ตอนที่ 1888 จุดจบของพระสนมฉิน (9) / ตอนที่ 1889 จุดจบของพระสนมฉิน (10)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 1888 จุดจบของพระสนมฉิน (9)

ดวงตาของเจี่ยนเฟยเฟยฉายแววมุ่งร้าย

ทั้งหมดเป็นความผิดของนาง! ถ้าไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวของนาง ข้าก็คงได้เป็นฮูหยินตระกูลฉี และฉีซูกับมารดาของเขาก็คงมาสยบอยู่แทบเท้าข้า!

ดังนั้นนางจึงเกลียดอวิ๋นลั่วเฟิงที่ทำให้นางเสียอำนาจควบคุม ขณะที่นางยืนขึ้นและชักกระบี่ออกจากฝักแล้วเล็งไปที่ด้านหลังศีรษะของอวิ๋นลั่วเฟิง

ทันทีที่กระบี่ฟันลงมาอวิ๋นลั่วเฟิงก็หันกลับมาราวกับมีตาหลังแล้วเตะเจี่ยนเฟยเฟยกระเด็นออกไปด้วยท่าทางสง่างาม เจี่ยนเฟยเฟยลอยไปตกอยู่บนกลางถนนจนเกิดเสียงดังสนั่น

“เจ้าอยากจะลอบโจมตีข้างั้นหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มแล้วยกมือขึ้นมากอดอกขณะที่ก้มลงมองเจี่ยนเฟยเฟยที่กระอักเลือดออกมาอย่างต่อเนื่อง นางมองมาที่อวิ๋นลั่วเฟิงอย่างเกลียดชังโดยไม่ละสายตา

“เจ้าทำลายแผนของข้า ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแม้ว่าข้าจะกลายเป็นวิญญาณก็ตาม!”

“เจ้าทำเรื่องให้ข้าขุ่นเคืองแล้วยังคิดว่าตัวเองยังมีสิทธิ์ที่จะกลายเป็นวิญญาณอีกเหรอ” หญิงสาวเลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน น้ำเสียงเย่อหยิ่งอย่างที่สุดของนางทำให้เจี่ยนเฟยเฟยโกรธจนหน้าซีด

ฉีซูพาผู้คุ้มกันมาล้อมตัวเจี่ยนเฟยเฟย เขาพูดพร้อมความเย็นเยียบบนใบหน้าหล่อเหลา “เจ้าประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้ว! พวกเจ้า จับกุมนางแล้วสังหารนางด้วยการหั่นร่างเป็นพันชิ้น!”

โดนหั่นเป็นพันร่างชิ้นงั้นหรือ!

การลงโทษนี้ทำให้เจี่ยนเฟยเฟยตัวสั่นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว นางรู้ว่าฉีซูไม่มีทางปล่อยนางไปแน่แต่นางก็ไม่คิดว่าเขาจะลงโทษนางด้วยการหั่นร่างเป็นพันชิ้น…

“ไม่นะ ข้ายังไม่ได้ทำอะไรผิด เจ้าจะทำแบบนี้กับข้าไม่ได้!” เจี่ยนเฟยเฟยบ้าคลั่งอย่างที่สุดแล้วพยายามจะหนี แต่ก่อนที่นางจะมีโอกาส นางก็โดนฉีซูเหยียบไว้

“เจ้าไม่ได้ทำอะไรงั้นหรือ ถึงแม้ว่าฉีเจิ้งจะเป็นคนสังหารพี่ชายข้าแต่เจ้าเป็นตัวการหลัก! ที่สำคัญ…” เขายังไม่ลืมว่าตอนที่เขาก้าวเข้ามาในตระกูลฉีอีกครั้ง คนพวกนี้ทำตัวโอหังแล้วบังคับให้มารดาที่บริสุทธิ์ของเขาขอโทษ เมื่อเขาคิดถึงฉากนั้น หัวใจของเขาก็รู้สึกเหมือนถูกบีบรัดแน่น ดังนั้นไม่ว่าฉีเจิ้ง ฉีมั่วหรือเจี่ยนเฟยเฟย…เขาก็ไม่มีทางปล่อยให้ตายสบายแน่นอน!

ฉีมั่วยังตะลึงอยู่และไม่กล้าพูดออกมาแม้แต่คำเดียว ทันทีที่เขาหันหลังพยายามจะหนี ดวงตาคมของฉีซูก็หันมาแล้วโจมตีฉีมั่วด้วยฝ่ามือลมทรงพลัง

ตอนนั้นเองร่างก็ฉีมั่วก็กระเด็นลอยออกไปแล้วกระแทกเข้ากับผนังดังปัง ทันใดนั้นผนังก็พังทลายแล้วกลายเป็นซากปรักหักพังทับร่างของเขา

“พาเขาออกไป ข้าจะคิดหาวิธีที่ดีที่สุดและเจ็บปวดที่สุดเพื่อลงโทษเขา!” ฉีซูเผยรอยยิ้มเย็นชา ในใจของเขารู้สึกปลอดโปร่งจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้

“ฉีซู เจ้าจะเป็นผู้นำตระกูลฉีในอนาคต ข้ายินดีกับเจ้าด้วย” มู่เจิ้นเทียนยิ้มบาง “แต่ว่า ข้าก็ต้องบอกอะไรเจ้าสักหน่อย เด็กผู้หญิงที่ชื่ออวิ๋นคนนั้นต้องเกี่ยวข้องกับอวิ๋นเยว่ชิงแน่นอน เชื่อสัญชาตญาณข้าเถอะ”

ใช่แล้ว เขามีความรู้สึกว่าอวิ๋นลั่วเฟิงและอวิ๋นเยว่ชิงต้องมีความเกี่ยวข้องกันบางอย่างแน่นอน

สายตาของฉีซูดูเหม่อลอย แล้วเขาก็จมอยู่ในความคิดขณะที่มองไปยังจุดที่อวิ๋นลั่วเฟิงจากไป

ตกกลางคืน บรรยากาศยามค่ำคืนยังคงนิ่งสงบเหมือนสายน้ำ

พระสนมฉินขดตัวอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องขณะที่ร่างของนางสั่นไม่หยุด

ประตูถูกเปิดออกจนเกิดเสียงดัง ไม่นานร่างสุกสว่างก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า เมื่อเงยหน้าเห็นใบหน้าหล่อเหลาของชายวัยกลางคน น้ำตาก็ไหลลงมาอย่างเศร้าสร้อย

“ฝ่าบาท หม่อมฉันโดนใส่ความเพคะ องค์หญิงสี่เป็นคนใส่ร้ายหม่อมฉันเพคะ

มุมปากของมู่เจิ้นเทียนยกขึ้นเป็นรอยยิ้มโหดเหี้ยม “ข้ารู้ว่าเจ้าโดนใส่ร้าย แต่มู่เอ๋อร์ไม่ได้เป็นคนใส่ร้ายเจ้าหรอกนะ”

…………………………

ตอนที่ 1889 จุดจบของพระสนมฉิน (10)

อะไรนะ!

พระสนมฉินมองมู่เจิ้นเทียนด้วยความตกตะลึง

ฝ่าบาทรู้ว่าข้าโดนกล่าวหาและยังรู้ด้วยว่าองค์หญิงสี่ไม่ได้เป็นคนทำด้วย ถ้าอย่างนั้นเหตุใดเขาถึงทำดีกับนางแบบนี้

“ฝ่าบาทหมายความว่าอย่างไร” ริมฝีปากของพระสนมฉินสั่นขณะมีสีหน้าดูไม่ได้

“เพราะว่า..” มู่เจิ้นเทียนหยุด “บุรุษพวกนั้นที่ไปทำร้ายเจ้าและทำเจ้าตั้งครรภ์เป็นองครักษ์ลับของข้าเอง!”

ตูม!

ความคิดของพระสนมฉินระเบิดออกและใบหน้าซีดเผือดของนางก็ปรากฏความตะลึงและไม่อยากเชื่อ

ฝ่าบาทเป็นคนส่งคนพวกนั้นมางั้นหรือ เป็น…เป็นไปได้อย่างไร เหตุใดเขาถึงต้องทำให้ตัวเองเป็นสามีที่โดนสวมเขาด้วย

“นี่เป็นราคาที่เจ้าต้องจ่าย เมื่อหลงผิดแล้วตั้งใจจะทำร้ายชีวิตของมู่เอ๋อร์!” สีหน้าของมู่เจิ้นเทียนเย็นชามาก “ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าเชื่อจริงๆ หรือว่าข้าจะไม่รู้ว่าบุตรชายของเจ้าไม่ใช่บุตรในสายเลือดของข้า”

สีหน้าของพระสนมฉินยิ่งซีดเผือด นางกัดริมฝีปากแน่นขณะที่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ

ฝ่าบาทรู้แล้วงั้นหรือ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

มู่เจิ้นเทียนพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยนมากขึ้น แต่พระสนมฉินได้ยินแต่เสียงของความเกลียดชังจนเข้ากระดูกเท่านั้น

“เจ้าคิดว่าข้ารักเจ้าจริงๆ เพราะก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้ลงโทษเจ้าใช่หรือไม่ เจ้าผิดแล้ว! ข้าแค่อยากหาว่าใครที่ทำให้ข้าโดนสวมเขาต่างหาก! โชคดีที่ข้าสืบจนรู้ว่าบุตรชายของเจ้าเป็นบุตรขององค์ชายสามแห่งอาณาจักรเทียนฉี!” มู่เจิ้นเทียนหัวเราะอย่างเย็นชา “ข้าปล่อยเจ้าไปชั่วคราวก็เพื่อดึงงูออกมาจากรู และเมื่อวานนี้ข้าก็จับทหารลับที่มาส่งจดหมายจากอาณาจักรเทียนฉีได้”

พระสนมฉินส่ายหน้าไม่ยอมรับ นางไม่รู้จริงๆ ว่ามู่เจิ้นเทียนรู้ทุกอย่างตั้งแต่เมื่อไหร่

“พอข้ารู้ทุกอย่างแล้วก็ไม่จำเป็นต้องปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อ!” มู่เจิ้นเทียนเงยหน้ามองสตรีที่ทรุดตัวอยู่ที่พื้น “ดังนั้นข้าจึงจงใจให้เจ้าแท้งบุตรตอนอยู่ที่ตระกูลฉี”

พระสนมฉินหลุบตา หัวใจของนางหยุดเต้นไปเพราะความสิ้นหวังแล้ว ถึงอย่างไรนางก็เป็นสตรีของฝ่าบาท เหตุใดเขาถึงทำตัวโหดร้ายกับนางขนาดนี้ เขาไม่ลังเลที่จะทำให้คนทั้งโลกรู้ว่าเขาโดนสวมเขาเลยงั้นหรือ

“ข้ารู้ว่าเจ้าคงสงสัยว่าเหตุใดข้าถึงเลือกทำให้คนอื่นรู้ว่าเจ้าทรยศข้าเพื่อลงโทษเจ้า” มู่เจิ้นเทียนยิ้มเยาะ “ข้าไม่ได้แค่อยากให้เจ้าตาย ข้าอยากให้ชื่อเสียงของเจ้าแปดเปื้อนและโดนทั้งโลกเหยียดหยาม นี่เป็นจุดจบที่เจ้าคิดจะรังแกมู่เอ๋อร์!”

ทันใดนั้นพระสนมฉินก็เงยหน้ามองมู่เจิ้นเทียนขณะที่ตัวสั่น

เพื่อมู่เสวี่ยซิน เขาไม่ลังเลที่จะทำให้ตัวเองอับอาย บุตรสาวสำคัญกับเขาขนาดนั้นเลยหรือ

“มู่เอ๋อร์เป็นบุตรของจักรพรรดินีและการมองดูนางก็เหมือนได้มองจักรพรรดินี ถ้าไม่ใช่เพราะข้าเป็นจักรพรรดิและไม่สามารถมีสตรีได้เพียงคนเดียว ข้าก็คงไม่ให้คนอย่างพวกเจ้าได้ปรากฏตัวหรอก! ถ้าเจ้ารู้ฐานะของตัวเองก็ไม่เป็นไร แต่เจ้าไม่ดูตัวเองแล้วทำเรื่องยุ่งยากให้มู่เอ๋อร์ซ้ำๆ!”

มู่เจิ้นเทียนยืนขึ้นแล้วเอามือไพล่หลัง แสงจันทร์ที่ส่องจากหน้าต่างกระทบแผ่นหลังของเขา

“ดังนั้นเพื่อที่จะระบายความโกรธของมู่เอ๋อร์ ต่อให้ทุกคนรู้ว่าเจ้าทรยศข้าแล้วอย่างไร” พูดจบมู่เจิ้นเทียนก็หันไปมองด้านนอก ภายใต้บรรยากาศยามค่ำคืน ใบหน้าเล็กและบอบบางที่ซีดเผือดขององค์ชายน้อยก็เต็มไปด้วยความตระหนก

“ท่านโกหกข้า ข้าจะไม่ใช่บุตรชายของเสด็จพ่อได้อย่างไร ข้าเป็นองค์ชายของอาณาจักรหลิวเฟิง เป็นจักรพรรดิคนต่อไป!”

พวกเขาต้องกำลังโกหกข้า! ต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน!

พระสนมฉินตื่นตระหนกแล้วรีบลุกขึ้นจากพื้นก่อนจะพุ่งออกไปกอดองค์ชายน้อยที่อยู่ข้างนอก มู่เจิ้นเทียนไม่ได้ขัดขวางแล้วมองสองแม่ลูกอย่างเฉยชา

“ฝ่าบาทเพคะ” พระสนมฉินดึงองค์ชายน้อยเข้ามากอดแล้วหันไปคุกเข่าให้มู่เจิ้นเทียน “บุตรชายของข้าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ได้โปรดละเว้นเขาด้วยเพคะ เขาเป็นแค่เด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น”