บทที่ 305 เหตุการณ์ประหลาด
ทุกคนได้เห็นว่าเฉาพั่วเถียนที่ก่อนหน้านี้ส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด อยู่ดีๆ เขาก็หยุดชะงัก และมีพลังงานสีดำไหลออกมาจากบาดแผลบนร่างกาย
“ข้า… ข้า…”
ดูเหมือนว่าเฉาพั่วเถียนจะรับรู้ได้ถึงความน่ากลัวบางอย่าง
เขากำลังจะพูด แต่แล้วน้ำสีดำข้นขลั่กเหมือนน้ำหมึกก็ไหลออกมาจากปาก
สีหน้าของผู้สังเกตการณ์ประจำเรือเปลี่ยนไปอีกครั้ง
“นี่มันพลังปราณปีศาจ!” เขาร้องคำราม สิ่งแรกที่ทำโดยไม่รู้ตัวคือขยับกายมายืนปกป้องหลินเป่ยเฉิน
“ย๊ากกก…”
เฉาพั่วเถียนระเบิดเสียงร้องคำราม
ดวงตาของเขามีแต่ตาดำปราศจากตาขาว เสียงคำรามเหมือนสัตว์ร้ายที่กำลังตะกายขึ้นมาจากขุมนรก เลือดทุกหยดที่ไหลออกมาจากบาดแผลกลายเป็นสีดำสนิท เมื่อมันไหลลงมากองรวมกันบนพื้นดาดฟ้าเรือ ก็เกิดเป็นกลิ่นเหม็นชวนอาเจียนตลบอบอวล
พลังลมปราณแผ่ออกมาจากตัวของเด็กหนุ่มผมทองอย่างหนาแน่น
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
หลินเป่ยเฉินไม่เข้าใจเลยจริงๆ
มีใครวางยาพิษเฉาพั่วเถียนหรือไง?
ภาพที่เผยแพร่ออกไปผ่านการถ่ายทอดสด สร้างความตื่นตกใจให้กับชาวเมืองที่รวมตัวกันอยู่บริเวณท่าเรือยิ่งนัก
“ให้ตายเถอะ นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“ดูเหมือนว่าจะเป็นพลังของพวกปีศาจนะ”
“ไม่มีทาง เฉาพั่วเถียนจะดวงตามืดบอดขนาดนั้นเชียวหรือ?”
“จะไม่ใช่ได้อย่างไร มีแต่ผู้ที่รับพลังปีศาจเท่านั้นแหละ ถึงได้มีอาการคลุ้มคลั่งอย่างนี้…”
“นี่เจ้าหมายความว่าลูกศิษย์ของเมืองไป๋หยุนเป็นสาวกปีศาจอย่างนั้นหรือ?”
เกิดเสียงอุทานดังขึ้นไล่กันไปเหมือนคลื่นสึนามิ บรรดาคนดูต่างก็ลุกขึ้นยืนจากที่นั่ง
ไม่มีใครคิดเลยว่าการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของศึกชิงธง จะมีเหตุการณ์เหลือเชื่อเช่นนี้เกิดขึ้นได้
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ฉู่เหินและอาจารย์คนอื่นๆ ก็ไม่เข้าใจเช่นกัน
อาการของเฉาพั่วเถียนมันเป็นสัญญาณของพวกสาวกปีศาจชัดๆ
แต่ถึงเขาจะเป็นสาวกปีศาจ แต่ก็ยังมีสถานะเป็นลูกศิษย์จากเมืองไป๋หยุนอยู่ดี
เมืองไป๋หยุนมีความเชื่อว่าผู้ที่เป็นสาวกปีศาจจะต้องเป็นมาแต่กำเนิด และถ้าลูกศิษย์ของพวกเขากลายเป็นสาวกปีศาจเสียเอง นี่ก็คงเป็นเรื่องฉาวโฉ่ที่ทำให้ภาพลักษณ์ของเมืองแห่งเซียนกระบี่เสียหายไม่เหลือชิ้นดี
หลิงจุนเซวียนลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
นี่คือครั้งแรกของวันนี้ที่ผู้ว่าการประจำเมืองหยุนเมิ่งมีรอยยิ้ม
ก่อนหน้านี้ แม้แต่ตอนที่หลินเป่ยเฉินกำลังไล่บดขยี้เฉาพั่วเถียนด้วยความดุดัน สีหน้าของท่านเจ้าเมืองก็ยังคงเรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลง
แต่บัดนี้ หลิงจุนเซวียนมีความรู้สึกลิงโลดใจเป็นอย่างยิ่ง เดิมที่เขามีปัญหาไม่ค่อยถูกชะตากับไป๋ไห่ชินอยู่แล้ว เมื่อเกิดเหตุฉาวโฉ่กับลูกศิษย์เมืองไป๋หยุน นั่นก็ทำให้เขาไม่ต้องเกรงใจสถานะของศิษย์กับอาจารย์คู่นี้อีกต่อไป
หลิงจุนเซวียนรู้ดีว่าเหตุการณ์ประหลาดในครั้งนี้จะต้องถูกเผยแพร่ออกไปทั่วจักรวรรดิแน่นอน
ไม่มีใครสามารถปิดข่าวได้ เพราะขณะนี้มีการถ่ายทอดสดให้ผู้คนนับหมื่นได้รับชม
นอกจากนั้น ยังมีการบันทึกภาพลงในศิลาเก็บภาพอีกด้วย
ถ้าเรื่องนี้ถูกจัดการได้ไม่ดีพอ รับรองว่าเมืองไป๋หยุนคงต้องถึงคราวล่มสลาย
อย่าว่าแต่มันจะเป็นข่าวที่ดังไปทั่วมณฑลเฟิงอวี่หรือทั่วจักรวรรดิเป่ยไห่ ดีไม่ดีข่าวนี้จะล่วงรู้ไปถึงหูพวกจักรวรรดิจี้กวงซึ่งเป็นศัตรูตัวฉกาจของพวกเขาอีกด้วย
นั่นจะทำให้อำนาจของจักรวรรดิเป่ยไห่ต้องสั่นคลอน
แค่คิด หลิงจุนเซวียนก็รู้สึกหนาวสั่นแล้ว
ผู้ตรวจการประจำมณฑลเฟิงอวี่ที่ก่อนหน้านี้ใช้นิ้วมือเคาะที่วางแขนเก้าอี้เล่นฆ่าเวลา บัดนี้ เมื่อได้เห็นภาพที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอถ่ายทอดสด สีหน้าของเขาก็แสดงออกถึงความประหลาดใจเล็กน้อย และเมื่อเขาลุกขึ้นยืนในอีกไม่กี่อึดใจต่อมา ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
หลังสลัดความตกตะลึงออกไปได้แล้ว ถังกู่จินก็หันหน้ามามองไป๋ไห่ชินตาขวาง
บัดนี้ ผู้เป็นอาจารย์ของเฉาพั่วเถียนมีสีหน้าว่างเปล่า
ร่างกายของเขาสั่นเทาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
“ไม่นะ… เป็นไปไม่ได้…”
ริมฝีปากของเขาสั่นระริก น้ำเสียงแหบแห้ง
กลุ่มคนที่นั่งอยู่ในเขตแขกคนสำคัญ ล้วนแต่หันมาจ้องมองเขาด้วยความตกตะลึง
บนเขตที่นั่งที่ห่างออกมาไม่ไกล บรรดารองอาจารย์ใหญ่และผู้ติดตามจากสำนักกระบี่ระดับสามัญชื่อดัง ต่างก็ทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
พวกเขาไม่ใช่ชาวเมืองทั่วไปที่มารับชมการแข่งขัน แต่เป็นเจ้าหน้าที่ถูกส่งมาโดยตรงจากสถาบัน และพวกเขาก็รู้ดีว่าเหตุการณ์นี้นับเป็นเรื่องร้ายแรงต่อจักรวรรดิเป่ยไห่มากแค่ไหน
โดยเฉพาะสถานการณ์ในปัจจุบันที่กองทัพของจักรวรรดิจี้กวงมีความแข็งแกร่งมากขึ้นและยกทัพมาบุกโจมตีพวกเขาไม่เคยหยุด หากมีข่าวหลุดไปว่าลูกศิษย์ของเมืองไป๋หยุนเป็นสาวกปีศาจ ผู้คนทั้งจักรวรรดิก็จะต้องตกอยู่ภายใต้ความตื่นกลัว
พรึบ!
ทันใดนั้น หน้าจอถ่ายทอดสดเกิดอาการติดๆ ดับๆ ขึ้นมาพร้อมกัน
เกิดปัญหาขึ้นกับการส่งสัญญาณภาพและเสียง
สุดท้ายหน้าจอก็ดับวูบลง
หลิงจุนเซวียนหัวใจกระตุกวูบ
เขาหันมาสั่งงานหลี่สงฟู่ผู้เป็นเจ้ากรมกระทรวงศึกษาประจำเมืองและเฉินซือเจี๋ย เจ้าหน้าที่จากจวนผู้ว่าด้วยความร้อนใจ “พวกเจ้ารีบไปดูว่าใครตัดสัญญาณถ่ายทอดสด เราจะให้สัญญาณขาดช่วงไม่ได้ รีบซ่อมแซมสัญญาณโดยเร็ว แล้วข้าจะรีบกลับมา”
บัดนี้ การถ่ายทอดสดขาดช่วงลงอย่างกะทันหัน
ถังกู่จินหันกลับมาคำรามว่า “เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ ท่านยังห่วงเรื่องการถ่ายทอดสดอยู่อีกหรือ?”
หลิงจุนเซวียนไม่แม้แต่จะชำเลืองหน้าหันมามองด้วยซ้ำขณะตอบว่า “แล้วสนใจไม่ได้หรืออย่างไร?”
เฉินซือเจี๋ยกับหลี่สงฟู่หายตัวไปเพื่อแก้ไขปัญหาการถ่ายทอดสด
ณ ขณะนี้ ชาวเมืองที่รวมตัวกันอยู่ในเขตท่าเรือได้แต่ลุกขึ้นยืนจากที่นั่งและหันมาพูดคุยกันพร้อมกับคาดเดาว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นที่กลางทะเลกันแน่…
…
ผ่านไปช่วงเวลา 1 ก้านธูป
พรึบ!
หน้าจอการถ่ายทอดสดกลับมาเปิดติดอีกครั้ง
เฉาพั่วเถียนถูกควบคุมตัวอยู่ในสภาพหมดสติ
แต่บาดแผลตามลำตัวและใบหน้าของเขา มีสภาพเหมือนเปรอะเปื้อนด้วยรอยหมึกสีดำ
แม้จะอยู่ในอาการบาดเจ็บสาหัส แต่ร่างกายของเขาก็ชักกระตุกอย่างรุนแรง บางครั้งก็จะระเบิดพลังลมปราณออกมาหนาแน่นน่าหวาดกลัว
ไม่มีใครรู้เลยว่าในช่วงที่สัญญาณการถ่ายทอดสดขาดหายไป มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
ท่านเจ้าเมืองหลิงจุนเซวียน เจ้ากรมกระทรวงศึกษาประจำเมืองหลี่สงฟู่และเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆ ได้ปรากฏตัวขึ้นบนเรือร้านขายอัญมณีหลิวไคเรียบร้อยแล้ว
“ชาวเมืองทุกท่านโปรดทราบ เราได้ตรวจพบยาหมื่นบุปผาแมลงพิษในร่างกายของเฉาพั่วเถียน บัดนี้ จำเป็นต้องรีบส่งตัวเขาเข้ารับการรักษาโดยทันที… นั่นเท่ากับว่าการแข่งขันชิงธงประจำปีนี้จบลงแล้ว การถ่ายทอดสดจะยังคงดำเนินต่อไปตามขั้นตอนเดิมที่วางเอาไว้ทุกประการ”
หลิงจุนเซวียนพูดออกมาเสียงดัง
สีหน้าของทุกคนยิ้มแย้มออกมาปราศจากความผิดปกติ
ราวกับว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
สวนทางกับความรู้สึกของชาวเมืองที่ชมการถ่ายทอดสด
“หลังจากตรวจสอบดูแล้ว เรื่องที่เฉาพั่วเถียนถูกวางยาพิษ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการแข่งขันแม้แต่น้อย”
หลังจากนั้น หลี่สงฟู่ผู้เป็นเจ้ากรมกระทรวงศึกษาประจำเมือง ก็เดินเข้ามายืนอยู่กลางหน้าจอและประกาศผลผู้ชนะการแข่งขันประจำปีนี้
การที่เฉาพั่วเถียนถูกวางยาพิษ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับหลินเป่ยเฉิน
นั่นหมายความว่าตำแหน่งผู้ชนะการค้นหาผู้มีพรสวรรค์ประจำเมืองในปีนี้ ตกเป็นของหลินเป่ยเฉิน
เรือร้านขายอัญมณีหลิวไคมุ่งตรงกลับไปที่ท่าเรือ
บริเวณท่าเทียบเรือ ณ บัดนี้ เริ่มมีกลุ่มคนจำนวนมากมารวมตัวกันเพื่อส่งเสียงต้อนรับวีรชนผู้ชนะการแข่งขัน ดวงตาของทุกคนจ้องมองไปยังส่วนลึกของท้องทะเล
ในที่สุดการแข่งขันประจำปีนี้ก็จบลงแล้ว
หลายคนเพิ่งมีโอกาสได้เข้าชมการแข่งขันเป็นปีแรก
บางคนอดใจที่จะได้ตะโกนชื่อหลินเป่ยเฉินออกมาไม่ไหวแล้ว
หากไม่เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นในช่วงท้าย หลินเป่ยเฉินก็นับได้ว่าสามารถคว้าชัยชนะอย่างสวยงามไร้ข้อกังขา
แน่นอนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเฉาพั่วเถียนย่อมส่งผลกระทบเล็กน้อยเช่นกัน
แต่โดยส่วนใหญ่แล้วชาวเมืองเกือบทุกคนก็ยินดีที่จะมอบตำแหน่งผู้ชนะให้แก่หลินเป่ยเฉิน เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นเด็กที่เติบโตในเมืองหยุนเมิ่ง ก่อนหน้านี้อาจประพฤติตนเกเรนอกลู่นอกทาง แต่ภายหลังหลินเป่ยเฉินก็พยายามปรับปรุงตัวเป็นคนใหม่และทำให้ชาวเมืองสามารถยอมรับในตัวตนของเขาได้อีกครั้ง
ผิดกับเฉาพั่วเถียนที่ทรยศอาจารย์ของตนเองและเปลี่ยนฝ่ายไปเข้ากับเมืองไป๋หยุน… มิหนำซ้ำ เขายังไม่เคยยอมรับว่าตนเองเป็นเด็กที่มาจากเมืองติดชายทะเลแห่งนี้ด้วยซ้ำ แล้วจะให้ได้ตำแหน่งผู้ชนะการแข่งขันไปอย่างนั้นหรือ นั่นคงเป็นเรื่องตลกมากแล้ว
เมื่อเห็นพวกของหลินเป่ยเฉินปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเรือลำเล็กที่กำลังแล่นเข้าฝั่ง ประชาชนจำนวนมากก็ส่งเสียงโห่ร้องออกมาด้วยความดีใจ
หลายคนตะโกนชื่อของเยว่หงเซียง ไป๋ชินหยุน และมี่หรู่หยาน
บรรยากาศเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาและคึกคักสนุกสนาน
ตามประเพณีที่สืบต่อกันมาช้านาน พิธีการมอบรางวัลให้แก่ผู้ชนะจะจัดขึ้นวันพรุ่งนี้
ผู้ชนะจะได้รับรางวัลจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจักรวรรดิต่อหน้าทุกคน
ชื่อของเขาจะถูกประกาศไปทั่วทั้งเมือง
ท่ามกลางบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองเหล่านี้ ไป๋ไห่ชินยืนตัวสั่นด้วยความโกรธแค้น
เขากำหมัดแน่น รีบเดินเข้าไปหาพวกของหลิงจุนเซวียน ก่อนจะมองหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยแววตาดุร้ายและคำรามออกมาว่า “แบบนี้มันไม่ยุติธรรม…”
——————————