บทที่ 1116 เหยื่อล่อรสเลิศ

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

“ฉันเห็นด้วยกับเฟิ่งจื่อซวนนะ…” เฮยซือทำเมินเสียงบ่นกระปอดกระแปดของสวี่ซูหาน แล้วหันมาพูดกับทุกคนว่า “ความจริงสถานการณ์ตอนนี้ อาจไม่ใช่หลิงม่อหายตัวไป แต่อาจตรงกันข้ามกันเลยก็ได้…”

ถึงแม้เฮยซือจะเป็นยัยเปี๊ยกตัวเล็ก แต่เมื่อเธอพูดประโยคเหล่านี้ออกมาด้วยน้ำเสียงแหลมใส ทุกคนต่างอึ้งงัน แม้แต่สวี่ซูหานก็หยุดเซ้าซี้เธอ แล้วหันไปครุ่นคิดอย่างละเอียดแทน…เธอรู้สึกได้รางๆ ว่าเฮยซือกำลังบอกใบ้อะไรบางอย่างอยู่…แต่ดูจากใบหน้าของเฮยซือ กลับไม่แสดงสีหน้าผิดปกติอะไรออกมาให้เห็น…

“ก็หมายความว่า บางทีในสายตาของหัวหน้า ฝ่ายที่หายตัวไปคือพวกเราต่างหากงั้นหรอ?” มู่เฉินขมวดคิ้ว พลางตั้งข้อสันนิษฐาน

“ลองคิดดูสิ เจ้าลิงผอมกับกู่ซวงซวงหายตัวไปได้ยังไง?” เฮยซือเตือน

ทุกคนมองหน้ากัน และพลันกระจ่างขึ้นมาทันที…ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายไม่สามารถสร้างภาพมายาได้นานนัก แต่กลับสามารถใช้ภาพมายาที่เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา “กำบัง” ตัวตนของใครบางคนได้ และทันทีที่ทำสำเร็จ พวกเขาก็จะกลายเป็นเหมือนแมลงวันไร้หัวที่รอให้อีกฝ่ายเล่นงานอย่างง่ายดาย…

“ถูกต้องแล้ว ก็เหมือนตอนนี้ ฉันรู้สึกเหมือนมันกำลังมองพวกเราอยู่…แต่น่าเสียดายที่พวกเรามองไม่เห็นกัน และไม่สามารถสื่อสารกันได้ ดังนั้นเรื่องทั้งหมดที่เราทำ อาจกลายเป็นการช่วยมันให้ได้เปรียบแทน…แต่ถ้าหากพวกเราอยู่นิ่งๆ ไม่ทำอะไรแบบนี้ ก็จะเป็นการถ่วงเวลาพวกเขาไม่ใช่หรอ?” เฮยซือบอก

พอได้ยินถึงตรงนี้ สวี่ซูหานพลันสะท้านวาบ “ใช่แล้ว! หลิงม่อก็เคยพูดทำนองเดียวกัน…เขาเคยบอกว่า รู้สึกเหมือนมีบางอย่างกำลังจ้องเขา…ทำไมเฮยซือต้องพูดเรื่องนี้ขึ้นมาด้วย? หรือว่า…อ๊ะ! เพราะว่าดวงตาคู่นั้นก็กำลังจับจ้องพวกเราอยู่เหมือนกันสินะ!”

การหายตัวไปอย่างกะทันหันของหลิงม่อ การบอกใบ้ของเฮยซือ รวมถึงการคาดเดาของอวี่เหวินซวน…เบาะแสเหล่านี้ ได้ทำให้สวี่ซูหานตระหนักได้ถึงปัญหานี้ในที่สุด…คำพูดพวกนี้ของเฮยซือ ไม่ได้ต้องการพูดให้พวกเธอฟัง…

หัวใจของสวี่ซูหานเต้น “ตึกตักๆๆ” เธอสังเกตสีหน้าของคนอื่นๆ อย่างตระหนก อยากรู้ว่าพวกเขาเข้าใจจุดประสงค์ของเฮยซือแล้วหรือไม่ แต่น่าเสียดาย คนพวกนี้ล้วนมีสีหน้าแบบเดียวกันแทบทั้งหมด…อวี่เหวินซวนยังคงกอดอก มู่เฉินยังคงขมวดคิ้ว ส่วนจางซินเฉิงนั้นทำหน้านิ่งขรึม เพียงแต่บนหน้าผากมีเหงื่อผุดพลายขึ้นมาบางส่วน…

“พูดมาเยอะขนาดนี้…งั้นตอนนี้พวกฉันควรทำยังไง?” ท่ามกลางความเงียบงัน เย่ไคลดมือที่กำลังนวดจมูกลง แล้วถามเสียงงึมงำด้วยความหงุดหงิด

สวี่ซูหานลอบกลอกตาขาว “เอาเถอะ ตาทึ่มคนนี้ไม่เข้าใจ…”

“ทำยังไง…แน่นอนว่าก็ต้องเข้าไปสิ” เฮยซือกลับตอบเสียงเรียบ

“แต่พวกเรายังไม่เจอหัวหน้าเลยนะ? อีกฝ่ายทำอย่างนี้เพื่อให้พวกเราเคลื่อนไหวได้ไม่เต็มที่ห่วงหน้าพะวงหลังไม่ใช่หรอ?” เย่ไคถามอีก

ดังนั้นขอเพียงพวกเรามีเป้าหมายเป็นหนึ่งเดียวกันก็พอแล้ว…ช่วยกู่ซวงซวงกับเจ้าลิงผอม และกำจัดซอมบี้ตัวนั้น! ฉันรู้สึกได้ว่าหลิงม่อกำลังมองพวกเราอยู่ ดังนั้นถ้าฉันบอกให้โจมตีตรงไหน พวกนายก็โจมตีตรงนั้น เท่านี้ก็จะไม่ไปทำร้ายเขาเข้าแล้ว” เฮยซือพูดอย่างมั่นใจ

“เอ่อ…เธอรู้สึกได้จริงๆ หรอ?”

“จริงๆ น่ะสิ!”

“คงไม่ใช่เป็นแค่สัญชาตญาณหรอกนะ…”

“…วางใจ เขาจะเข้าใจเอง…”

“เฮ้ย!”

…………

“เฮยซือ”

สวี่ซูหานเดาถูกแล้ว สองนาทีก่อน หลิงม่อติดต่อเฮยซือผ่านสายสัมพันธ์ทางจิต…

สาเหตุที่เขาไม่เลือกพวกเย่เลี่ยนซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด เพราะว่าพวกเธอเองก็ตกอยู่ในขอบเขตสายตาของซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นด้วยเช่นกัน…

ดังนั้นการตอบสนองแรกของหลิงม่อ ก็คือหาตัวช่วยที่อยู่นอกเหนือขอบเขตระวังตัวของซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้น…จุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของอีกฝ่าย ก็คือกำลังคนที่ขาดแคลน แต่สำหรับหลิงม่อ เรื่องนี้กลับไม่เป็นปัญหาต่อเขาซักนิด…

แเพราะอย่างนี้หลิงม่อจึงตระหนักได้ว่าการที่ศัตรูพยายามแยกเขาออกจากกลุ่มนั้น ต้องทุ่มแรงไปไม่น้อยเหมือนกัน…และยิ่งอีกฝ่ายลงแรงกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเผยให้เห็นช่องโหว่ได้ชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น…

“หื้ม? เป็นยังไงบ้าง? ตอนนี้ฉันกับซือหรานกำลังเร่งตามไปที่ช่องทางเดินอยู่…” เฮยซือตอบ

“เธอมาหาพวกฉันตรงๆ เลย ฟังนะ ฉันมีแผน…”

ขณะเดียวกับที่หลิงม่อมอบหมายภารกิจเสร็จ เฮยซือที่พุ่งตัวเข้ามาด้วยความเร็วสูงก็มองเห็นเงาร่างของพวกมู่เฉินจากที่ไกลๆ และแทบจะในเสี้ยววินาทีเดียวกัน หลิงม่อที่กำลังวิ่งพุ่งไปข้างหน้า พลันหายตัวไปทันใด…

ทว่าเฮยซือกลับไม่ได้เผยสีหน้าตกตะลึงแต่อย่างใด ตรงกันข้าม เธอกลับยิ้มบางๆ และพึมพำเสียงเบา “เข้าใจแล้ว อีกอย่างนายก็รู้ว่าฉันชอบพฤติกรรมของผู้ใหญ่แบบนี้มาตลอด…”

ในอาคารหอพัก

เวลานี้ แต่ละชั้นของที่นี่ราวกับถูกแบ่งออกเป็นโลกสามใบก็ไม่ปาน

ชั้นที่หนึ่ง เป็นที่ที่ร่างดวงจิตของหลิงม่ออยู่…

ส่วนอีกชั้น หลิงม่อกับพวกซย่าน่า กำลังเดินขึ้นบันไดอย่างระมัดระวัง…

และสุดท้ายคือชั้นที่สาม เมื่อพวกเฮยซือเข้ามาในอาคาร สิ่งที่พวกเขาเห็น กลับยังคงเป็นพื้นที่ที่เงียบสงัด และวังเวง…

“คิดไม่ถึงว่ามันจะใช้วิธีกำบังแบบนี้…แต่คิดดูอีกที ตอนแรกที่เราตามหาบ้านเก่าของมันเจอ ที่นั่นเองก็มีประสิทธิภาพกำบังที่ร้ายกาจมากเหมือนกัน…ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ตอนนี้มันวิวัฒนาการจนสามารถกำบังคนคนหนึ่งได้โดยตรงแล้ว…” หลิงม่อลอบคิดในใจ

ทว่า…

“ตอนนี้ร่างจริงของเราอยู่กับพวกซย่าน่า แสดงว่าการที่เราแยกร่างเสี่ยวเฮยออกมาก่อนนั้นถูกต้องแล้ว อย่างน้อยท่ามกลางพลังสัมผัสรู้ของอีกฝ่าย มันคงคิดว่าเสี่ยวเฮยเป็นเรา…อีกอย่างตอนนี้มันได้กีดกันสิ่งมีชีวิตอื่นออกไปหมดแล้ว ซึ่งนี่แสดงว่า สิ่งมีชีวิตที่จะถูกเราสัมผัสรู้ได้ต่อจากนี้ หากไม่ใช่มัน ก็ต้องเป็นเจ้าลิงผอมแน่…หากเป็นอย่างแรกแสดงว่ามันรีบร้อนจนทนไม่ไหวแล้ว หากเป็นอย่างหลังหมายความว่านั่นเป็นกับดักที่แยบยลมาก…”

แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน…

“จะมาแล้วสินะ…”

ณ มุมหนึ่งในอาคารหอพัก เสียงหนึ่งพลันดังขึ้น

“ช่างเป็นพลังจิตที่แข็งแกร่งจริงๆ…ในหมู่มนุษย์และซอมบี้ที่ฉันเคยเจอมาทั้งหมดจนถึงตอนนี้ เจ้าหมอนี่น่าจะสมบูรณ์แบบมากที่สุดแล้ว โดยเฉพาะหลังจากกลืนกินผลงานของฉันไป มันก็ยิ่งดูน่าลิ้มรสมากกว่าเดิม…” เสียงนี้พูดขึ้นอย่างตั้งตาคอย

ผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงหญิงสาวอีกคนก็ดังขึ้นมาท่ามกลางความมืด “นายนี่น่าขยะแขยงเกินไปแล้ว”

“ขยะแขยง? เพราะว่าเป้าหมายที่ฉันเพ่งเล็งเป็นมนุษย์งั้นสินะ? ถ้าหากว่าฉันหมายตาปีกไก่ย่างอะไรทำนองนั้น เธอก็จะเห็นด้วยกับความคิดฉันงั้นหรอ แต่อย่าลืมล่ะ เธอเองก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดของฉันเหมือนกัน แล้วฉันก็ไม่เหมือนเธอ ฉันแค่ทำตามสัญชาตญาณโดยธรรมชาติ แต่เธอกลับทำเพื่อความปรารถนาส่วนตัว…แต่นี่ก็เป็นเหตุผลที่เราทั้งสองลงเรือลำเดียวกัน เกรงว่าแม้แต่เจ้ามนุษย์แมงมุมตัวนั้นก็ยังไม่รู้ ว่าความจริงแล้วเธอ…”

“หุบปาก!”

“ทำไมล่ะ? ฉันพูดแทงใจดำงั้นหรอ? เฮ้อ เธอนี่มันจอมปลอมจริงๆ เลยนะ…”

“พูดเหลวไหลให้มันน้อยๆ หน่อย…ทำไมนายยังไม่ลงมือซักที? นายเตรียมการไว้หมดแล้ว แต่ทำไมยังเอาแต่รออยู่อีก? นายก็เห็นแล้ว คนกลุ่มนี้ไม่ได้รับมือได้ง่ายๆ ถ้าไม่ใช่เพราะนาย ฉันไม่อยากแม้แต่จะเสี่ยงอันตรายครั้งนี้ด้วยซ้ำ พวกเราควรไปจากที่นี่ตั้งแต่ที่พวกเขาปรากฏตัวแล้ว!”

“ไม่ๆ ฉันไม่มีทางยอมแพ้หรอก…หมอนั่นสำคัญเหลือเกิน! อีกอย่าง หมอนั่นให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยอย่างน่าประหลาด…”

“นายเคยเห็นมนุษย์คนนั้นมาก่อนหรอ?” เสียงหญิงสาวพลันถามอย่างฉงน

“เปล่าหรอก…แต่บนตัวมันมีกลิ่นอายที่ฉันคุ้นเคยอยู่…ฉันรู้สึกได้ว่า ถ้าหากเป็นพลังจิตของมัน ฉันจะต้องดูดกลืนได้แน่นอน หากพลาดโอกาสดีๆ อย่างนี้ไป ต่อไปคงไม่มีอีกแล้ว หรือว่าเธอไม่อยากหลุดพ้นจากสภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้…เธอคิดว่า เหยื่อจะคลายความระวังตัวเมื่อไหร่กันล่ะ? ก็ตอนที่พวกมันได้เหยื่อล่อไปครอบครอง และกำลังดื่มด่ำกับช่วงเวลานั้นยังไงล่ะ…และยิ่งรสชาติของเหยื่อล่อดีเท่าไหร่ พวกมันก็จะยิ่งถลำลึกลงมาในกับดักเท่านั้น…

เมื่อพูดจบ เสียงนั้นก็หัวเราะอีกครั้ง

“ถ้าอย่างนั้น…ก็ทำตามที่นายว่าแล้วกัน…” เสียงหญิงสาวเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้น…

ขณะเดียวกัน ในอีกด้านหนึ่ง หลิงม่อกำลังเคลื่อนไหวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง ในตอนนั้นเอง เสียง “กึกๆ” พลันดังลงมาจากทางเดินอาคารด้านบน เขาชะงักทันที ผ่านไปครู่หนึ่งจึงค่อยๆ ลอยตัวขึ้นไปข้างบน

ตอนที่เขาโผล่หัวขึ้นมาจากพื้นอาคาร สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าเขา ก็คือเงาร่างของเจ้าลิงผอม…

ทว่าพอเห็นสภาพของเจ้าลิงผอม หลิงม่อพลันบันดาลโทสะทันที

เจ้าลิงผอมถูกใยแมงมุมห่อหุ้มจนกลายเป็นดักแด้ขนาดใหญ่ และถูกห้อยตัวไว้บนเพดาน บนตัวของเขาก็มีแมงงมุมมากมายไต่ยั้วเยี้ยเช่นกัน แต่ที่ต่างกันคือ ศีรษะของเขาโผล่ออกมาข้างนอก

ดูเหมือนเจ้าลิงผอมจะหมดสติไปแล้ว แต่ถึงแม้อย่างนั้น ร่างกายของเขาก็ยังคงกระตุกสั่นไม่หยุด

ไม่ต้องเดาก็รู้แล้ว เขาต้องถูกทำให้หมดสติในระหว่างที่กำลังหวาดกลัวสุดขีดแน่นอน ส่งผลให้ถึงแม้จะหมดสติไปแล้ว เขาก็ยังคงรู้สึกลนลานหวาดกลัว…

ขณะที่หลิงม่อโผล่ศีรษะขึ้นไป แมงมุมตัวใหญ่ขนาดเท่ากำปั้นหลายตัวเกาะอยู่บนใบหน้าเจ้าลิงผอม ถึงแม้มองเห็นการเคลื่อนไหวของแมงมุมพวกนี้ไม่ชัด แต่หลิงม่อกลับรู้สึกขวัญหนีดีฝ่ออย่างชัดเจน เขาพุ่งพรวดขึ้นมาแทบจะในทันที พลันเหวี่ยงหนวดสัมผัสออกไปเพื่อกวาดแมงมุมเหล่านั้นให้ร่วงตกลงไปทั้งหมด

เจ้าลิงผอมผู้สลบไสลร้องครวญ และในเวลานี้เองที่หลิงม่อเพิ่งจะค้นพบ ที่แท้แมงมุมพวกนี้เตรียมจะกินเขาแล้ว…บนใบหน้าเขามีคราบของเหลวติดอยู่เต็มไปหมด และของเหลวเหล่านั้นเมื่อสัมผัสโดนผิวของเขา ก็ทำให้เกิดหลุมมากมาย นั่นทำให้ใบหน้าที่แต่เดิมก็ไม่ได้ดูดีอยู่แล้วของเจ้าลิงผอม ยิ่งดูบิดเบี้ยวเข้าไปใหญ่

หลิงม่อสังเกตดูอย่างละเอียดหนึ่งรอบ หลังจากมั่นใจว่าเจ้าลิงผอมไม่มีอันตรายถึงชีวิต จึงค่อยๆ ดึงตัวเขาลงมา ระหว่างนั้นเจ้าลิงผอมเอาแต่ร้องครวญอย่างเจ็บปวด กล้ามเนื้อบนใบหน้าก็กระตุกสั่นไม่หยุด ส่วนหลิงม่อนั้นนอกจากกำจัดใยแมงมุมที่อยู่รอบๆ แล้ว กลับไม่ได้พูดอะไรออกมา…

ขณะเดียวกับที่เขากำลังดึงเจ้าลิงผอมลงมา…สัมผัสเย็นยะเยือกหนึ่งพลันโจมตีเข้ามาจากข้างหลัง ขณะเดียวกัน แรงกดดันมหาศาลกลุ่มหนึ่งก็พลันปรากฏขึ้น…

“แม้ว่าแกจะช้าไปเพียงก้าวเดียว เมื่อกี้เพื่อนของแกคงได้ตายไปต่อหน้าต่อตาแกแล้ว ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ประสาทการตอบสนองของแกทำให้ฉันพอใจมากจริงๆ…