ตอนที่ 431 สะบั้นเศียรอสูร

Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน

ฉินหยุนมองกลุ่มศิษย์ชาวอสูรด้วยความเย็นชา น้ำเสียงเย็นเยือกกล่าวออก “พวกเจ้าทั้งที่เป็นอสูรกลับอหังการในแดนยุทธ์อ้างว้างเพียงนี้ หรือว่านี่แดนยุทธ์อ้างว้างตกอยู่ภายใต้เต๋าอสูรไปเสียแล้ว?”

กลุ่มชายหนุ่มตรงหน้าขณะนี้ระเบิดหัวเราะเสียงดัง

“นี่เพิ่งออกจากถ้ำมาหรืออย่างไร? ไม่ทราบหรือว่าพวกเราสามแดนอ้างว้าง ขณะนี้มีข้อตกลงยอมรับร่วมกัน สามารถไปมาหากันได้อย่างอิสระ? พวกเราขณะนี้มีข้อตกลงแล้ว ดังนั้นย่อมไม่นับเป็นศัตรูต่อกันอีก!”

“เจ้าไม่เห็นหรือ ว่าศิษย์ของทั้งสองฝั่งต่างอยู่ร่วมกันที่นี่?”

“เช่นกัน พวกเราไม่อาจยอมรับที่เจ้าต่อว่าเต๋าอสูรเช่นนั้น!”

“นับว่าแส่หาความตายโดยแท้ เรื่องนี้อย่าได้กล่าวโทษพวกเรา!”

สามแดนอ้างว้างถึงขั้นมีข้อตกลงร่วมกัน!

ฉินหยุนไม่ยอมรับเรื่องนี้ เพราะกลุ่มศิษย์อสูรเหล่านี้โหดเหี้ยมเกินไป ถึงกับวิ่งพล่านไปทั่วแดนยุทธ์อ้างว้าง ทั้งยังก่อกรรมทำชั่วไปทั่วทุกหนแห่ง

“เช่นนั้นเหตุใดจึงคิดกินผู้คนที่นี่? ในเมื่อมีข้อตกลง เช่นนั้นอสูรเช่นพวกเจ้าก็ต้องอยู่ภายใต้กฎของสถานที่!” ฉินหยุนกล่าวถาม

“พวกเราไม่ได้หาเรื่องศิษย์สำนักชอบธรรมเป็นศัตรูเสียหน่อย ผู้อื่นล้วนอย่าได้สนใจ ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ว่าจะด้วยอะไร สำนักใหญ่ของแดนยุทธ์อ้างว้างหาได้ขัดข้องใดไม่ที่จะให้พวกเราได้กัดกินผู้คน! ตราบเท่าที่ไม่เป็นศิษย์พวกเขา นับว่าไม่เป็นอะไร!”

กลุ่มศิษย์เต๋าอสูรเหล่านี้ระเบิดเสียงหัวเราะอย่างชั่วช้า

ฉินหยุนสูดลมหายในเข้าก่อนกล่าวออก “ข้าไม่รู้ว่าสำนักของแดนยุทธ์อ้างว้างตัดสินใจอันใดไป ข้าเพียงทราบ ไม่ว่าจะเป็นศิษย์เต๋าอสูรหรือไม่ใช่ ตราบเท่าที่คิดกินคน เช่นนั้นก็ถือเป็นอสูรร้ายและเป็นศัตรูกับข้า!”

“ดูเหมือนเจ้าเองก็เป็นศิษย์มีสำนักนี่! จงบอก เจ้าสังกัดสำนักใด? แล้วนามว่าอะไร?”

“มันคงไม่กล้าพูดออกมาแล้ว! หากพูดออกมาดังจนเกินไป คงหวาดเกรงพวกเราจะเข้ารุมโจมตีเอา!”

“หากมีความกล้า เช่นนั้นจงรายงานต่อสำนักของเจ้า พวกเราย่อมร่วมมือกันบุกโจมตีสำนักของเจ้า! เพราะบรรดาสำนักของแดนยุทธ์อ้างว้าง ได้ให้สัญญาแล้วว่าจะไม่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับสำนักอสูรของพวกเรา!”

“จงรีบบอกมา ว่าเจ้ามาจากสำนักใด!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า หวาดกลัวเข้าไป! จงวางใจ ต่อให้เจ้าไม่พูดกล่าวออกมา พวกเราก็จะบังคับให้เจ้าพูดออกมาเอง!”

ไม่เพียงแต่ศิษย์สำนักอสูรเหล่านี้ที่หัวเราะ กระทั่งศิษย์สำนักชอบธรรมก็ร่วมวงเข้าไปด้วย

กระบี่ขณะนี้พลันปรากฏที่มือซ้ายของฉินหยุน ทางด้านมือขวากำยันต์จำนวนหนึ่งเอาไว้แน่น

พลังราชสีห์สวรรค์ที่แขนซ้ายของเขากำลังเดือดพล่าน

เขาส่งยันต์เสียงสื่อสารออกไป บอกต่อผู้เฒ่าและเด็กของตระกูลที่อยู่เบื้องหลัง ให้พวกเขารอและรับชมว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก่อนคิดหลบหนี

บรรดาผู้ฝึกตนอสูรขณะนี้ก้าวเดินเข้ามาใกล้

ฉินหยุนมองที่กลุ่มเดรัจฉานตรงหน้าพร้อมกล่าวเย็นเยือก “จงฟัง! ข้านามฉินหยุน มาจากประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์!”

กล่าวคำจบ กระบี่ในมือของเขาพลันร่ายรำออก!

ฉินหยุน ผู้ซึ่งเผยวิชาวายุสังหารออกทั้งหกกระบวนท่า ราวกับเทพแห่งการสังหารที่เปี่ยมล้นด้วยรังสีฆ่าฟัน!

กลุ่มคนพอได้ยินนามฉินหยุน ได้เห็นเคล็ดวิชากระบี่แกร่งกล้าที่ใช้ออก พวกเขาตระหนก

ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!

ทุกการสับฟันของฉินหยุน จะเชือดเฉือนร่างของผู้ฝึกตนอสูร นอกจากนี้ ยังคงเกิดการระเบิดรุนแรง ร่างกายพวกเขาเหล่านั้นระเบิดเป็นเศษชิ้นเนื้อ!

ด้วยกระบวนท่าทั้งหกของวิชาวายุสังหาร เขาลงมือสังหารผู้ฝึกตนอสูรนับสิบที่อยู่ใกล้เคียง!

ผู้ฝึกตนอสูรเหล่านี้ นับว่าอายุยังเยาว์ ย่อมเป็นตัวตนที่มีสถานะในสำนักอสูรไม่ใช่น้อย กระนั้นตอนนี้พวกเขากลับต้องตายอย่างกะทันหัน!

ภาพฉากที่เกิดขึ้น ทำเอากลุ่มคนถึงกับอึ้งไปวูบ!

“ไม่ใช่ว่าฉินหยุนเข้าสวนโบราณไปแล้วหรือ? เหตุใดตอนนี้ปรากฏตัวที่นี่?”

“ทั้งตำหนักโทเทมและตระกูลเมิ่ง ขณะนี้ล้วนตั้งค่าหัวชายคนนี้ หากพวกเราจับเป็นได้ เท่ากับสามารถได้รับห้าสิบล้านเหรียญม่วง หากสังหารมัน ก็จะได้ยี่สิบล้านเหรียญม่วง!”

“ไม่เพียงแต่ตำหนักโทเทมและตระกูลเมิ่ง กระทั่งสำนักราชันอัคคี สำนักราชันทะยานสวรรค์ และสำนักราชันเหนือหล้า ทั้งหมดล้วนตั้งค่าหัวชายคนนี้ไว้หลายสิบล้านเหรียญม่วง!”

“อย่างนั้นแล้วยังพูดจาไร้สาระอันใด รีบลงมือเร็วเข้า!”

“มันลำพังตัวคนเดียว และยังอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สอง พวกเรามีกันเจ็ดคนอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่ห้า จัดการมันย่อมไม่ใช่เรื่องยาก!”

แตกตื่นไปครู่ กลุ่มคนขณะนี้กลายเป็นบ้าคลั่ง ตื่นเต้นยินดี พร้อมพุ่งทะยานเข้าใส่ฉินหยุน

เป็นฉินหยุนไม่คาดคิด ว่าตนจะกลายเป็นผู้มีค่าหัวสูงล้ำ

เขาเกิดความลำบากใจเมื่อได้เห็นกลุ่มคนตรงหน้าพุ่งทะยานเข้ามาพร้อมกัน กระนั้น ก็ได้แต่ต้องยื้อเวลาเอาไว้ให้พวกชายชราได้หลบหนี

ฉินหยุนขณะนี้ ฉับพลันโยนยันต์สะกดกายออก กลุ่มคนกว่าสิบใกล้เคียงตัวเขา ต่างกายแข็งทื่อ!

เสียงคำรามร้องออก ปลดปล่อยพลังวิญญาณยุทธ์สั่นไหวปกคลุมร่างกาย และจากนั้นค่อยเรียกใช้กรงเล็บราชสีห์สวรรค์!

ร่างเขาพุ่งทะยานเข้าหากลุ่มคน ใช้งานวายุสังหารหกกระบวนท่า!

วูบ! วูบ! วูบ! วูบ!

กรงเล็บราชสีห์สวรรค์ เปรียบดั่งสายลมโหยหวน ปลดปล่อยเสียงคำรามร้องจนคู่ต่อสู้ตื่นตะลึง!

เปลวเพลิงทองม่วงลุกโชน ปกคลุมร่างกลุ่มคนนับสิบเอาไว้ภายใน

ชั่วขณะนี้ ฉินหยุนใช้งานพลังซึ่งแกร่งกล้าที่สุดในร่าง ปลดปล่อยพลังเต๋าออกจนถึงขีดสุด!

เพียงพริบตา บรรดาผู้ฝึกตนมนุษย์และอสูร ต่างถูกลดทอนจำนวนไปโดยกรงเล็บราชสีห์สวรรค์ของฉินหยุน

กลุ่มคนที่เสียชีวิต ไม่เพียงแต่มีขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สามและสี่ กระทั่งมีสองคนที่อยู่ระดับห้า!

ก่อนหน้านี้ กลุ่มคนที่ลงมือเชื่องช้าหงุดหงิด เพราะไม่อาจรวดเร็วได้เท่ากลุ่มคนตรงหน้า ขณะนี้พอได้เห็นกลุ่มคนตรงหน้าพุ่งเข้าไปแตกสลายร่างกลายเป็นเศษชิ้นเนื้อ พวกเขากลายเป็นยินดีและหวาดกลัวไปพร้อมกัน

“เป็นยันต์สะกดกาย! ทุกคนถอยห่างจากมัน อย่าอยู่รวมกัน!” คนหนึ่งตะโกนขึ้น

หลายคนเริ่มกระจายตัว ด้วยวิธีการนี้ ยันต์สะกดกายของฉินหยุนจะไม่อาจหยุดยั้งกลุ่มคนเป็นจำนวนมากได้

“ฉินหยุน เจ้าลงมือสังหารกลุ่มคนมากมายเพียงนี้ ย่อมต้องถูกไล่ล่าโดยศิษย์แกร่งกล้าจำนวนมากของสำนักอสูร!”

“วันนี้เจ้าต้องตาย!”

“ทุกคนโจมตีจากระยะไกล!

ฉินหยุนกัดฟันกรอด เขาทราบว่าสถานการณ์ขณะนี้ตนเองเสียเปรียบอย่างยิ่ง

แม้เขาสังหารกลุ่มคนไปกว่าครึ่งแล้ว กระนั้นก็ยังเหลือขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่ห้าอีกจำนวนหนึ่ง

ส่วนทางด้านขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สี่ มีเหลือกันอีกกว่าสิบคน

เขานำเอาหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรออกมา ขวางการโจมตีส่วนใหญ่เอาไว้

เขามียันต์สะกดกายเหลือไม่มาก ที่เหลือขณะนี้เก็บเอาไว้ใช้ในยามคับขัน

กลุ่มคนก็ไม่กล้าเข้าใกล้เพราะกลัวจะกลายเป็นเศษชิ้นเนื้อ

หากพวกเขารวมกลุ่มกันและโจมตีฉินหยุน เช่นนั้นก็มีแต่ความตายที่รอคอย

เลือกโจมตีจากระยะไกล นี่ก็เพื่อบั่นทอนกำลังของฉินหยุน

พอได้เห็นดังนี้ ฉินหยุนตัดสินใจหนี!

“อย่าปล่อยมันไป! เร่งรีบตามล่ามัน!”

“มันสังหารคนไปมากมายเพียงนี้ หากยังปล่อยมันหนี ย่อมกลายเป็นที่ขบขันแล้ว!”

“พวกเราเป็นกลุ่มใหญ่ อย่าให้มันหยอกล้อพวกเราเล่นได้!”

“หากพวกเราจับเป็นฉินหยุน ย่อมได้รับผลกำไรงดงามจากตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงที่คิดซื้อตัวมัน!”

“โทเทมราชสีห์สวรรค์ที่กายของมันก็ล้ำค่ายิ่ง!”

ผู้คนต่างตะโกนเสียงดังขณะไล่ตามฉินหยุน พวกเขาล้วนคิดเห็นเช่นเดียวกัน ที่ฉินหยุนเลือกหนีหาย เพราะทราบว่าไม่อาจต่อกรพวกตน

ฉินหยุนวิ่งผ่านอากาศด้วยรองเท้ากำราบมังกร ความเร็วเลิศล้ำ มีแต่ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่ห้าจึงไล่ตามเขาได้ กระนั้นก็เป็นไปด้วยความยากลำบากไม่น้อย

ขณะบินผ่านอากาศ เขานำเอาเข็มทิศออกมาตรวจสอบทิศทาง หลังจากทราบทิศทาง เขาค่อยวิ่งต่อด้วยความวางใจมากขึ้น

ตราบเท่าที่เขาสามารถไปถึงตำหนักจารึกเทวะ ทุกอย่างย่อมง่ายดาย

ตำหนักจารึกเทวะที่สร้างในเมือง จะปลดปล่อยออร่าสำหรับบ่งบอกเข็มทิศชี้เมือง เพื่อให้บรรดาอาจารย์จารึกทราบว่าควรเดินทางไปยังที่ใด

ฉินหยุนพอได้เห็นกลุ่มคนด้านหลังไล่ตามห่างไกลออกไปเรื่อย เขายิ่งวางใจ

ผ่านไปครึ่งวัน ขณะนี้กลายเป็นช่วงเวลาเย็นแล้ว

ฉินหยุนได้พบเห็น

ตรงหน้าคือหอคอยขนาดใหญ่ ตั้งตระหง่านอยู่บนพื้นหินราบเรียบ

เป็นสาขาของตำหนักจารึกเทวะ!

นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินหยุนได้เห็นตำหนักจารึกเทวะตั้งตระหง่านโดดเดี่ยว

เขาไม่คาดคิด ว่าตำหนักจารึกเทวะที่เข็มทิศบ่งชี้ จะไม่ได้อยู่ในเมือง

ตำหนักจารึกเทวะแห่งนี้ไม่ใหญ่นัก ความสูงก็เพียงห้าถึงหกชั้น และประตูยังปิดเอาไว้แน่น ไม่ทราบว่าเป็นตำหนักจารึกเทวะที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้หรือไม่

“นั่นตำหนักจารึกเทวะ! อย่าปล่อยให้มันได้เข้าไป!”

“ฉินหยุนเป็นอาจารย์จารึก พวกเราไม่มีทางโจมตีมันได้หากปล่อยให้เข้าตำหนักจารึกเทวะ!”

“เร็วเข้า รีบโจมตีมัน!”

หลายคนขณะนี้ยิงลำแสงพลังจากด้านหลัง เป้าหมายคือฉินหยุนที่บินกลางอากาศ

ความเร็วของฉินหยุนถือว่ามากล้ำ ดังนั้นเขาเพียงหลบไม่กี่ครั้งทั้งซ้ายและขวา ก็หลบพ้นการโจมตีเหล่านั้นจนหมด

คลื่นการโจมตีที่โหมจากด้านหลังขณะนี้ ทิ้งไว้เพียงแรงระเบิดด้านหลัง

ผู้คนด้านในตำหนักจารึกเทวะ คล้ายตื่นตระหนกจนเร่งรีบเปิดประตูออก

ชั่วขณะนี้ คล้ายว่าตำหนักจารึกเทวะที่ดูเก่าแก่แห่งนี้ จะกลายเป็นลุกโชนส่องแสงสีทองม่วงออกมา

หอใหญ่คล้ายได้รับชีวิตกลับคืน ส่องแสงสว่างสีทองคำเรืองรอง มันทั้งสง่างามและแกร่งกล้า

สิ่งนี้คือค่ายอาคมใหญ่ของตำหนักจารึกเทวะ!

คลื่นการโจมตีเมื่อครู่ ถือว่าทำให้เกิดการแปรผันทางพลังอย่างรุนแรง ทำให้ค่ายอาคมใหญ่ของตำหนักจารึกเทวะทำงานด้วยตัวเอง

“ข้าเป็นอาจารย์จารึก รีบให้ข้าเข้าไป!” ฉินหยุนนำเหรียญตราทองขาวของตนออกมา

ผู้อาวุโสหนวดยาวก้าวเดินออกจากประตู ยามได้เห็นฉินหยุน น้ำเสียงนี้ร้องอุทานดังออก “ฉินหยุน!”

“ท่านปู่จ้าว!” ฉินหยุนไม่คาดคิด ว่าจ้าวฉวนจะอยู่ที่นี่ และต้วนเฉียนก็อยู่ข้างกายเขาด้วย

จ้าวฉวนเร่งรีบปิดอาคมใหญ่ ดึงเอาฉินหยุนเข้าประตูตำหนักจารึกเทวะ จากนั้นค่อยปิดประตูแน่น

ฉินหยุนพอเข้ามาในหอใหญ่ได้แล้ว เขาค่อยถอนหายใจยาวโล่งอก จากนั้นจึงนั่งกับพื้น สำรวจมองห้องโถงกว้าง

เขาไม่คาดคิด ว่าจ้าวฉวนและต้วนเฉียนจะอยู่ที่นี่

“ผู้อาวุโส ในที่สุดก็ได้พบท่านทั้งสอง!” ฉินหยุนขณะนี้เผยยิ้มกว้าง

“ฉินหยุน เจ้าก่อปัญหาขึ้นมากมายนัก ควรทำตัวให้เงียบงันกว่านี้บ้าง!” จ้าวฉวนหัวเราะ

“ข้าไม่คิด ว่าการที่ขั้วอำนาจใหญ่ตั้งค่าหัวจะมีผลรุนแรงเพียงนี้ ถึงกับมีคนมากมายไล่ล่าเจ้า!” ต้วนเฉียนกล่าวคำ

ฉินหยุนส่ายศีรษะก่อนสูดลมหายใจเข้าลึก เขาบอกต่อจ้าวฉวนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น

จ้าวฉวนถอนหายใจออก “เฮ้อ กองกำลังใหญ่ของแดนยุทธ์อ้างว้าง คิดอยากไปยังแดนสัตว์อสูรอ้างว้างเพื่อได้รับน้ำมันสัตว์ เพราะเหตุนั้นพวกเขาจึงเปิดชายแดนถึงกัน! นอกจากนี้ จ้าวสำนักเต๋าอสูรยังให้สัญญา ว่าจะไม่ทำร้ายผู้คนของแดนยุทธ์อ้างว้าง”

“ทว่าศิษย์เต๋าอสูรเหล่านั้นโหดเหี้ยม พวกเขาคุ้นชินแต่กับการกระทำโฉดชั่ว ดังนั้นจึงไม่มีทางห้ามปรามพวกเขาอย่างเด็ดขาด!”

ฉินหยุนกล่าวคำเสียงเย็น “ตราบเท่าที่ข้าจัดการอสูรเหล่านั้น ข้าย่อมสังหารพวกมันทุกผู้คน!”

“ฉินหยุน เจ้าไม่ได้เข้าสู่สวนโบราณหรอกหรือ? ได้ยินว่าต้องใช้เวลานับปีจึงค่อยออกมาได้ เหตุใดตอนนี้ออกมาแล้ว?” ต้วนเฉียนเอ่ยถาม

“นี่ถือเป็นเรื่องไม่คาดคิดขอรับ!” ฉินหยุนโบกมือไปมาพลางกล่าวตอบ

ต้วนเฉียนและจ้าวฉวนก็ทราบ ว่าพวกเขาไม่ควรพูดคุยเรื่องของสวนโบราณ ดังนั้นจึงได้แต่ปล่อยให้เป็นคำถามค้างคาเอาไว้

“แล้วที่นี่คือที่ไหนหรือขอรับ? ข้าจะกลับไปยังประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์ได้อย่างไร?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

จ้าวฉวนตอบคำ “ที่นี่คือแดนยุทธ์อ้างว้างภูมิภาคตอนเหนือ กระนั้น ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา อุกกาบาตมากมายได้ร่วงหล่น ผลึกแก้วหยกอักขระชีวิตมากมายอยู่ในหินอุกกาบาต พวกมันดึงดูดความสนใจผู้คนไม่ใช่น้อย”

ฉินหยุนขมวดคิ้ว “หรือจะเป็นว่า กลุ่มคนเหล่านั้นมาที่นี่เพื่อค้นหาผลึกแก้วหยกอักขระชีวิต?”

“ย่อมเป็นเช่นนั้น! อุกกาบาตเหล่านั้นประหลาดยิ่ง บ้างที่ใหญ่หน่อย มันกระทั่งมีสัตว์แกร่งกล้าอยู่ภายใน กระทั่งขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณยังถูกสังหาร!” ต้วนเฉียนเอ่ยคำ

“ท่านมีแผนที่พอจะมอบให้แก่ข้าได้หรือไม่ขอรับ? ข้าคิดเร่งรีบเดินทางกลับไปยังประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์!” ฉินหยุนเอ่ยคำร้องขอ