กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 596
เขาหาก้อนน้ำแข็งแล้วโยนลงไปในสระ

“ตูม……”

น้ำในสระสาดกระเซ็น และมีระลอกคลื่นกระจายออกเป็นวงกลม และในที่สุดก็เป็นความว่างเปล่า

มังกรน้ำแข็งที่อยู่ใต้สระไม่ปรากฏตัวออกมา

และไม่มีการตอบสนองใดๆ

ที่นี่เงียบสงบจนน่ากลัว

เยี่ยจิ่งหานยังไม่วางใจ เขาเจอก้อนน้ำแข็งก้อนใหญ่และโยนมันลงไปในสระอีกครั้ง แต่ผลสุดท้ายก็ยังเหมือนเดิม

กู้ชูหน่วนค่อย ๆ เดินไปด้วยท่าทีที่แข็งกร้าว “หากอยากได้ของสักชิ้นก็จะต้องพยายามอย่างสุดความสามารถ และไข่มุกมังกรนี้ ข้าจะต้องเอามาให้ได้”

“เยี่ยจิ่งหาน ท่านไม่ควรมาที่นี่ ท่านฉวยโอกาสตอนที่มังกรน้ำแข็งยังไม่ตื่น รีบไปจากที่นี่ซะ”

“ช่างน่าขัน เจ้าเป็นภรรยาของข้า หากเจ้าไม่ไป แล้วเหตุใดข้าต้องไป”

กู้ชูหน่วนกระทืบเท้าด้วยความโกรธ

“ท่านรนหาที่ตายเองนะ หากต้องจบชีวิตลงที่นี่จริง ๆ ท่านก็อย่ามาโทษข้า”

ในขณะที่พูด นางก็ต้องการจะไปเอาไข่มุกมังกรอีกครั้ง

เยี่ยจิ่งหานกดไหล่ของนางไว้ “เจ้าถอยไป ข้าจะไปเอาไข่มุกมังกรเอง”

กู้ชูหน่วนมองเขาด้วยสายตาที่หวาดระแวงและพินิจพิจารณา

เยี่ยจิ่งหานหัวเราะเยาะ และปล่อยให้นางมอง “แค่ไข่มุกมังกรเพียงเม็ดเดียว หากข้าได้มาแล้ว ข้าจะนำมาให้เจ้า”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ กู้ชูหน่วนก็รู้สึกละอายใจเล็กน้อย

เยี่ยจิ่งหานช่วยชีวิตนางไว้หลายครั้งหลายครา นางไม่มีเหตุผลที่จะต้องสงสัยเขา

“ไม่ต้องหรอก เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่าน”

“สามีภรรยาก็เหมือนคนคนเดียวกัน เรื่องของเจ้าก็คือเรื่องของข้า ไปหลบเถอะ”

“ฮ่า ๆ ๆ ……ช่างเป็นสามีภรรยาที่รักใคร่กันอย่างลึกซึ้ง วันนี้พวกเจ้าทั้งสองคน ใครก็อย่าคิดว่าจะเอาไข่มุกมังกรไปได้”

ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้น เสียงหัวเราะนั้นค่อนข้างแก่ แต่เต็มไปด้วยพลังที่แข็งแกร่ง

คนอื่น ๆ ยังอยู่ห่างไกล หากเสียงมาถึงแล้ว พวกเขาก็คงจะเป็นยอดที่มือที่ไม่มีใครเทียบได้

“หึ ๆ ๆ…..”

ไม่นานก็มีชายชราสองคนปรากฏตัวขึ้นตรงหน้ากู้ชูหน่วนและเยี่ยจิ่งหาน

คนหนึ่งอายุหกสิบกว่า และอีกคนหนึ่งอายุเจ็ดสิบกว่า

ชายชราทั้งสองยังดูแข็งแรง เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นนิ่ง ๆ พวกเขาก็ดูสง่าผ่าเผยและน่าเกรงขาม แม้แต่อากาศก็เย็นลงเล็กน้อย

พวกเขาไม่ใช่ใครอื่น เป็นรองหัวหน้าเผ่าซือคงของเผ่าเพลิงฟ้า และผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเยี่ย

กู้ชูหน่วนและเยี่ยจิ่งหานสีหน้าเปลี่ยน

“เป็นพวกท่าน พวกท่านรู้จักที่นี่ได้อย่างไร?”

“เหอะ……พวกเจ้าหาที่นี่เจอ แล้วทำไมพวกเราจะหาไม่เจอ?”

กู้ชูหน่วนมองไปที่เยี่ยจิ่งหาน และส่งสายตาว่าเขาถูกสะกดรอยตามใช่หรือไม่

เยี่ยจิ่งหานส่ายหัว

เขาจะประมาทจนให้คนสะกดรอยตามมาได้อย่างไร

กู้ชูหน่วนหวาดระแวง และมักจะทำตัวลึกลับไม่เปิดเผย ดังนั้นเขาจึงส่งคนสนิทให้สะกดรอยตามนาง

ต่อมานางรวดเร็วมากจนลูกน้องของเขาตามไม่ทัน จึงรีบไปรายงานเขา หลังจากที่เขาคิดอย่างรอบคอบแล้ว เขาก็สงสัยว่านางจะมาที่ขั้วโลกเหนือ

เมื่อมาถึงขั้วโลกเหนือ เขาก็ยังไม่แน่ใจว่ากู้ชูหน่วนอยู่ที่นี่

จู่ ๆ กู้ชูหน่วนก็ยกริมฝีปากขึ้นและยิ้ม

“ที่แท้พวกท่านก็ตามเหวินเส่าอี๋มา”

“อ้อ……เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกเราตามเหวินเส่าอี๋มา?”

รองหัวหน้าเผ่าซือคงและผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเยี่ยมองดูไข่มุกมังกรที่ห้อยลงมาจากน้ำตกด้วยความโลภ และค่อนข้างสนใจกับคำพูดของกู้ชูหน่วน

“ง่ายมาก พวกท่านโรยกลิ่นดอกบัวลงบนร่างของเหวินเส่าอี๋ ก่อนหน้านี้กลิ่นดอกบัวของเขาจาง ๆ แต่เมื่อมาที่ขั้วโลกเหนือ กลิ่นดอกบัวบนร่างของเขาก็เพิ่มขึ้น”

“อีกอย่างเขาก็เป็นนายน้อยของเผ่าเพลิงฟ้า แม้ว่าเผ่าเพลิงฟ้าจะพบกับศัตรูตัวฉกาจ แม้ว่าพวกท่านจะซ่อนเขาไว้บนเตียงน้ำแข็งในห้องลับเพื่อทำการรักษา แต่การรักษาก็ไม่จำเป็นต้องทำให้เขาไร้ความสามารถก็ได้ไม่ใช่หรือ”

“พวกท่านคิดไว้แล้วว่าข้าจะลักพาตัวเหวินเส่าอี๋ออกไป และพวกท่านก็รู้เรื่องเส้นทางลับนั้นแล้ว แต่พวกท่านก็ไม่กำจัดให้สิ้นซาก และจงใจปล่อยพวกเราไป พวกท่านปล่อยสายเบ็ดให้ยาว เพื่อตกปลาตัวใหญ่ ข้าเดาถูกใช่หรือไม่”

แต่ละคำที่กู้ชูหน่วนพูด ทำให้ใบหน้าของเยี่ยจิ่งหานอึมครึม

รองหัวหน้าเผ่าซือคงและผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเยี่ย ต้องการที่จะฆ่านากมากยิ่งขึ้น

เยี่ยจิ่งหานกล่าวอย่างโกรธเคือง “กู้ชูหน่วน ทำไมเจ้าถึงรู้กลิ่นบนร่างของเหวินเส่าอี๋ได้อย่างชัดเจนเช่นนี้?”

กู้ชูหน่วนตกใจ

ดูเหมือนนางจะคิดไม่ถึงว่าเยี่ยจิ่งหานจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

นางยกมือขึ้นสาบาน “ข้าสาบาน ว่าที่ข้ารู้กลิ่นบนร่างของเขา เพราะข้าเป็นหมอ และหมอก็มีจดจำกลิ่นได้เป็นอย่างดี”

“เถียงข้าง ๆ คู ๆ แล้วเจ้าลักพาตัวเขาไปทำไม?หรือเป็นเพราะเห็นว่าเขาหน้าตาดี จึงอยากจะเก็บเขาไว้”

“ฟ้าดินเป็นพยาน ข้ามีเพียงท่านผู้เดียวก็วุ่นวายมากพอแล้ว จะหาเหาใส่หัวอีกได้อย่างไร เหวินเส่าอี๋นั่นมีอะไรหรือ?ข้ายังอยากมีชีวิตอยู่อีกหลายปี”

อีกอย่างด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเผ่าหยกและเผ่าเพลิงฟ้าแล้ว นางจะชอบใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่เหวินเส่าอี๋

เยี่ยจิ่งหานเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “จริงหรือ?”

“จริงเสียยิ่งกว่าจริง”

“ข้าวุ่นวายมากเลยหรือ?”

“จะเป็นไปได้อย่างไร เมื่อครู่เป็นข้าเองที่อธิบายไม่ชัดเจน ท่านอ๋องจิตใจดี อ่อนโยนและเอาใจใส่ดูแล ท่านอย่าโกรธเลย เดี๋ยวพิษจะกำเริบอีก แล้วข้าก็คงจะต้องทุกข์ใจ”

แม้จะรู้ว่านางโกหก แต่สีหน้าของเยี่ยจิ่งหานก็ดีขึ้นไม่น้อย

รองหัวหน้าเผ่าซือคงและผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเยี่ยหัวเราะเยาะ

“ความตายกำลังใกล้เข้ามา ยังจะเกี้ยวพาราสีกันอยู่ได้ วันนี้พวกเจ้าทั้งสองคน ไม่ว่าใครก็อย่าคิดว่าจะมีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ได้”

รอยยิ้มของกู้ชูหน่วนจางหายไปในทันที นางมองไปที่รองหัวหน้าเผ่าซือคงและผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเยี่ยและคนอื่น ๆ อย่างเฉยเมย

“หากให้ข้าเดาอีก หัวหน้าเผ่าเพลิงฟ้าไม่รู้ว่าพวกท่านมาที่นี่ใช่หรือไม่?พวกท่านไม่เพียงแต่ต้องการจะฆ่าข้า แต่ต้องการที่จะฆ่าเหวินเส่าอี๋ เพื่อยึดครองเผ่าเพลิงฟ้า”

“หึ……”

ไอสังหารของรองหัวหน้าเผ่าซือคงและผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเยี่ย เปล่งประกายออกมาอย่างไม่สามารถปกปิดได้

“จุ๊ ๆ ๆ พวกท่านว่าพวกท่านอายุมากขนาดนี้แล้ว คนหนึ่งไม่มีลูกไม่มีเมีย และอีกคนหนึ่งครึ่งร่างใช้การไม่ได้ จะช่วงชิงอำนาจกันไปทำไม เผ่าเพลิงฟ้าน้ำนิ่งไหลลึก จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะควบคุมเผ่าเพลิงฟ้าได้ทั้งหมด แม้ว่าพวกท่านจะยึดอำนาจไปได้ แล้วจะมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่วัน?”

“หากข้าเป็นพวกท่าน ข้าจะหาภรรยาสักคนมาใช้ชีวิตร่วมกัน ในวันที่พวกท่านตายจะได้มีคนมาเก็บศพของพวกท่าน”

รองหัวหน้าเผ่าซือคงโกรธจัด และสว่านน้ำแข็งที่ห้อยอยู่ในถ้ำน้ำแข็งพุ่งไปที่กู้ชู้หน่วน

นัยน์ตาของเยี่ยจิ่งหานหรี่ลง และเหวี่ยงขลุ่ยหยกขาวที่อยู่ในมือ ขลุ่ยดังขึ้นเองโดยไม่มีใครเป่า

เสียงขลุ่ยที่ไพเราะกลายเป็นพลังลมปราณที่รุนแรง และพุ่งไปที่สว่านน้ำแข็งที่อยู่ตรงหน้ากู้ชูหน่วน

ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน

รองหัวหน้าเผ่าซือคงและผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเยี่ย ต่างก็มีวรยุทธระดับหก

เดิมทีเยี่ยจิ่งหานมีวรยุทธขั้นสูงสุดระดับหก แต่ในตอนนี้ลดลงมาจนเหลือระดับห้า อีกทั้งยังบาดเจ็บสาหัสและถูกวางยาพิษมานับครั้งไม่ถ้วน

ส่วนกู้ชูหน่วนมีเพียงวรยุทธระดับสองเท่านั้น ไหล่ แขน และท้องของนางล้วนแต่ได้รับบาดเจ็บ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณท้องที่นางถูกมือสังหารชุดดำทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส

หากนางไม่ใช้กำลังก็ไม่เป็นไร แต่หากใช้กำลังบาดแผลของนางก็อาจจะอาจเปิดได้ทุกเมื่อ

สถานการณ์ของพวกเขาไม่ค่อยดีนัก

และทั้งสองคนก็รู้ดีว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดีนัก สู้ไปพวกเขาก็ตายเปล่า

เว้นเสียแต่ว่า……

ทั้งสองคนมองหน้ากัน และนึกถึงคำหนึ่งคำ อุบาย