ฉินหยุนก่อนหน้านี้ ได้ทราบจากเว่ยจงเจิ้ง ว่ากุญแจการฝึกฝนวิญญาณยุทธ์สีดำ นั่นก็คือการฝึกฝนร่างกายเสียก่อน!
“ท่านยาย ข้าไม่ทราบวิธีการใช้พลังของเก้าตะวันเพื่อบำรุงเลี้ยงร่างกาย ท่านพอชี้แนะได้หรือไม่ขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
ในตอนนี้ เขาไม่อาจดูดกลืนพลังวิญญาณของเก้าตะวัน
“อันดับแรก ต้องเลือกเสียก่อนว่าจะใช้พลังดวงตะวันใดเพื่อใช้ขัดเกลาร่างกาย! ตอนนี้อย่าได้คิดว่าทุกดวงตะวันเหมือนกันหมด แท้จริงแล้วพวกมันแตกต่างกัน!” หญิงชราตอบกลับ
ฉินหยุนหันมองดวงตะวันบนท้องฟ้า เอ่ยถามพลางขมวดคิ้ว “ท่านกำลังบอกว่า ผู้คนต้องเลือกว่าจะใช้พลังดวงตะวันใดเพื่อบำรุงหล่อเลี้ยง และได้เพียงแค่หนึ่งอย่างนั้นหรือขอรับ?”
“แต่แล้วผู้คนที่ครอบครองชีพจรวิญญาณมากมายเล่า? พวกเขาสัมผัสถึงดวงตะวันได้มากมายนัก!”
หญิงชราหัวเราะ “ถามได้ดี! อย่างไรแล้ว เมื่อคิดขัดเกลาร่างกาย ก็สามารถเลือกพลังจากดวงตะวันได้เพียงหนึ่งเท่านั้น! ไม่อย่างนั้นแล้ว ร่างกายจะมีแต่เสื่อมถอยพังทลาย!”
ฉินหยุนยังคงไม่เข้าใจ “พวกเราสามารถดูดกลืนพลังดวงตะวันมากกว่าหนึ่งเพื่อกักเก็บในร่างกาย เหตุใดไม่อาจใช้พลังของหลายดวงตะวันเพื่อบำรุงเลี้ยงร่างกาย?”
“ข้าเพิ่งกล่าวไป! พลังดวงตะวันที่ใช้เพื่อขัดเกลาร่างกาย มันแตกต่างจากพลังวิญญาณ! มันรุนแรงกว่า ดังนั้นเพียงพลังของหนึ่งดวงตะวัน ก็มากพอทำให้รู้สึกแย่ได้แล้ว! หากเลือกรับสองพลังผสานเข้าด้วยกัน พลังมันจะยิ่งเท่าทวีมากกว่าสองเท่าจนเกินรับได้!”
“หลังจากดูดกลืนพลังวิญญาณจากดวงตะวันสู่ร่างกายจำนวนมาก เจ้าน่าจะเข้าใจ ว่าการผสมผสานพลังวิญญาณสามดวงตะวัน มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าสองดวงตะวันมากมายเพียงใด!”
หญิงชราอธิบายอย่างอดทน
ฉินหยุนนึกย้อนถึงคำ ‘เก้าดวงตะวันที่แตกต่าง’ ซึ่งมีการเอ่ยถึงในเรื่อง ‘ขัดเกลากายตะวัน’ พลังของดวงตะวันแต่ละดวง มันจะแตกต่างกันไป จำเป็นต้องทำความรู้และเข้าใจให้ดี
“ท่านยาย เช่นนั้นแล้วข้าควรเลือกชักนำพลังจากดวงตะวันใดหล่อเลี้ยงร่างกายดีขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถามด้วยความเป็นกังวล “ข้าเป็นกังวลมาโดยตลอด ด้วยเพราะครอบครองวิญญาณยุทธ์สีดำ จะทำให้ข้าไม่อาจเลื่อนระดับผ่านอาการตีบตันไปได้!”
“อย่าได้กังวลแล้ว ข้าสามารถชี้แนะให้เข้าใจถึงพลังของดวงตะวันได้!” หญิงชราหัวเราะ “นี่คือหนึ่งในข้อได้เปรียบ ที่นี่สามารถสัมผัสพลังของดวงตะวันได้เด่นชัด ย่อมต้องสำเร็จอย่างแน่นอน!”
“ตราบเท่าที่ก้าวแรกทำสำเร็จ จากนั้นค่อยขัดเกลาร่างกายทีละน้อย ยิ่งเวลาผ่านไป วิญญาณยุทธ์ก็จะเริ่มวิวัฒนาการเอง!”
วิญญาณยุทธ์จันทราสีดำที่หญิงชรามอบให้แก่ฉินหยุน มันถูกฝึกฝนจนถึงระดับสูงล้ำเกินกว่าจะกล่าวถึงแล้ว
ในสถานที่เช่นนี้ วิญญาณยุทธ์สีดำหาได้ใช่อันใดที่พิเศษไม่
“เช่นนั้นข้าขอขอบคุณท่านยายล่วงหน้า!” ฉินหยุนเผยความยินดีกล่าวตอบ
หญิงชราขณะนี้เผยท่าทีจริงจัง “ตอนนี้ให้ข้าช่วยสัมผัสถึงพลังดวงตะวัน จะได้ทำความคุ้นเคยกับมันได้!”
ฉินหยุนเองก็เข้าใจ ว่ามันมีความแตกต่างระหว่างพลังดวงตะวันและพลังวิญญาณดวงตะวัน
ตราบเท่าที่ครอบครองชีพจรวิญญาณ เขาจะสามารถสัมผัสถึงพลังวิญญาณได้อย่างง่ายดาย
สำหรับพลังดวงตะวัน ไม่ว่าจะครอบครองชีพจรวิญญาณมากมายเพียงใด ก็ถือเป็นเรื่องยากหากคิดสัมผัสถึงมัน จำเป็นต้องใช้เคล็ดวิชาการฝึกฝนที่พิเศษอย่างยิ่ง
สิ่งนี้ หาได้ใช่สิ่งที่จะพบได้แม้ทั่วทั้งแดนยุทธ์อ้างว้าง!
หญิงชราวางฝ่ามือลงที่ตันเถียนของฉินหยุนและเอ่ยถาม “วิญญาณยุทธ์สีดำของเจ้าอยู่ที่นี่?”
“ท่านยาย วิญญาณยุทธ์สีดำที่ข้าคิดฝึกฝนอยู่ในหัวใจ สามารถโคจรพลังดวงตะวันสู่วิญญาณยุทธ์นั่นได้หรือไม่ขอรับ?” ฉินหยุนลืมเลือนเรื่องนี้จนต้องเอ่ยถามอีกครั้ง
“แน่นอน! มีแต่วิญญาณยุทธ์สีดำจึงสามารถสัมผัสได้ถึงพลังดวงตะวัน! ด้วยระดับพลังของเจ้า วิญญาณยุทธ์จำเป็นต้องวิวัฒนาการ วิญญาณยุทธ์สีดำถือว่ามีขีดจำกัด มีแต่ต้องวิวัฒนาการผ่านการเปลี่ยนถ่ายเทวะจึงสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้!”
“และหลังจากดูดกลืนพลังดวงตะวัน ความสามารถเทวะที่ตรงกันจะอ้างอิงจากพลังดวงตะวัน! เก้าดวงตะวันนั้นมีความสามารถเทวะนับไม่ถ้วน มาดูกันว่าเจ้าจะได้รับความสามารถใดมาครอบครอง!”
ฉินหยุนสะท้านไปวูบ ในที่สุดเขาค่อยได้เข้าใจถึงความหมายเบื้องหลัง ‘เก้าดวงตะวันที่แตกต่าง มีซึ่งความสามารถเทวะไม่รู้จบ’ ทั้งหมดก็เพราะคำกล่าวของหญิงชราที่เพิ่งบอกต่อเขา
เก้าดวงตะวันที่แตกต่าง มีซึ่งความสามารถเทวะไม่รู้จบ ดวงวิญญาณเทพแห่งดวงตะวันลอยล่อง ความสามารถเทวะเข้าสู่ร่าง เหล่านี้คือบทร่ายของการขัดเกลาร่างกาย
ที่ฉินหยุนไม่เข้าใจขณะนี้ ก็คือความหมายเบื้องหลังของ “ดวงวิญญาณเทพแห่งดวงตะวันลอยล่อง”
“ท่านยาย ท่านทราบความหมายของ ดวงวิญญาณเทพแห่งดวงตะวันลอยล่องหรือไม่ขอรับ?” ฉินหยุนเร่งรีบเอ่ยถาม
“เจ้าทราบคำนี้ได้อย่างไร?” หญิงชราเผยความประหลาดใจ “ความหมายเบื้องหลังของดวงวิญญาณเทพแห่งดวงตะวันลอยล่อง ก็คือการฝึกฝนเทพแห่งดวงตะวัน ทำให้วิญญาณยุทธ์สามารถลอยออกจากร่างกาย สามารถเข้าใกล้ดวงตะวันเพื่อดูดกลืนพลังดวงตะวันได้!”
“แล้วเทพดวงตะวันคืออันใดขอรับ?” ฉินหยุนไม่คาดคิด ว่าหญิงชราจะทราบความหมายของบทร่ายลึกลับนี้
“เป็นขุมพลังจิตระดับสูงสุด! ขอบเขตทางพลังจิตมีทั้งสิ้นสามระดับ ระดับแรกคือจิตวิญญาณดวงดาว ระดับที่สอง คือจิตวิญญาณจันทรา และระดับที่สาม คือการกลายเป็นเทพดวงตะวัน!” หญิงชรากล่าว “การเข้าถึงระดับที่สามถือว่ายากเย็นยิ่ง กระทั่งข้าก็อยู่เพียงขอบเขตดวงดาวเทวะที่ล่วงเลยมาหน่อย ขณะนี้เป็นเพียงระดับจันทราที่มีเสี้ยวเล็กน้อยเท่านั้น นับว่ายังห่างไกลจากจันทราเต็มดวง!”
ผลึกแก้วจิตวิญญาณดวงดาวของฉินหยุนขณะนี้ ถือว่าอยู่ระดับแรก
เขาเดิมทีคิด ว่าที่มันเลื่อนระดับขึ้นมาได้ก็เพราะโชคประสบพบพาน
ทว่าตอนนี้ เขายิ่งกระหายต่อการฝึกฝนผลึกแก้วจิตวิญญาณดวงดาวให้ยิ่งใหญ่มากขึ้น
“อย่างนั้นแล้ว ข้าจะใช้บทร่ายดวงวิญญาณเทพแห่งดวงตะวันลอยล่อง ได้แล้วหรือขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
หญิงชราส่ายศีรษะและยิ้มตอบ “เด็กโง่ นี่ย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว! มีแต่ฝึกฝนจนเป็นเทพดวงตะวัน จึงสามารถปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ให้โบยบินเข้าใกล้ดวงตะวันโดยไม่ถูกทำลาย ด้วยพลังจิตของเจ้าตอนนี้ วิญญาณยุทธ์ไม่อาจบินไปได้ไกลนัก!”
ฉินหยุนนึกย้อนถึงตอนที่อยู่ยอดเขาชี้นำวิญญาณดวงดาว จิตสำนึกของเขาได้เข้าสู่ห้วงทะเลดวงดาวกว้างใหญ่ ในห้วงทะเลดวงดาวแห่งนั้น มันมีดวงตะวันอยู่นับไม่ถ้วน
“ค่ายอาคมใหญ่ที่ยอดเขาชี้นำวิญญาณดวงดาว ทำให้วิญญาณยุทธ์ของผู้คนเข้าใกล้ดวงตะวันได้ก่อนถึงเวลาอันควร!”
หญิงชราขณะนี้ วางฝ่ามือที่หัวใจของฉินหยุนและกล่าว “เสี่ยวหยุน ข้าจะเริ่มแล้ว! ก่อนอื่นจะดูดกลืนพลังดวงตะวัน จากนั้นค่อยถ่ายเทสู่วิญญาณยุทธ์สีดำของเจ้า เพื่อชักนำให้มันเกิดการดูดกลืน!”
“ท่านยาย ในเมื่อท่านสามารถดูดกลืนพลังดวงตะวัน ท่านก็มีวิญญาณยุทธ์สีดำเหมือนกันหรือขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถามน้ำเสียงสุภาพ
“แน่นอนอยู่แล้ว! บนเส้นทางของการฝึกฝน ผู้ฝึกตนจะพบพานโอกาสในการวิวัฒนาการวิญญาณยุทธ์มากมาย ตราบเท่าที่สามารถคว้าโอกาสนั้นเอาไว้ วิญญาณยุทธ์ย่อมต้องสามารถวิวัฒนาการเป็นสีดำ!”
“หากวิญญาณยุทธ์ไม่อาจวิวัฒนาการเป็นสีดำ เช่นนั้นจะสามารถได้รับความสามารถเทวะนับหมื่นจากเก้าดวงตะวันได้อย่างไร? หากปราศจากซึ่งวิญญาณยุทธ์สีดำ ก็มีแต่จะอ่อนแอไม่คู่ควรกับความสามารถเทวะ!” หญิงชรากล่าว
ก่อนหน้านี้ ฉินหยุนได้รับวิญญาณยุทธ์เทวะสีน้ำเงิน สิ่งนั้นย่อมเป็นวิญญาณยุทธ์ที่ได้รับความสามารถเทวะอันเป็นเอกลักษณ์มาแล้ว
“เริ่มละนะ!” หญิงชรากล่าวคำ เริ่มทำการถ่ายเทพลังดวงตะวัน สู่แก่นเต๋าสั่นไหวของฉินหยุน ขณะนี้ มันกำลังปกคลุมวิญญาณยุทธ์สีดำที่อยู่ภายใน
ฉินหยุนค่อยเข้าใจผ่านการชี้นำ มันเปรียบดั่งการที่ผู้อาวุโสชี้นำพลังวิญญาณแก่ผู้น้อย
การชี้นำเช่นนี้มีแต่ประโยชน์หาได้มีโทษ มีแต่ผู้ที่การฝึกฝนสูงส่ง จึงสามารถช่วยผู้อื่นทำการชี้นำระดับนี้ได้
ด้วยเหตุนี้ บรรดาศิษย์ของสำนักมีชื่อเสียง ล้วนให้ความเคารพต่ออาจารย์ที่เลิศล้ำ เพื่อให้พวกเขาสามารถได้รับการชี้นำ จะได้มีโอกาสเติบโตในภายหน้าที่มากขึ้น
หญิงชราขมวดคิ้ว “วิญญาณยุทธ์สั่นไหวของเจ้าค่อนข้างพิเศษ พลังดวงตะวันที่ข้าสัมผัสขณะนี้ มันไม่เหมาะสมกับวิญญาณยุทธ์สั่นไหว!”
“มีเรื่องของความเข้ากันได้ด้วยหรือขอรับ?” ฉินหยุนขณะนี้เผยความผิดหวัง เพราะหญิงชราครั้งนี้ลงมือล้มเหลว
“ย่อมมี! เก้าดวงตะวันล้วนแตกต่าง พวกมันเปี่ยมด้วยพลังที่แตกต่างกัน! จะคิดว่าเหมือนกันไม่ได้!” หญิงชรากล่าว “ทว่าก็อย่าได้กังวลไป ข้าจะใช้วิธีอื่นในการชี้นำ แต่อาจต้องใช้เวลานานขึ้นหน่อย!”
ฉินหยุนค่อยผ่อนคลาย เขานั่งลงบนเก้าอี้ รับแสงตะวันจากเบื้องบน ทำใจให้สงบ
หญิงชรานั่งอยู่ตรงกันข้าม ดวงตาทั้งสองหลับลง คล้ายพยายามสัมผัสถึงพลังดวงตะวัน!
“ท่านยาย พลังของเก้าดวงตะวันคืออะไรกันแน่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“โดยจำเพาะเจาะจงข้าไม่ทราบแน่ชัด โดยสรุป วิญญาณยุทธ์มีความแตกต่างกัน พวกมันต้องการดวงตะวันที่แตกต่างกันตามไปด้วย! อย่างไรแล้ว เก้าดวงตะวันถือว่าครอบคลุมทุกสรรพสิ่ง!” หญิงชราตอบ “ข้าได้ยินว่านอกจากเก้าดวงตะวัน หนึ่งในนั้นคือหายนะ มันสามารถปลดปล่อยหายนะชวนขนพองสยองเกล้าได้นับไม่ถ้วน!”
“การสั่นไหวสามารถสั่นสะเทือนพื้นโลก สามารถทำให้ภูเขาถล่ม พื้นโลกปริแตก มันจำเป็นต้องดูดกลืนพลังของดวงตะวันหายนะ!”
“ท่านยาย แล้วหากเป็นวิญญาณยุทธ์จันทราสีดำเล่า? อย่างนั้นแล้วมันต้องดูดกลืนพลังดวงตะวันใดกัน?” ฉินหยุนเอ่ยถามอีกครั้ง
“แน่นอนว่า วิญญาณยุทธ์จันทราสีดำ ย่อมต้องดูดกลืนจันทรา! เรื่องราวถือว่าง่ายดายยิ่ง!” หญิงชรายิ้มรับ “มันจะดีที่สุด หากเจ้าช่วยสอนนางเรื่องวิญญาณยุทธ์จันทราสีดำ ก่อนที่นายหญิงน้อยจะก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม จะได้ทำให้นางสามารถคว้าโอกาสวิวัฒนาการวิญญาณยุทธ์ ทำให้สามารถได้รับความสามารถเทวะมาโดยเร็วที่สุด!”
“วิญญาณยุทธ์ของนางขณะนี้ คือวิญญาณยุทธ์จันทราสีทองม่วง หากนางผสานรวมเข้ากับวิญญาณยุทธ์จันทราสีดำ เช่นนั้นจะเกิดอันใดขึ้นขอรับ?” ฉินหยุนพอคิดเช่นนี้ ก็อดไม่ได้จนต้องเอ่ยถามอีกครั้ง
หญิงชราตอบ “วิญญาณยุทธ์จันทราสีดำ จะดูดกลืนวิญญาณยุทธ์จันทราสีทองม่วง มันมีแต่จะแข็งแกร่งขึ้น! ส่วนว่าจะเกิดอะไรขึ้น นายหญิงน้อยจะสามารถรับมือได้เอง!”
ฉินหยุนคิดถึงวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬของตนเอง เขาไม่ทราบว่ามันต้องดูดกลืนพลังดวงตะวันใดเพื่อบำรุงเลี้ยง!
“ท่านยาย… ข้าขอกล่าวตามจริง ข้ายังมีวิญญาณยุทธ์สีดำอีกหนึ่ง มันคือวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ!”
หลังพิจารณาถี่ถ้วนแล้ว เขาตัดสินใจบอกเรื่องนี้ต่อหญิงชรา
หญิงชราที่หลับตาอยู่ พลันสะดุ้งผุดลุกจากเก้าอี้ “เหตุใดก่อนหน้านี้จึงไม่บอก? วิเศษนัก… วิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ ถือเป็นวิญญาณยุทธ์ตะวันที่แข็งแกร่งที่สุด!”
“จริงหรือขอรับ?” ฉินหยุนเองก็เผยความประหลาดใจ
“วิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ เจ้าสงสัยหรือว่ามันแข็งแกร่งที่สุดจริงหรือไม่? วิญญาณยุทธ์สีดำ ยิ่งเป็นวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ มันย่อมต้องเป็นเช่นนั้น!” หญิงชรากล่าวคำ “หากเป็นวิญญาณยุทธ์อื่น มันจะไม่มีทางทานทนรับพลังจากดวงตะวันมากกว่าหนึ่ง”
“จะมีก็แต่วิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬจึงสามารถ! วิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬสามารถดูดกลืนพลังดวงตะวันปริมาณมหาศาล และจากนั้นค่อยปลดปล่อยออกทีละน้อยเพื่อบำรุงเลี้ยงร่างกาย ถึงตอนนั้น เจ้าจะได้ครอบครองกายเก้าตะวัน!” หญิงชราเผยความตื่นเต้นออกมา “เจ้าทราบหรือไม่ว่าสิ่งนั้นหมายความถึงอะไร?”
ฉินหยุนประหลาดใจ กระนั้นก็ส่ายศีรษะ “ไม่ทราบขอรับ!”
หญิงชรายังคงตื่นเต้น “มันหมายความถึง เจ้าจะสามารถเชี่ยวชาญความสามารถเทวะมากมาย และยังหมายถึง ว่าเจ้าสามารถฝึกฝนวิญญาณดวงตะวันได้ง่ายดาย!”
ฉินหยุนไม่คิด ว่าวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬแท้จริงแข็งแกร่งเพียงนี้!
“ตอนนี้เรื่องราวกลายเป็นง่าย ให้ข้าช่วยชักนำพลังของเก้าดวงตะวัน ถ่ายเทไปยังวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ! หลังจากนั้น เจ้าจะสามารถควบคุมวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ ทำการปลดปล่อยพลังดวงตะวันที่แตกต่างกันออกไป ทำการหล่อเลี้ยงบำรุงวิญญาณยุทธ์สีดำอื่นได้!” หญิงชรากล่าวคำ
หญิงชราก่อนหน้านี้บอก ว่าไม่อาจใช้ทั้งเก้าดวงตะวันหล่อเลี้ยงร่างกาย กระนั้นตอนนางกลับบอกว่าสามารถทำได้
ความคิดของฉินหยุนขณะนี้ยุ่งเหยิง กระนั้น เขาก็ได้แต่เชื่อการชี้แนะของหญิงชรา และมีแต่ต้องลองทำตาม
หากทำได้สำเร็จ ภายหน้าเขาจะสามารถได้รับพลังอันยิ่งใหญ่