ฉินหยุนครอบครองวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ ทว่าเขาไม่เคยสัมผัสถึงพลังอันลึกลับของดวงตะวันด้วยตนเองเลย
กลับกลายเป็นต้องให้ผู้อื่นช่วยเหลือ
การที่เขาจะสัมผัสถึงพลังดวงตะวันถือเป็นเรื่องยากเย็น กระทั่งว่าได้หญิงชราช่วยเหลือ ฉินหยุนก็ยังไม่อาจสัมผัสถึงมันได้ในระยะเวลาอันสั้น
ผ่านไปสามวัน
“ท่านยาย เหตุใดยังไม่พอขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“อย่าได้กังวลไป มันต้องได้ผล เพียงแต่อาจจะนานสักหน่อย!” หญิงชราตอบกลับ “แท้จริงแล้ว สาเหตุหลักก็เพราะสภาพแวดล้อมที่เจ้าถือกำเนิด มันแตกต่างออกไป”
ฉินหยุนขณะนี้ ได้แต่รอคอยอย่างอดทน
ผ่านไปอีกหลายวัน เขาถามถึงชื่อของหญิงชรา ทว่าหาได้รับการตอบกลับ ราวกับนางไม่ต้องการให้ผู้อื่นทราบชื่อ
ในทุกวัน หญิงชราจะส่งถ่ายพลังอบอุ่นแรงกล้าสู่วิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬของฉินหยุน
ฉินหยุนไม่ทราบว่าพลังนี้คืออะไร ได้แต่รู้สึกผ่านวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ มันคล้ายยินดียิ่งที่ได้กลืนกินพลังนี้
เดิมเขาคิดว่าสักสิบวันสมควรทำสำเร็จได้
ทว่า ผ่านไปแล้วสองเดือนเขาค่อยสำเร็จการสัมผัสถึงพลังดวงตะวัน!
“นี่ก็ถือว่าเร็วแล้ว!” หญิงชรายิ้มตอบ “เจ้าควรทราบ ว่าตัวเจ้าขณะนี้ สามารถชักนำพลังเก้าดวงตะวันสู่แก่นเต๋าได้!”
ฉินหยุนอึ้งไปวูบ เขาคิดว่าการดูดกลืนพลังดวงตะวันสู่ร่างกาย จะทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นหรือไม่ก็ฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว
กระนั้น เขาไม่คิดว่าจะจำเป็นต้องใช้กำลังภายในของแก่นเต๋าทั้งสาม เพื่อทำการดูดกลืนพลังดวงตะวันทีละนิด
เขาเอ่ยถามอย่างกระดากใจ “หากเป็นเช่นนี้ เมื่อใดข้าจะสามารถวิวัฒนาการวิญญาณยุทธ์สีดำได้ขอรับ?”
“เสี่ยวหยุน เรื่องนี้ไม่สามารถเร่งรีบ!” หญิงชรากล่าว “เจ้าฝึกฝนวิญญาณยุทธ์สีดำถึงสอง จะวิวัฒนาการได้ในเวลาอันสั้นได้อย่างไรจริงไหม?”
ฉินหยุนคิดถึงค่ายอาคมใหญ่ที่ติดตั้งเอาไว้บนยอดเขาชี้นำวิญญาณดวงดาว เขารู้สึกว่ามันจะต้องเป็นค่ายอาคม สำหรับช่วยเพิ่มความเร็วในการดูดกลืนพลังดวงตะวัน!
อย่างรวดเร็ว เขานำเอาตำราออกมา พลิกหน้ากระดาษค้นหาอักขระจันทราและดวงดาว
“ดวงดาวและจันทรา สามารถส่องแสงได้หลังจากดูดกลืนพลังดวงตะวัน อย่างนั้นแล้ว อักขระดวงดาวและจันทรา ก็สมควรดูดกลืนพลังดวงตะวันได้สิ!”
ฉินหยุนพิจารณาเคร่งเครียด ไม่ช้า เขาได้พบถึงผังจารึกค่ายอาคมดวงดาวและจันทราที่ซับซ้อนอย่างยิ่ง หากพวกมันนำมาผสานกัน เขาจะสามารถดูดกลืนพลังดวงตะวัน
อย่างรวดเร็ว เขานำเอาชุดกระดาษออกมาฝึกซ้อม
โมโมขณะนี้ยังคงซ่อมแซมค่ายอาคมเคลื่อนย้าย ยังต้องใช้เวลาอีกกว่าสี่เดือนกว่าจะสำเร็จ
ฉินหยุนคิดใช้เวลาระหว่างรอคอย เพื่อสร้างอาคมหนังสัตว์ขึ้นมา
“ในเมื่ออักขระดวงดาวรวมตะวัน และอักขระจันทรารวมตะวันสามารถผสานกัน เกิดขึ้นเป็นค่ายอาคมหนึ่งเดียวได้ สงสัยนักว่ามันจะทำงานออกมาอย่างไร!”
อันดับแรก เขาฝึกฝนอักขระดวงดาว โดยการวาดลงกระดาษอย่างต่อเนื่อง
ผ่านการวาดนับร้อยแผ่น ก็ยังไม่ดีพอที่จะสร้างความคุ้นเคย ผ่านไปพันกว่าแผ่น เขาค่อยคุ้นเคยกับอักขระดังกล่าว
ฉินหยุนใช้เวลากว่าเดือน เพื่อเชี่ยวชาญอักขระที่ซับซ้อนทั้งสองจนคุ้นเคย จากนั้นค่อยเริ่มการขัดเกลาหนังสัตว์ เขากำลังจะเริ่มการทำของจริงแล้ว
อย่างรวดเร็ว หนังสัตว์ถูกขัดเกลาขนาดพอให้เขานั่งได้พอดีตัว หนังสัตว์นี้ถูกตัดออกเป็นหกเหลี่ยม แต่ละมุมประกอบด้วยไข่มุกเม็ดใหญ่
ไข่มุกเหล่านั้น ภายในคือมิติเก็บของ มันสามารถใช้กักเก็บเหรียญม่วง หรือสิ่งอื่นที่สามารถใช้เป็นแหล่งพลังงานได้ มันจะทำให้ค่ายอาคมสามารถดูดกลืนพลังงานเพื่อสั่งการทำงาน
หญิงชราเพียงแต่รับชมจากด้านข้าง แม้การฝึกฝนของนางแก่กล้า ทว่านางไม่ทราบเรื่องวิถีจารึก
หลังใช้เวลาอยู่สองเดือน ในที่สุดฉินหยุนจึงสร้างค่ายอาคมขึ้นมาได้ นับว่าเป็นงานเหนื่อยยากสำหรับเขาไม่น้อย
ล่าสุดตอนเขาขัดเกลาอาคมธง มันยังไม่เหนื่อยยากเท่านี้
“ค่ายอาคมรวมพลังดวงตะวันนี้ต้องใช้พลังงานมหาศาล ด้วยหกแสนเหรียญม่วงที่ใส่เข้าไป น่าจะพอใช้ได้ระดับหนึ่ง!”
ฉินหยุนมีเพียงหกแสนเหรียญม่วงอยู่ในมิติเก็บของ ส่วนที่เหลือนั้น อยู่ในบัตรผลึกแก้ว หากต้องการใช้ ก็จำเป็นต้องไปยังตำหนักจารึกเทวะเพื่อทำการแลกเปลี่ยนเสียก่อน
เขานำหนึ่งแสนเหรียญม่วง ใส่ลงในไข่มุกแต่ละเม็ดที่หกด้านของค่ายอาคม จากนั้นค่อยสั่งให้มันเริ่มทำงานและนั่งลง
หลังจากค่ายอาคมทำงานแล้ว ฉับพลันมันปกคลุมด้วยแสงสว่างสีสันเรืองรอง
วิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬของฉินหยุน มันกลายเป็นตื่นตัวอย่างยิ่งเมื่อได้ดูดกลืนแสงหลากสีสันเหล่านี้
“ความเร็วที่ดูดกลืนพลังดวงตะวันขณะนี้ ถือว่ารวดเร็วมาก และยังสามารถดูดกลืนพลังได้ถึงเก้าดวงตะวัน!”
ฉินหยุนกลายเป็นยินดี เขาไม่ทราบว่านี่เป็นเพราะวิญญาณเทวะเก้าตะวันหรือไม่ แต่ในเมื่อกระแสพลังดวงตะวันทั้งเก้าถูกชักนำง่ายดาย ย่อมเป็นเรื่องดี
หญิงชราเคยกล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้ ว่าการควบคุมพลังดวงตะวันถือเป็นเรื่องยากยิ่ง
พลังดวงตะวันถูกดูดกลืนโดยวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ จากนั้นพลังเก้าดวงตะวันจะถูกปลดปล่อยออกมาทีละน้อย ด้วยวิธีการนี้ มันจะไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายของเขา
ไม่อย่างนั้นแล้ว หากกระแสพลังเก้าดวงตะวันโหมเข้าสู่ร่างกาย มันอาจถึงขั้นบาดเจ็บสาหัสได้
ฉินหยุนหลับตา ใช้พลังเก้าดวงตะวันบำรุงเลี้ยงร่างกาย ภายในกายขณะนี้ร้อนรุ่ม
กระทั่งได้วิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬควบคุมพลังดวงตะวัน พลังที่อ่อนด้อยที่สุด ก็ยังทำให้เขารู้สึกราวกับร่างกายจมสู่ลาวา
หญิงชราได้แต่อึ้ง นางไม่คาดคิด ว่าฉินหยุนจะสามารถหาวิธีการหล่อเลี้ยงร่างกายได้รวดเร็วเพียงนี้
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ค่ายอาคมที่ปกคลุมด้วยแสงหลากสีสันเริ่มหม่นแสง
พลังงานพอหมด ค่ายอาคมก็หยุดการทำงานตามไป
ฉินหยุนยังคงมีพลังดวงตะวันอีกมากอยู่ภายในวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ มันจะทำให้เขาสามารถหล่อเลี้ยงร่างกาย กระนั้น ก็พอให้หล่อเลี้ยงได้สักสามชั่วยามเท่านั้นเอง
“หกแสนเหรียญม่วง พอให้ใช้ได้แค่ครึ่งวัน!” ฉินหยุนถึงกับพูดไม่ออก หากเขาคิดอยากหล่อเลี้ยงร่างกายทั้งวัน ก็จำเป็นต้องใช้เหรียญม่วงนับล้าน
หนึ่งเดือน เท่ากับต้องใช้กว่าสามสิบล้าน!
เดิมเขาครอบครองเหรียญม่วงนับสิบล้าน ปริมาณเท่านั้นถือว่ามากล้น แต่ตอนนี้ มันกลับกลายเป็นพอให้เขาได้ใช้แค่สิบวัน!
“ก็ได้ ก็ได้ ใครใช้ให้เรามีวิญญาณยุทธ์สีดำถึงสองกันเล่า!”
ฉินหยุนรู้สึกดีที่เป็นอาจารย์จารึกวิญญาณ อย่างน้อยมันก็จะทำให้ง่ายต่อการหาเหรียญม่วงในภายหน้า
เพียงพริบตา อีกเดือนหนึ่งผ่านพ้น โมโมในที่สุดก็ซ่อมแซมค่ายอาคมเคลื่อนย้ายได้สำเร็จ กระนั้นก็เพียงพอให้ใช้งานได้เพียงครั้งเดียว
นางไม่ได้ซ่อมแซมแบบลงลึก หลังจากใช้งานครั้งหนึ่ง ค่ายอาคมจะแตกสลาย ไม่อาจใช้งานได้อีก
ค่ายอาคมเคลื่อนย้ายนี้ซับซ้อนอย่างยิ่ง พลังงานที่มันใช้มาจากชีพจรเซียนเยือกเข็ง ดังนั้นจึงไม่ต้องห่วงเรื่องพลังงานในการเรียกใช้
หญิงชราอยู่ที่นี่อย่างโดดเดี่ยวมาหลายปี ตอนนี้ได้เห็นฉินหยุนคิดจากไป นางอดไม่ได้ที่จะเผยความไม่เต็มใจ
“ท่านยาย ข้ามีไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรจำนวนหนึ่ง หากท่านฟักพวกมันได้ เช่นนั้นจะมีสัตว์อสูรปรากฏตัวออกมา ให้พวกมันได้อยู่ร่วมกับท่าน!” ฉินหยุนนำไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรออกมาจำนวนหนึ่ง ส่งต่อให้กับหญิงชรา
“ขอบใจเจ้าแล้วเสี่ยวหยุน! ทางด้านวิญญาณยุทธ์จันทราสีดำ อย่าได้ลืมส่งมอบให้แก่นายหญิงน้อยด้วย!” หญิงชราทวนคำ
“ขอรับ!” ฉินหยุนนำโมโมสู่มิติเก็บของ ก้าวเดินขึ้นไปบนค่ายอาคมเคลื่อนย้าย
“ลาก่อนขอรับท่านยาย พวกเราต้องได้พบกันอีก!” เขาโบกมือลาต่อหญิงชรา
“รักษาตัวด้วย!” หญิงชราโบกมือให้เขาพร้อมยิ้มอบอุ่น
ค่ายอาคมเคลื่อนย้ายทำงาน แรงสั่นสะเทือนปรากฏ
ฉินหยุนรู้สึกว่าภาพที่มองเห็น กลับกลายเป็นสีขาว ก่อนจะปรากฏสถานที่ซึ่งคุ้นเคย
ที่นี่ เขาสามารถดูดกลืนพลังวิญญาณเก้าดวงตะวันได้โดยตรง เขากลับมาสู่แดนยุทธ์อ้างว้างแล้ว!
ค่ายอาคมเคลื่อนย้าย เพียงส่งเขามายังแดนยุทธ์อ้างว้าง ไม่ได้ระบุเจาะจงว่ามาที่ภูมิภาคใด
“นี่เราอยู่ที่ไหนกัน? ต้องหาคนมาสอบถาม!”
เขาขณะนี้คิดเร่งรีบกลับประตูลึกเก้าสมบูรณ์ เพื่อให้กระต่ายหยกได้ช่วยรักษาพิษของเฟิงหงหลัน
ฉินหยุนนำเอาเข็มทิศชี้เมืองออกมา นี่เป็นของขวัญเล็กน้อยที่มู่เฟิงมอบให้เขาตอนไปยังนครราชันจารึก มันสามารถชี้ไปยังตำแหน่งเมืองใกล้เคียงได้
เขาใช้พลังของรองเท้ากำราบมังกรออกวิ่งรวดเร็ว ไปตามทิศทางที่เข็มทิศบ่งชี้
ตราบเท่าที่พบเมืองและสอบถามถึงสถานที่ตั้ง เมื่อนั้นเขาจะทราบว่าสามารถไปยังประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์ได้อย่างไร
หลังเดินทางตลอดทั้งคืน ฉินหยุนพักผ่อนอยู่หนึ่งชั่วยาม จนกระทั่งฟ้าสาง
หลังฟ้าสาง เขาเดินทางจนกระทั่งช่วงบ่าย
ขณะนี้เขานำเอาเข็มทิศชี้เมืองออกมาหาทิศทาง จากนั้นจึงมุ่งหน้าต่อไป
ผ่านการบินบนอากาศกว่าครึ่งชั่วยาม เขาค่อยสัมผัสได้ ถึงออร่าแกร่งกล้าของผู้ฝึกตนอสูรตรงหน้า
“เหตุใดผู้ฝึกตนอสูรจึงอยู่ที่นี่? แถวนี้อยู่ใกล้เส้นทางหนามปีศาจหรือ?” ฉินหยุนคิดเช่นนี้กับตนเอง จากนั้น เขาค่อยร่อนลงที่ป่าเชิงเขา ทำการลอบเร้นสำรวจ
ในป่าแห่งนี้ มีร่องรอยผู้คนใช้เดินเท้ามากมาย เห็นได้ชัดว่าเป็นเส้นทางสัญจรหลัก
ฉินหยุนขณะนี้ระแวดระวัง บินผ่านอากาศ สัมผัสถึงออร่าอสูร เขากำลังเข้าไปใกล้ทีละน้อย
เพียงไม่นาน เขาได้เห็นหลายคนยืนอยู่ในดงไม้ตรงหน้า
จากที่ไกลออกไป พวกเขาส่วนใหญ่ดูแล้วยังดูอยู่วัยหนุ่ม
“ผู้ฝึกตนอสูรมากมายขนาดนี้! คิดทำอะไรกันนี่?” ฉินหยุนขณะนี้เปี่ยมด้วยความสงสัย ฝีเท้ากำลังคืบคลานเข้าไปใกล้
อย่างรวดเร็ว เขาพบว่ากลุ่มคนตรงหน้ากำลังล้อมกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งเอาไว้
กลุ่มคนที่ถูกล้อม คล้ายจะเป็นคนจากหลากหลายตระกูลถูกไล่ต้อนมา!
มีทั้งคนชราและคนหนุ่ม พวกเขากำลังปกป้องผู้เยาว์ของตนเอง ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายโดนโจมตี
ชายชราและชายวัยกลางคน ทั้งสองอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ขณะที่ชายหนุ่มอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์
ในกลุ่มพวกเขา นอกจากผู้เยาว์แล้ว ที่เหลือล้วนบาดเจ็บกันไม่ใช่น้อย!
เด็กหนุ่มในชุดสีแดงเผยสีหน้าโกรธแค้นผ่านทางใบหน้า
ชั่วขณะนี้ ฉินหยุนอยู่ห่างจากกลุ่มคนกว่าร้อยเมตร เขาพอทราบโดยคร่าวว่าอะไรเป็นอะไร
ทว่าเขาก็ไม่อาจเชื่อ ว่าจะมีกลุ่มศิษย์สำนักอสูรมากมายในแดนยุทธ์อ้างว้างรวมตัวกันที่นี่!
นอกจากนี้ กลุ่มศิษย์สำนักอสูรเหล่านี้ ขณะนี้กลับร่วมมือกับกลุ่มศิษย์จากสำนักชอบธรรมของแดนยุทธ์อ้างว้าง!
ศิษย์จากทั้งสองสำนักมีคนเกือบร้อย พวกเขาล้วนอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า มีกันตั้งแต่ระดับที่หนึ่งจนถึงระดับที่ห้า
“ศิษย์สำนักจารีตเช่นพวกเจ้าสมควรเคยได้ยินเรื่องศิษย์สำนักอสูรกินคนมาบ้าง ทว่าไม่เคยเห็นกับตาใช่หรือไม่?” เด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ในชุดสีดำ กล่าวพลางหัวเราะอย่างชั่วร้าย
หนึ่งในศิษย์สำนักชอบธรรมหัวเราะตอบ “เคยได้ยินมาบ้าง แต่ไม่เคยมีโอกาสได้พบเห็นกับตา!”
กลุ่มศิษย์สำนักอสูรมีกันกว่าสิบคน พอพวกเขาได้ยินดังนี้ อดไม่ได้จนต้องหัวเราะดังออก
“พวกเรามีวิธีการกินผู้คนมากมายนัก ภายหน้าพวกเจ้าจะได้เห็น! ตอนนี้ให้ข้าได้กินเด็กนั่น! ชายชรากับชายวัยกลางคนอีกสองคนนั่น แก่เกินไปจนข้ากินไม่ลง!”
ผู้ฝึกตนชุดแดงของวิถีเต๋าอสูร ขณะนี้ก้าวเดินออกมาพร้อมหัวเราะ
ฉินหยุนผู้ซึ่งหลบซ่อนบนยอดไม้ ขณะนี้มึนงงต่อสถานการณ์ตรงหน้า!
จากที่เห็น ความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์จากสำนักอสูร กับสำนักชอบธรรมคล้ายเป็นไปได้ด้วยดี
“เกิดอะไรขึ้นกับแดนยุทธ์อ้างว้างในช่วงหกเดือนมานี้กัน?” ฉินหยุนพอได้เห็นศิษย์สำนักอสูรคิดอยากกินผู้อื่น เขามีโทสะพร้อมพุ่งทะยานกายออกไป
ขณะนี้ เขาหยุดที่ตรงหน้าศิษย์เต๋าอสูรร่างกำยำ!
เมื่อผู้ฝึกตนอื่นได้เห็นเด็กหนุ่มชุดดำปรากฏตัวอย่างไม่ทราบที่มา ทั้งยังคล้ายเป็นผู้มีกำลังเหนือล้ำ พวกเขาประหลาดใจไปวูบหนึ่ง
“ฮ่าฮ่าฮ่า รอสักประเดี๋ยวแล้วกัน! เด็กหนุ่มผู้ฝึกตนวรยุทธ์เต๋าคนนี้คล้ายน่าอร่อยกว่าผู้อื่นนัก!” ศิษย์สำนักอสูรร่างสูงกำยำ ขณะนี้หัวเราะลั่นขณะกล่าวคำออก