นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 480 พูดอะไรแปลกๆ
เขาดึงซูฉิงให้ยืนขึ้น ก่อนจะจงใจเปลี่ยนเรื่องพูด “จริงสิ ช่วงนี้เธอไม่ได้บอกว่าคิดถึงคุณปู่เหรอ? เราไปบ้านใหญ่กัน ไปเยี่ยมทั้งสองท่าน ทั้งสองท่านคงเข้ากันได้ดีเลยล่ะ”
ซูฉิงพยักหน้า คุณปู่กับคุณปู่ฮ่อเป็นเพื่อนสนิทกันมาหลายปี แน่นอนว่าคงจะเข้ากันได้ดี
ทั้งสองเก็บข้าว และพอไปถึงบ้านใหญ่ก็เจอเข้ากับคนรับใช้ที่ออกมารดน้ำดอกไม้พอดี
“คุณปู่ล่ะ?” ฮ่อหยุนเฉิงถามเรียกคนรับใช้มาถาม
เมื่อคนรับใช้เห็นทั้งสองคน ก็ยิ้มและพูดว่า “คุณชาย คุณหญิง ท่านผู้เฒ่ากำลังเล่นหมากรุกกับท่านผู้เฒ่าซูในห้องค่ะ พวกท่านเห็นพวกคุณทั้งสองต้องดีใจมากแน่ค่ะ”
ฮ่อหยุนเฉิงกระตุกมุมปากยิ้มเล็กน้อย ทันทีที่เขากับซูฉิงเดินมาถึงหน้าห้องก็ได้ยินเสียงท่านผู้เฒ่าซูดังออกมา “ฆ่า กินหมากของนาย” ซึ่งฟังดูมีความสุขมาก
ฮ่อหยุนเฉิงและซูฉิงมองหน้ากันก่อนจะยิ้ม ฮ่อหยุนเฉิงยกมือเคาะประตู ไม่นานก็ได้ยินเสียง ‘เข้ามาได้’ ฮ่อหยุนเฉิงถึงได้จูงมือผู้หญิงของเขาเดินเข้าไปช้าๆ
“คุณปู่”
เสียงของทั้งสองดังขึ้นพร้อมกัน ท่านผู้เฒ่าฮ่อและท่านผู้เฒ่าซูเงยหน้าเห็นพวกเขา ใบหน้าก็มีแต่รอยยิ้ม “มาๆๆ เข้ามาเร็วเข้า สองวันก่อนเราสองคนกำลังพูดถึงพวกเธอทั้งสองอยู่เลย ทำไมก่อนกลับมาไม่รู้จักโทรมาล่ะ?”
“ก็อยากเซอร์ไพรส์พวกคุณปู่ไงล่ะคะ” ซูฉิงที่เห็นคุณปู่ก็ยกยิ้ม และความกังวลกับปัญหาในหัวใจก็หายไป
เธอเติบโตมากับปู่ตั้งแต่ยังเด็ก แล้วความสัมพันธ์ระหว่างปู่และหลานก็ลึกซึ้งไม่ธรรมดา
เวลาที่ท่านผู้เฒ่าซูเห็นซูฉิง ก็จะยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวจนริ้วรอยตรงหางตามากองรวมกัน ดูใจดีมาก
“ฉิงฉิง…ไม่ได้เจอตั้งหลายวัน เหมือนว่าเธอจะผอมลงนะ ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง? ไม่มีอะไรใช่ไหม?”
พูดจบท่านผู้เฒ่าซูก็มองฮ่อหยุนเฉิงเป็นพิเศษ แม้ว่าเขาจะพอใจกับหลานเขยคนนี้มาก แต่พอนึกถึงการแต่งงานที่ใกล้เข้ามาเขาที่เป็นคุณปู่ก็รู้สึกยังทำใจไม่ได้เล็กน้อย
“ไหนบอกปู่มาที เขาไม่ได้รังแกหลานใช่ไหม?”
เมื่อฮ่อหยุนเฉิงได้ยิน เขาก็ส่ายหัวและยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ซูฉิงหลุบตาลงและยิ้ม ก่อนจะเอ่ยปลอบท่านผู้เฒ่าซู “คุณปู่คะ ไม่ต้องห่วงนะคะ หยุนเฉิงเขาดีกับหนูมาก วางใจเถอะค่ะ”
เมื่อท่านผู้เฒ่าฮ่อที่เห็นเหตุการณ์ก็พูดช่วย “นายไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฉันดูหยุนเฉิงเขาเติบโตมา จิตใจดี ถ้าเขาทำไม่ดีกับฉิงฉิง ฉันจะไม่ยกโทษให้เขาเป็นคนแรกเลย”
ท่านผู้เฒ่าซูพ่นลม “เด็กดีน่ะใช่อยู่หรอก แต่ฉิงฉิงเป็นหลานสาวที่ฉันเลี้ยงมาเอง ให้แต่งงานกับหลานของนายจะไม่ให้ฉันถามหน่อยหรือไงกัน?”
“เอาล่ะๆ พวกคุณปู่ก็อย่าทะเลาะกันเพราะเรื่องเล็กน้อยนี่เลยค่ะ หนูกับหยุนเฉิงอยู่ด้วยกันอย่างดี พวกคุณปู่วางใจเถอะค่ะ” ซูฉิงรีบเคลียร์
ท่านผู้เฒ่าฮ่อกุมหน้าผากและพูดว่า “ฉันไม่รู้ว่าพวกเธอสองคนกลับมาวันนี้ เลยไม่ได้ให้คนรับใช้ทำของที่พวกเธอชอบกินไว้เลย”
เมื่อพูดจบ ท่านผู้เฒ่าฮ่อก็จะลุกขึ้นเรียกคน ซูฉิงจึงรีบห้ามปรามและพูดอย่างสุภาพ “ไม่ต้องลำบากหรอกค่ะคุณปู่ หนูกับหยุนเฉิงกว่าจะมาเยี่ยมพวกคุณปู่ได้ วันนี้ไม่ต้องให้พวกพี่หวังทำดีไหมคะ เราสองคนทำให้พวกคุณปู่ดีกว่าค่ะ จะได้ลองชิมฝีมือหนูกับหยุนเฉิงด้วยยังไงล่ะ”
ท่านผู้เฒ่าซูและท่านผู้เฒ่าฮ่อมองหน้ากันและตกลงอย่างรวดเร็ว
…
สองชั่วโมงหลังจากที่ซูฉิงและฮ่อหยุนเฉิงยุ่งอยู่ในครัว พวกเขาทำอาหารได้หกจานและซุปอีกหนึ่งอย่าง ทั้งสองท่านได้ออกจากห้องหนังสือมานั่งรออยู่ที่นั่งที่โต๊ะอาหาร เมื่อคุณปู่และหลานทานอาหารกันก็มีความสุขกันมาก
“ฝีมือของฉิงฉิงดีมากเลยนะเนี่ย มื้อนี้เป็นมื้อที่อร่อยที่สุดที่ฉันเคยกินมาเลย” เนื่องจากการกลับมาของเด็กทั้งสองคน ท่านผู้เฒ่าฮ่อก็เหมือนจะมีอารมณ์แจ่มใสขึ้น ขณะที่ท่านผู้เฒ่าซูจ้องมองเขาอย่างภาคภูมิใจ สายตาก็เหมือนจะพูดว่า: เห็นไหม นี่แหละหลานสาวฉัน
เวลาสองทุ่มกว่า ท่านผู้เฒ่าฮ่อลงมาชั้นล่างและกำลังคุยกับซูฉิง พ่อบ้านก็เดินเข้ามากล่าวว่า “ท่านครับ วันนี้คุณชายกับคุณหญิงกลับมา งั้นห้องของพวกเขา…”
“ไอหยา!” หลังจากที่ท่านผู้เฒ่าฮ่อได้ยินก็ราวกับตื่นจากฝัน ก่อนจะหันไปพูดกับพ่อบ้าน “ฉันจำได้ว่าห้องชั้นบนให้เช่าไปหมดแล้วใช่ไหม? เหลือห้องเดียวคือห้องนอนของหยุนเฉิงนั่นใช่ไหม?”
พ่อบ้านชะงักไปครู่หนึ่ง และเมื่อได้เห็นสายตาของท่านผู้เฒ่าฮ่อแล้ว ก็รู้ว่าชายชรานั้นคิดจะทำอะไร จึงรีบตอบไปว่า “ใช่ๆๆ ไม่ใช่เพราะท่านบอกว่าเบื่อเหรอครับ เลยลองให้คนเข้ามาลองเช่าอะไรทำนอนนั้น เลยเอาห้องไปให้คนเช่าแล้ว ตอนนี้เลยเหลือแค่ห้องนอนของคุณชายที่ว่างอยู่ครับ”
ซูฉิงและฮ่อหยุนเฉิงที่ฟังแล้วก็อึ้งไป ปล่อยเช่าไปแล้ว? เป็นไปได้ยังไง!
ฮ่อหยุนเฉิงรู้ดีว่าท่านผู้เฒ่าฮ่อหมายถึงอะไร ดังนั้นเขาจึงก้มหน้าและแอบยิ้ม ทั้งยังไม่เอ่ยคัดค้านอะไรทั้งสิ้น
ท่านผู้เฒ่าฮ่อมองพ่อบ้านด้วยความชื่นชม จากนั้นจึงพูดโดยไม่ตั้งใจ “เอาล่ะ งั้นนายไปเตรียมการเถอะ”
หลังจากที่พ่อบ้านจากไป ท่านผู้เฒ่าฮ่อถึงพูดกับซูฉิงว่า “ฉิงฉิง…ปู่รู้ว่าเธอกับหยุนเฉิงยังไม่ได้แต่งงานกันอย่างเป็นทางการ แต่เธอดูสิ บังเอิญพอดีเลย งั้นวันนี้ทำไมเธอไม่นอนห้องเดียวกับเขาล่ะ ยังไงจากนี้เราก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ปู่ก็ไม่ใช่คนหัวโบราณหรอกนะ”
ซูฉิงที่ได้ยินอย่างนั้นก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกเขินอาย ฮ่อหยุนเฉิงเองก็ช่วยพูด “คุณปู่ คุณ—”
ด้วยสีหน้าท่าทาง “ฉันเข้าใจ” บนใบหน้าของท่านผู้เฒ่าซูที่มองเพื่อนที่อยู่ตรงข้าม ทั้งสองแลกเปลี่ยนสายตากันก่อนจะพูดออกมาตามๆ กัน “แก่แล้วก็ง่วงนอนไวจริงๆ ไม่รบกวนพวกหนุ่มสาวดีกว่า เรากลับไปนอนห้องตัวเองดีกว่า…”
…
สุดท้ายซูฉิงก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอยู่ห้องนอนเดียวกันกับฮ่อหยุนเฉิง เธอที่นอนอยู่บนเตียงยังรู้สึกไม่สบายตัว จนไม่รู้ว่าจะวางมือเท้าไว้ตรงไหน
แม้ว่าตอนนี้ทั้งสองจะเป็นคู่หมั้นกัน และไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาจะมีการสัมผัสทางกายที่คลุมเครือและใกล้ชิด แต่ก็ยังเป็นครั้งแรกที่นอนเตียงเดียวกันในตอนกลางคืน ฮ่อหยุนเฉิงที่ออกจากห้องน้ำหลังจากอาบน้ำเสร็จก็เห็นซูฉิงนอนอยู่บนเตียง มือจับผ้าห่มไว้ มองแล้วดูกังวลมาก
เขาอดหัวเราะออกมาไม่ได้ และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าซูฉิงเป็นแบบนี้ก็น่ารักดี
เขายกมุมผ้านวมขึ้นแล้วนอนลง ลดมือลง และแตะปลายนิ้วของอีกคน แต่เขารู้สึกได้ชัดเจนว่านิ้วของอีกฝ่ายแข็งค้าง “เธอเป็นอะไรไป? ทำไมถึงกังวลมากขนาดนั้นล่ะ?”
ใบหูของซูฉิงเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างควบคุมไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าฮ่อหยุนเฉิงกับเธอยังคงมีระยะห่างกัน แต่เธอรู้สึกว่าเธอสามารถสัมผัสลมหายใจของอีกคนได้ จนเกิดภาพลวงตาว่าพวกเขาอยู่ใกล้กัน
เธอกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว และพูดจาติดขัดกันเล็กน้อย “เปล่า…ไม่มีอะไร แค่กังวลนิดหน่อย”
ฮ่อหยุนเฉิงยิ้มอย่างแผ่วเบา และไม่ลังเลอีกต่อไป เขาเอาแขนโอบเอวของซูฉิงแล้วดึงเธอมาด้านข้างตัวเอง “มีอะไรให้กังวลกัน ไม่ใช่ว่าเราไม่เคยนอนห้องเดียวกันมาก่อนนี่ เธอไม่ต้องกลัวหรอก”
ข้างเตียงมีเพียงไฟกลางคืน เป็นแสงสีเหลืองสลัว ซูฉิงที่ถูกพลิกตัวไปอีกทาง สายตามองไปที่ใบหน้าอีกคนก่อนจะมีท่าทีเขินอาย “นาย…ทำไมนายพูดแปลกๆ ปกติไปทำงานก็ไม่เคยเห็นเป็นแบบนี้นี่ ไม่อายเลยนะ”