจิ้งเหว่ยจวินพูดขึ้นมาหลังจากที่เงียบอยู่นาน

“ครับ ครับ” เหล่าเฉินเอาแต่พยักหน้าและก้มหน้ารับ ราวกับเขาเพิ่งพ้นโทษร้ายแรงมาได้ “ผมขอย้ําอีกครั้ง สมุนไพรทั้งหมดจะต้องตรงตามมาตรฐานที่ตั้งเอาไว้ เรื่องราคายังไม่จําเป็นต้องสนใจในเวลานี้”

“ครับ ครับ”

“เอาล่ะ คุณไปได๋” เจิ้งเหว่ยจวินโบกมือไล่ เมื่อดูจากสีหน้าของเขาแล้ว เขาดูผิดหวังมากทั้งสองรีบเดินออกมา

“ฟู้ว! เกือบไปแล้ว!” เหล่าเฉินปาดเหงื่อที่หน้าผาก

“เหล่าเฉิน ทําไมถึงทําพลาดได้ล่ะ?”

“ฉันไม่คิดเลยว่าจะเกิดปัญหาขึ้นกับสมุนไพรจํานวนแค่นี้” เหล่าเฉินพูด “นายคิดว่ามันคุ้มกัน

เหรอ? เรารู้จักกันไม่ใช่แค่วันสองวันนะ”

“แต่คุณชายบอกว่าให้เวลาแค่สามวัน

“ไม่ต้องห่วง ถ้าพวกเขากล้าหลอกฉัน คอยดูว่าฉันจะจัดการกับพวกเขายังไง!” สีหน้าของเหล่าเฉินดูอ่ามหิตเล็กน้อย

หลังออกมาจากบริษัทแล้ว เจิ้งเหว่ยจวินก็ไปที่หมู่บ้าน

“มาหาผมมีเรื่องอะไรเหรอครับ?”

เมื่อเห็นเจิ้งเหว่ยจวิน หวังเย้าก็ประหลาดใจเล็กน้อย

“ผมต้องขอโทษที่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นนะครับ เชียนเชิง” เจิ้งเหว่ยจวินมาเพื่อขอโทษ

“อ่อ ไม่เป็นไรครับ ถึงยังไงสมุนไพรก็ยังไม่ถูกเอามาใช้งาน” หวังเย้าพูด “ผมจัดการเรื่องนี้ไปแล้ว” เจิ้งเหว่ยจวินพูด “เรื่องแบบนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นอีกแน่นอนครับ” “อืม มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วครับ” หวังเย้าพูด “มีแค่สมุนไพรที่คุณภาพดีเท่านั้น ที่จะสามารถผลิตยาที่มีคุณภาพออกมาได๋”
“ครับ ใช่แล้ว! ภายในสามวัน ก็จะได้สมุนไพรป่ามาแล้วครับ”

“ดีครับ คุณสามารถใช้เวลาสามวันในการจัดการกับสมุนไพรที่เหลือได้” หวังเย้าพูด

เจิ้งเหว่ยจวินไม่ได้อยู่ที่นั่นนานนัก เมื่อเขาจัดการปัญหาเสร็จ เขาก็กลับไป

“ผู้ชายคนนั้นเจ้าเล่ห์พอตัวเลยนะคะ” ซูเสี่ยวซวีพูด

“อืม ถึงยังไงเขาก็เป็นนักธุรกิจ มันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว” หวังเย้าพูด

“กลับมาที่เรื่องนี้ดีกว่าค่ะ เชียนเชิงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัทใช่ไหมคะ?” “ใช่ ผมถือหุ้นมากที่สุด แต่เจิ้งเหว่ยจวินรับผิดชอบเรื่องการจัดการภายในบริษัท ผมมีหน้าที่ แค่ให้การสนับสนุนเท่านั้น เธอก็รู้ ผมไม่เก่งเรื่องการจัดการเลย” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม “ค่ะ รอให้ฉันเรียนจบแล้วฉันจะมาช่วยนะคะ” ซูเสี่ยวซวีพูด

“ได๋สิ”

ซูเสี่ยวซวีอยู่ต่ออีกวันหนึ่งและเตรียมเดินทางกลับในวันที่สาม

ในตอนเช้า หวังเย้ารับคนไข้แค่คนเดียว ซึ่งก็คือเด็กชายที่หมดสติ หลังจากรับการรักษาไปแล้วสองครั้ง อาการของเด็กก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขาหมดสติแค่วันละสองครั้ง เท่านี้ก็ทําให้พ่อแม่ของเด็กดีใจมากแล้ว และสภาพจิตใจของเด็กก็ดีขึ้นกว่าครั้งแรกที่มา ใบหน้าของเขามีเลือดฝาดและดูมีชีวิตชีวาขึ้น

เป็นอีกครั้งที่เขาทําการฝังเข็มให้กับเด็กชาย ซูเสี่ยวซวีคอยเฝ้ามองอยู่ไม่ไกล

เข็มฝังลงไปตามร่างกายของเด็กที่ละเล่ม เด็กชายที่นอนอยู่บนเตียงอยู่ในสภาวะพิเศษ เพราะหากเขาขยับตัวเพียงเล็กน้อย ก็อาจทําให้จุดฝังเข็มเคลื่อนได้ เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ไม่เพียงแต่จะทําให้การรักษาไม่ได้ผลแล้ว มันยังอาจส่งผลเสียต่อร่างกายของเขาได้ด้วย

หลังจากการฝังเข็ม เด็กชายก็ต้องดื่มยาขมไปอีกหนึ่งถ้วย

“เธอรู้สึกเป็นยังไงบ้าง?”

“ดีครับ” เด็กพูด

“ดี” หวังเย้าพูด “ผมต้องเดินทางไปที่อื่น และจะไปประมาณสามวัน อีกสักสี่วันค่อยมาที่คลินิกนะครับ”

“ได้ค่ะ หมอหวัง”

พวกเขาใช้เวลาในการเสาะหาหมอและยาไปทั่วทุกทิศเพื่อรักษาลูกชายของพวกเขา พวกเขาต้องลําบากมามาก แต่ก็ยังทนมาได้จนถึงตอนนี้ การรอคอยหวังเย้าแค่ไม่กี่วันจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่สําหรับพวกเขาเลย

“ขอบคุณมากนะคะ”

หวังเย้าโทรหาจงหลิวชวนเพื่อบอกกับอีกฝ่ายว่า เขาจะเดินทางออกจากหมู่บ้าน เขายังได้บอกกับพ่อแม่ของเขาด้วยว่า เขาจะเดินทางไปปักกิ่งกับซูเสี่ยวซ

“ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ ที่บ้านมีพ่อกับแม่คอยดูแลอยู่แล้ว!”

“แม่ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องบนเขานะครับ” หวังเย้าพูด “ถ้าต้องการความช่วยเหลือ ก็ไปหาจงหลิวชวนกับคนอื่นๆได้เลย

“แม่รู้แล้ว เดินทางปลอดภัยนะจ๊ะ”

ตอนเที่ยง หวังเย้าเดินทางไปห่ายชิวกับซูเสี่ยวซวี พวกเขานั่งเครื่องบินตรงไปปักกิ่ง และไปถึงในช่วงเย็น ซูเหลียนรอพวกเขาอยู่ที่สนามบินแล้ว
เขาไปที่บ้านของซูเสี่ยวซวี และนําของฝากที่ได้จากบนเนินเขาหนานชานไปให้กับพ่อแม่ของ

เธอด้วย หลังจากพูดคุยกันได้สักพัก หวังเย้ากลับไปและเข้าพักที่บ้านหลังน้อยที่อยู่ไม่ไกล เฉินหยิงกับเฉินโจวต่างดีใจเมื่อได้เห็นเขา
มันดึกมากแล้ว เขาจึงได้เข้านอน วันต่อมา หวังเย้าตื่นแต่เช้า เฉินหยิงก็ตื่นเช้าเช่นเดียวกัน

และเตรียมอาหารเช้าเอาไว้เรียบร้อยแล้วขึ้น

มีอาหารอยู่ไม่กี่จานและล้วนแล้วแต่น่าทาน

“ฝีมือทําอาหารพัฒนาขึ้นนะครับ” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม
“เชียนเชิงชิมดูสิคะ”

“อืม อร่อย” หวังเย้ายกนิ้วโป้งให้

ในเรื่องของฝีมือการทําอาหาร เฉินหยิงเทียบกับเชฟในโรงแรมดังๆได้เลย

“แค่เชียนเชิงชอบก็พอแล้วค่ะ” เธอพูด

หลังจากเฉินโจวตื่น เขาก็ไปฝึกหมัดมวยอยู่ที่ลานบ้าน การฝึกฝนของเขาพัฒนาขึ้นและดูดี

“หืม คุณสอนเขาเหรอครับ?”

“ใช่ค่ะ ฉันสอนเขาเอง” เฉินหยิงพูด น้องชายของเธอพอมีพื้นฐานในตอนที่เขายังเด็ก ถ้าไม่ใช่เพราะอาการแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับเขา ก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่เขาจะเชี่ยวชาญ

วิชากังฟูดีดีได้สักวิชาแล้ว

“ดีมากเลยครับ”

“เชียนเชิงพอจะแนะนําเขาบ้างได้ไหมคะ?” เฉินหยิงเคยได้เห็นวิชากังฟูของหวังเข้ามาแล้ว มันน่าอัศจรรย์และทําให้เขาดูไม่ต่างจากเทพเซียน

“ได้สิครับ ผมแนะนําให้เขาได้” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม

“ขอบคุณครับ เชียนเชิง” เฉินโจวรีบพูด เขาเคยได้ยินมาว่า ชายคนนี้ไม่ได้มีแค่ฝีมือการรักษาที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่เขายังมีความเชี่ยวชาญในวิชากังฟู แต่ไม่ได้แสดงให้ใครได้เห็นถึงความเก่งกาจของเขาเท่าไหร่นัก