บทที่ 275
ยังไม่ต้องพูดถึงแก๊งฟ้าดินของจินหลิน อีกทั้งครอบครัวตระกูลเย่ที่ไม่ต้องเอามาเปรียบเทียบกัน

แต่ว่าวันนี้—–

ไม่คาดคิดเลยว่าจะถูกหยางเฟิงโค่นทำลาย!

มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน?

เมื่อมองเห็นถึงใบหน้าที่ไม่เชื่อของเย่โหนว เย่หนานเทียนกลับไม่แปลกใจ

จริงๆแล้ว ตอนที่เขาได้รับข่าวนี้ เข้าก็ตกใจจนพูดไม่ออกเหมือนกัน

เมื่อได้ยินหลายๆรอบ

เย่หนานเทียนถึงจะเชื่อกับข่าวลือนี้ว่ามันคือเรื่องจริง!

เน่หนานเทียนรู้ดีว่า หากตนจะล้างแค้นกับหยางเฟิง มันนับว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

เขามองไปที่เย่โหรวอย่างเห็นอกเห็นใจ“ลูกโหรว พ่อรู้ว่าลูกรับเรื่องจริงนี้ไม่ได้ แต่ทว่ามันคือความจริง!”

“ไม่! ไม่! ไม่!”

“หยางเฟิงเขาก็คือแค่ลูกเขยของเมืองตงไห่ จะมาเก่งกล้าขนาดนี้ได้อย่างไร!”

ในชั่วขณะหนึ่ง

เย่โหรวนั้น ได้กรี๊ดและร้องคำรามอย่างบ้าคลั่งในที่สุด!

ที่ตนเองนั้นกลายเป็นเหมือนคนบ้า

แต่ทว่ามิอาจจะล้างแค้นได้

เป็นเช่นนี้จะทำให้เธอมีความสุขได้อย่างไร?

เธอจะรับกับความเป็นจริงนี้ได้ยังไง?

เย่โหรวจ้องมองไปที่เย่หนานเทียนด้วยดวงตาไม่กระพริบ ก่อนจะเอ่ยด้วยความไม่พอใจ “พ่อ หรือว่าทั้งชีวิตนี้ ข้าจะไม่สามารถล้างแค้นได้หรอ?”

เย่หนานเทียนลังเล ก่อนจะเอ่ย“การล้างแค้นทำไมจะไม่มีโอกาส..”

เมื่อได้ยินดังนั้น

เย่โหรวถามกลับอย่างเร่งรีบ “พ่อ จะมีโอกาสเมื่อไหร่ล่ะ?”

เย่หนานเทียนเอ่ย “แก๊งฟ้าดินของจินหลิน จริงๆแล้วเป็นเพียงอำนาจส่วนหนึ่งของตระกูลเฉินเฉยๆ”

“ในรอบนี้ หยางเฟิงโค่นล้มแก๊งฟ้าดิน ก็เท่ากับว่าเป็นการถอนหมากหนึ่งอันของตระกูลเฉินออกจากจินหลิน ได้ขัดขวางหมากหนึ่งตัวของตระกูลเฉินในตอนใต้ ตระกูลเฉินต้องไม่พอใจแน่นอน ถ้าหากพวกเราไปขออาศัยอำนาจของตระกูลเฉิน แน่นอนว่าต้องมีโอกาสในการล้างแค้นแน่!”

เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาของเย่โหรวเปล่งประกายขึ้นทันใด

ตระกูลเฉิน แน่นอนว่าเธอรู้จักดี

ต้องรู้ว่า อำนาจของตระกูลเฉินนั้นมากกว่าตระกูลเย่เสียอีก

ถึงแม้ตระกูลเย่จะอยู่ในอันดับสาม แต่ตระกูลเฉินนั้นคือครอบครัวตระกูลอันดับสอง

แต่ว่าระหว่างครอบครัวอันดับสามและอันดับสองนั้น มีช่องว่างลึกๆ ซึ่งแน่นอนว่ามันมีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก!

อีกทั้ง

ตระกูลเฉินครอบครัวตระกูลอันดับสองในจงโจวนั้น นับว่ามีอำนาจอยู่ระดับที่สูงอยู่พอตัว!

ถ้าจะมีความน่ากลัวขนาดนี้ การที่จะกำจัดหยางเฟิง ที่เป็นแค่ลูกเขยไร้ประโยชน์ มันก็จะไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากเกินไป?

เมื่อคิดถึงตอนนี้

เย่โหรวถามด้วยความตื่นเต้น “พ่อ ถ้าอย่างงั้นพวกเราจะรออะไรล่ะ รีบไปขอเข้าร่วมกับตระกูลเฉินเถอะ!”

เย่หนานเทียนเอ่ยถามด้วยใบหน้าสับสน “ถ้าหากพวกเราไปเข้าร่วมกับตระกูลเฉิน ตระกูลเย่จะต้องเสียอำนาจในการปกครองไง…”

การไปขอเข้าร่วมอาศัยกับตระกูลอื่น มันไม่ใช่เรื่องงานเลยสำหรับพรรคพวกของเรา

และอีกทั้งยังต้องมีความจงรักภักดีอีก!

หากตระกูลเย่ไปเข้าร่วมอาศัยกับตระกูลเฉิน ถ้าหลังจากนี้ก็ต้องฟังคำสั่งของตระกูลเฉิน นับว่าตระกูลเฉินนั้นเป็นใหญ่ และในที่สุดก็จะเสียอำนาจในการปกครองของตนเอง!

เมื่อมองเห็นว่าพ่อของตนนั้นเกิดความสับสน เย่โหรวจึงรีบเอ่ย “พ่อ! ท่านกำลังสับสนอะไรหรอ? พวกเราตระกูลเย่สูญเสียทรัพยากรในมณฑลเจียงหนาน อีกทั้งยังเสียปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุดท่านหนึ่งไป! ถ้าหากท่านพ่อไม่หาที่พึ่งล่ะก็ กลัวว่าจะมีตระกูลอันดับสามอื่นๆ จะเข้ามากินพวกเรา เมื่อถึงเวลา พวกเราตระกูลเย่จะตกอยู่ในอันตรายนะ! ”
เมื่อได้ยินการวิเคราะห์จากเย่โหร่ว

เย่หนานเทียนกัดฟันพูด “ได้! ถ้าเป็นเช่นนั้นพวกเราจะเข้าร่วมกับตระกูลเฉิน!”

รีบลงมือเถอะ

พ่อลูกสองคนนี้ ก็รีบบึ่งไปที่บ้านของตระกูลเฉินทันที!

ในขณะเดียวกัน

ตระกูลเฉิน

ห้องโถงที่มีขนาดใหญ่และหรูหรา

เฉินป้าเซียนคุกเข่าอยู่กับพื้น ราวๆสามชั่วโมงเต็มแล้ว

ในช่วงเวลาสามชั่วโมงนี้ เขาไม่กล้าแม้แต่ที่จะขยับ

แม้แต่หยดเหงื่อ ก็ไม่กล้าที่จะไหลลง

เพราะว่า

คนที่นั่งอยู่ข้างหน้าเขา นั้นก็คือหัวหน้าแห่งตระกูลเฉิน เฉินเป่ยเสวียน!

เฉินเป่ยเสวียน ปีนี้อายุหกสิบกว่า รับผิดชอบดูแลตระกูลเฉินมามากกว่าสามสิบกว่าปีแล้ว

หลังจากเวลานาน

เฉินเป่ยเสวียนถามอย่างเบาๆ “เฉินป้าเซียน เจ้ารู้ว่าเจ้าผิด?”

รังสีแห่งความอาฆาต ที่แพร่กระจายออกมาอย่างอดไม่ได้!

เมื่อต้องเผชิญกับความอาฆาตอันเยือกเย็นนี้ เฉินป้าเซียนสั่นไปทั้งตัว และปรากฏใบหน้าอันซีดเผือดราวกับศพ!