ตอนที่ 34 คุณควรยิ้มบ่อยๆนะ

The rise of the white lotus

ตอนที่34 คุณควรยิ้มบ่อยๆนะ

ขอบคุณสวรรค์และพระผู้เป็นเจ้าที่ทำให้เล็กซี่สามารถรักษาอารมณ์บนใบของเธอได้สำเร็จ แม้ว่าผิวหนังและฟันจะเกร็งแน่นก็ตาม เธอยิ้มตามปกติ และต่อบทสนทนาโดยใช้คำพูดที่ไพเราะ และได้รับนามบัตรทางธุรกิจจากนักธุรกิจที่มีอิทธิพลหลายคน

ดังนั้นแม้ว่าอีธานจะหยอกล้ออย่างต่อเนื่อง แต่เธอก็รอดชีวิตมาได้ จนพวกเขาจะแสดงความยินดีกับเซราฟีน่าเยว่ช่วงปิดงาน และขอให้เธอโชคดีในการเป็นผู้นำจักรวรรดิเยว่

หลังจากที่ประธานหญิงเซราฟีน่าเยว่กล่าวลาออกไป เล็กซี่ก็รอให้ผู้มีชื่อเสียงคนอื่น ๆ จากไปก่อนอย่างนอบน้อม ก่อนจะถึงตาตนเอง ในขณะที่รออยู่นั้น เล็กซี่ก็ได้เดินเข้าไปหาทานากะเร็น ซึ่งในที่สุดก็แยกตัวออกจากประธานเยว่สักที

” คุณทานากะ ” ด้วยรอยยิ้มสุภาพ เล็กซี่เรียกออกไปเบาๆ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ดูเหมือนว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของเขา ขณะที่เล็กซี่ เหลือบมองเขาที่ขบกรามแน่น อนิจจาเมื่อเธอร้องเรียกเร็น เขาก็ปรับสีหน้าให้เรียบง่ายทันที ราวกับว่าท่าทางที่แสดงออกถึงความรำคาญต่อเล็กซี่ เห็นเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนเป็นเพียงจินตนาการของเธอเอง

“ คุณหนูหยาง ~!” ตามปกติแล้วภาพลักษณ์ของเร็นมักจะเป็นมิตรกับทุกคนที่เขาคุยด้วย ” ผมขอบคุณจริง ๆนะครับ ที่วันนี้คุณมาตามคำเชิญของผม ” เขาเสริมด้วยรอยยิ้มกว้าง

“ ไม่หรอกค่ะ คุณทานากะเป็นฉันเองที่ควรขอบคุณอย่างจริงใจที่ทำให้ฉันได้พบกับบุคคลที่น่าเคารพเหล่านี้ ” ด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง เล็กซี่แสดงความขอบคุณที่เธอมีต่อชายคนนี้อย่างตรงไปตรงมา อันที่จริงโอกาสนี้จะเป็นการเปิดประตูสำหรับโอกาสต่าง ๆที่ตระกูลหยางสามารถทำได้ในอนาคต และหากเล็กซี่ไม่แสดงออกอย่างนี้ เธอก็ไม่สามารถขอบคุณเร็นได้อีกต่อไป

เมื่อสัมผัสได้ถึงความจริงใจที่ลึกซึ้งของคำพูดของเธอ เร็นยิ้มอย่างสดใสขณะที่เขามองท่าทางของเล็กซี่ไปสักพัก เขาก็เอ่ยออกมา “คุณหนูหยาง ไม่ทราบว่าคุณพอจะช่วยอะไรผมหน่อยได้ไหม?”

“ด้วยความยินดีค่ะ”

ด้วยเหตุนี้ทั้งคู่จึงออกจากห้องอาหารที่กว้างขวาง โดยรักษาระยะห่างอย่างมืออาชีพ สำหรับเล็กซี่เมื่อเห็นว่าอีธานถูกลากออกไปก่อนหน้านี้พร้อมกับนักธุรกิจคนอื่น ๆ เธอก็รู้สึกโล่งใจที่ไม่ต้องทนกับการหยอกล้องของเขาต่อ

เมื่อมองไปที่ชายที่อยู่ข้างๆเธอ เล็กซี่รวบรวมความกล้าที่จะถามถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงว่าทำไมคนอย่างทานากะเร็น จึงเอ่ยเชิญเธอเข้าร่วมงานดังกล่าว ยิ่งไปกว่านั้นเช่นเดียวกับสิ่งที่ชูรูบอกเธอเมื่อหลายวันก่อน เธอควรถามออกไปแทนที่จะเดาตลอดเวลา

“ คุณทานากะ ถ้าคุณไม่รังเกียจ ฉันอยากรู้ว่าทำไมคุณถึงให้โอกาสนี้กับฉัน?

“ อย่างที่คุณรู้คุณหนูหยาง ผมมีนิสัยชอบมองเห็นบางสิ่งบางอย่างหรือแม้แต่ใครบางคนที่มีศักยภาพพอที่จะทำให้บริษัทของผมพัฒนาขึ้น…ดังนั้นผมจึงมักจะเสี่ยงกับสิ่งต่างๆเสมอ”

เมื่อได้ยินคำตอบที่ดีของเขา เล็กซี่ก็รู้สึกยินดี เธอได้รับการเตือนว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยรู้สึกดีกับการไล่ตามและทำเพื่อผู้ชายคนนั้นเลย เหมือนเธอเกือบลืมคุณค่าของตัวเองทั้ง ๆที่เธอยังคงมีสิ่งที่เรียกว่าความภาคภูมิใจ

เล็กซี่กัดริมฝีปากล่างเล็กน้อย ขณะที่เธอยับยั้งตัวเองไม่ให้แสดงรอยยิ้มที่กว้างเกินไป เธอไม่ได้สังเกตเห็นร่างของอีธานลู่ที่อยู่ข้างหน้าพวกเขา โดยที่เธอจ้องมองลงไปชั่วครู่เท่านั้น

ในทางกลับกันอีธานลู่ก็เหลือบไปเห็นเล็กซี่ที่กำลังยิ้มราวกับเด็กที่ได้รับคำชม ยินดีกับบางสิ่งบางอย่างและบังคับตัวเองไม่ให้แสดงออกมา ด้วยอะไรบางอย่างจุดประกายแวววาวในดวงตาของเขา และเดินเข้ามาใกล้ทั้งสองร่างที่อยู่ข้างหน้าเขาโดยไม่รู้ตัว

“ ประธานทานากะ คุณหนูหยาง ” อีธานลู่ก้มศีรษะเล็กน้อยเพื่อทักทาย เล็กซี่ที่ได้ยินเสียงของอีธาน ก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขาชั่วขณะ เธอเห็นสายตาที่อ่านไม่ออกจากอีธาน ขณะที่เขามองไปที่เธอก่อนที่จะหันไปสนใจทานากะเร็น

‘ฮะ? เมื่อกี้หมายความว่าอะไร?’

” ประธานทานากะ ผมขอโทษที่ขัดจังหวะเวลาของคุณกับคุณหนูหยาง แต่ -” อย่างไรก็ตามก่อนที่อีธานจะพูดจบประโยคของเขา เขาถูกเร็นขัดจังหวะทันที

“ คุณลู่ ถ้าคุณอิจฉาใครสักคน คุณจะมองคนคนนั้นยังไง? ” เร็นที่ดูเหมือนจะใส่ใจกับบางสิ่งถามออกมา ซึ่งทำให้เล็กซี่และอีธานงงงวย

แม้ว่าอีธานลู่จะไม่แน่ใจในสิ่งที่เขาหมายถึงคืออะไร แต่เขาก็ยังยิ้มให้เห็นฟันที่ขาวของเขา “ น่าเสียดาย แต่ผมไม่เคยรู้สึกอิจฉาเลย…ไม่ว่าก่อนหน้านี้หรือตอนนี้ คุณทานากะ” อีธานตอบด้วยความมั่นใจ

เล็กซี่ที่ได้ฟังคำตอบของเขาก็พยักหน้าเห็นด้วย หากมีสิ่งใดที่เธอเห็นด้วยกับอีธานลู่ก็คงเป็นตอนนี้ เพราะตลอดคืนที่ผ่านมาเขาทำตัวเรื่องไร้สาระตลอดทั้งคืน คำพูดนี้จึงทำให้เธอมั่นใจได้โดยไม่ต้องมีคำถามมาแย้ง

“ โอ้?” เร็นที่ไม่ได้ถามอะไรต่อ แต่อารมณ์ของเขาก่อนหน้านี้มันเหมือนกับว่ามีบางอย่างที่ทำให้เขาชะงัก เล็กซี่ค่อนข้างรู้สึกตกใจว่าทานากะเร็นสามารถเปลี่ยนบุคลิกของเขาได้เร็วเพียงใดในเสี้ยววินาที อย่างไรก็ตามในขณะที่อีธานลู่กำลังจะพูดต่อ อยู่ๆผู้ช่วยของเร็นก็โผล่ออกมา

ผู้ช่วยกระซิบอะไรบางอย่างซึ่งทำให้ทานากะเร็นพยักหน้ารับ ก่อนที่จะหันกลับไปสนใจเล็กซี่และอีธาน “อืม ดูเหมือนว่าผมมีธุระซะแล้ว เอาไว้ถ้ามีโอกาสเราค่อยมาคุยกันใหม่นะประธานลู่ ” หลังจากนั้น เร็นดึงบางอย่างออกมาจากด้านในของเสื้อเบลเซอร์ที่ได้รับการดีไซน์ย่างประณีต แล้วส่งให้เล็กซี่

แน่นอนโดยไม่ต้องมองไปที่มัน เล็กซี่ยิ้มขณะที่เธอรับนามบัตรของชายคนตรงหน้า สำหรับเธอ แม้ว่าเธอจะพลาดโอกาสที่จะพูดคุยเพื่อทำตามเป้าหมายของเธอในวันนี้ แต่ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ ในเมื่อเธอมีช่องทางการติดต่อกับทานากะเร็นอยู่ในมือ เธอก็จะได้รับโอกาสในไม่ช้า

“ โทรหาผมได้ทุกเมื่อเมื่อคุณต้องการ คุณหนูหยาง ประธานลู่ ผมหวังว่าเราจะผมกันอีกในอนาคตนะ” ด้วยข้อความดังกล่าว เร็นก้มศีรษะเล็กน้อยและจากไปพร้อมกับผู้ช่วยของเขา ทิ้งทั้งสองคนไว้ข้างหลัง

เล็กซี่มองลงไปในมือของเธอและยืนยันว่าการ์ดใบเล็กที่ทานากะเร็นมอบให้เธอเป็นนามบัตรของเขาจริง ๆ มีเพียงนักธุรกิจไม่กี่เท่านั้นที่สามารถติดต่อเขาได้โดยไม่ต้องผ่านผู้ช่วยของเขา เธอจึงรู้สึกเป็นเกียรติมาก เพียงแค่นี้ก็เกิดความรู้สึกที่ท่วมท้นในใจ ก่อนหน้านี้เธอต้องกดดัน ไขว่คว้าความหวังอันริบหรี่ ทั้งสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกมากมายที่เกิดขึ้นกับตระกูลหยางของเธอ เล็กซี่ไม่สามารถบังคับริมฝีปากของเธอไม่ให้โค้งขึ้นด้วยความยินดีได้

“ คุณควรยิ้มบ่อยๆนะรู้หรือเปล่า” อีธานแสดงความคิดเห็นเมื่อเห็นรอยยิ้มที่พยายามปกปิดของเธอ

…………………………………………………………………………………..………………………………………………………………………………………