ตอนที่ 479 เพราะรักจึงเกลียด

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 479 เพราะรักจึงเกลียด
“หลี่เฉิงหยาง” ถังรั่วอิงรวบรวมความกล้าเพื่อเรียกชื่อหลี่เฉิงหยางเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้เธอคอยใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังมาเสมอ มองใบหน้าของหลี่เฉิงหยางก็กลัวเขาจะไม่ชอบใจคงได้พินาศแน่

หลี่เฉิงหยางขมวดคิ้วเล็กน้อยและไม่พูดอะไร แต่เขาก็ไม่ได้วางสายเช่นกัน

ถังรั่วอิงนิ่งไปสักพักและเห็นว่าไม่ได้ถูกตัดสายก็โล่งใจ และเอ่ยปากพูดต่อ “เรามาตกลงกันเถอะ อย่างที่พี่บอก ตอนนี้ฉันไม่ได้ติดคุกแล้ว ฉันอยู่ต่างประเทศ แต่ตราบใดที่พี่ช่วยฉันให้กลับเมือง A ได้สำเร็จ ฉันจะทำอะไรก็ได้ ต่อไปพี่ให้ทำอะไรฉันก็จะทำ ตราบเท่าที่สามารถหยุดพิธีหมั้นของฮ่อหยุนเฉิงกับซูฉิงที่ใกล้จะจัดอีกไม่กี่วันนี้ได้ จากนี้ไปชีวิตของฉันจะเป็นของพี่”

หลังจากที่ถังรั่วอิงพูดจบ หลี่เฉิงหยางก็หัวเราะอีกครั้งตามที่คาดไว้

ช่วงนี้เขาให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของฮ่อหยุนเฉิง และที่เขาหัวเราะก็เพราะรู้สึกว่าถังรั่วอิงช่างเป็นผู้หญิงที่น่าสงสารและโง่เขลา

เห็นได้ชัดว่าฮ่อหยุนเฉิงไม่ได้รักเธอ แถมยังผลักไส ถ้าไม่น่าสงสารและไม่โง่จะเป็นอะไรไปได้?

แต่…ที่ถังรั่วอิงพูดก็ไม่เลว เขาอยากโค่นล้มฮ่อหยุนเฉิงมานาน แม้จะเห็นได้ชัดว่าตัวหมากอย่างถังรั่วอิงนั้นไม่มีประโยชน์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะใช้การไม่ได้

“เธอพูดเองนะ ถ้าทรยศฉันอีกครั้ง เธอคงจะรู้ชะตากรรมตัวเองดี”

หลี่เฉิงหยางพูดประโยคนี้ออกจากปากโดยไม่หัวเราะ ความหมายนั้นชัดเจน นั่นคือหมายถึงแผนเป่ยไห่วานครั้งก่อน

ดวงตาของถังรั่วอิงเป็นประกาย เธอตัดสินใจแล้ว ตอนนี้กลับไปทำลายงานหมั้นของฮ่อหยุนเฉิงได้เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ส่วนเรื่องอื่นค่อยว่ากัน ต้องตกลงเรื่องนี้ให้ได้ก่อน

“ได้ ฉันเข้าใจแล้วๆ ตราบใดที่พี่ช่วยฉัน”

ถังรั่วอิงตอบรับย้ำไปย้ำมา หลี่เฉิงหยางเผยรอยยิ้มที่เป็นอันตรายก่อนจะจบการสนทนาเรื่องนี้

“โอเค ฉันจะจัดเที่ยวบินที่เหมาะสมให้วันมะรืนนี้ แล้วจะหาคนมาช่วยเธอซื้อตั๋วกลับเมือง A ถึงตอนนั้นฉันจะส่งเวลาไปให้ ถ้าเธอตกเครื่องแล้วกลับมาไม่ได้ ก็ไม่ใช่ปัญหาของฉัน”

โทรศัพท์ถูกตัดสาย ถังรั่วอิงถือโทรศัพท์ ทั้งทำอะไรไม่ถูกทั้งดีใจ และยังรู้สึกยินดีที่จะได้ของที่หายไปกลับคืนมา

ซูฉิง เธอจะอยู่กับฮ่อหยุนเฉิงไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้!

สองวันต่อมา ที่สนามบินใจกลางเมือง A ถังรั่วอิงเดินออกมาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางในมือ หลังจากลงบันไดก็มีรถสีขาวที่คุ้นเคยอยู่ไม่ไกล ซึ่งเป็นหนึ่งในรถในชื่อของหลี่เฉิงหยาง

“คุณถัง คุณกลับมาแล้ว” เมื่อคนขับเห็นถังรั่วอิง น้ำเสียงก็เฉยเมย ทำเหมือนคิดว่าถังรั่วอิงเป็นเพียงคนแปลกหน้า

ถังรั่วอิงนั่งอยู่เบาะหลัง ก้มหน้าไม่พูดอะไร ในใจทั้งประหม่าทั้งตื่นเต้น เมื่อคิดถึงว่าจะต้องเจอหลี่เฉิงหยางก็มักจะรู้สึกตื่นตระหนก ซึ่งมันเป็นนิสัยติดตัวมาหลายปีแล้ว

เมื่อถึงหน้าห้องทำงาน ถังรั่วอิงก็จัดการความรู้สึกตัวเอง สูดหายใจเข้าลึกๆ ถึงได้เปิดประตูห้องทำงาน

หลี่เฉิงหยางที่ได้ยินเสียง พอเงยหน้าขึ้นและเห็นถังรั่วอิง เขาก็กระตุกมุมริมฝีปาก

“ในที่สุดก็มาสักที”

“…อืม” ถังรั่วอิงพึมพำตอบ ก่อนจะเดินเข้าไปช้าๆ ก่อนจะรักษาระยะห่างกับหลี่เฉิงหยาง “พี่อยากให้ฉันทำอะไร?”

หลี่เฉิงหยางพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ดูเหมือนว่าเธอจะยังตาดีอยู่บ้าง”

เขาหันหลังกลับไปที่ตู้หลังเก้าอี้ห้องทำงานแล้วหยิบกล่องออกมา หลังจากเปิดออก ถังรั่วอิงก็เห็นเป็นวัตถุทรงกลมขนาดเล็ก แต่ก็ยังมีเส้นสองสามเส้นดูเหมือนระเบิดในละครโทรทัศน์

“นี่อะไรน่ะ?” ถังรั่วอิงรู้สึกงุนงงเล็กน้อย

“นี่น่ะเหรอ?” หลี่เฉิงหยางยิ้มและยื่นกล่องให้อีกคน “นี่เป็นระเบิดขนาดเล็กใหม่ล่าสุดที่ฉันเพิ่งได้มา อีกเจ็ดวันก็จะเป็นวันพิธีหมั้นของฮ่อหยุนเฉิงกับซูฉิง ถึงตอนนั้นฉันจะพยายามเอาบัตรเชิญให้เธอ เธอต้องเอาระเบิกอันนี้ไปวางในงานพิธีหมั้น ให้พวกเขา—”

เมื่อหลี่เฉิงหยางพูดถึงตรงนี้ เขาก็ทำท่าปิดปากและกรีดคอ ดวงตาของเขาเคร่งขรึมจ้องไปที่ถังรั่วอิงนิ่งๆ “เข้าใจหรือยัง?”

ถังรั่วอิงตกตะลึง เธอไม่คิดว่าหลี่เฉิงหยางจะมีความคิดแบบนี้ แต่ความเกลียดชังที่เธอมีต่อซูฉิงเข้าครอบงำ และด้วยความผิดหวังของเธอที่มีต่อฮ่อหยุนเฉิง ใช่ เพราะรักถึงเกลียด

เธอหลุบตาลงมองไปที่กล่องที่ชายตรงหน้าส่งมาให้ และสุดท้ายก็หยิบระเบิดนั้นมา “โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”

ในช่วงเวลาของพิธีหมั้นที่กำลังดำเนินไป ฮ่อหยุนเฉิงดูตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ และแม้กระทั่งตอนที่เขาไปทำงานในบริษัท ก็จะอารมณ์ดีมาก ใบหน้ามีแต่รอยยิ้มจนทำให้พนักงานในบริษัทถึงกับอึ้งไป

และนอกจากนี้ที่นอกจะไปทำงานแล้ว พอมีเวลาว่างก็จะอยู่กับซูฉิง ตัวอย่างเช่นวันนี้ ฮ่อหยุนเฉิงที่ทำงานเสร็จเร็วก็กลับมาต่อจิ๊กซอว์ที่บ้านกับซูฉิง

จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายในมือของเขาถูกวางลง ซูฉิงยังคงดูมืดมนไม่ดีใจ ฮ่อหยุนเฉิงที่สังเกตเห็นมานานก็ถามขึ้น “เธอเป็นอะไรไป? ทำไมวันนี้ดูแปลกจัง”

ซูฉิงส่ายหัว สายตาฉายแววหมดหนทาง วันนี้เธอมีลางสังหรณ์ไม่ดี และรู้สึกกระสับกระส่ายแต่ไม่รู้ว่าความตื่นตระหนกนี้มันมาจากไหน เพราะไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ฉัน…” เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดช้าๆ “ฉันไม่รู้ทำไม แต่วันนี้ฉันรู้สึกกระสับกระส่ายมาก และบางครั้งก็รู้สึกว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับงานหมั้นของเรา ไม่ราบรื่นเท่าที่คิดไว้ในตอนแรก”

ฮ่อหยุนเฉิงนิ่งไปสักพักก็คิดว่าอาจจะเป็นเพราะช่วงนี้ซูฉิงงานยุ่ง และเครียดมาก ดังนั้นเขาจึงยกทือลูบหัวเธออย่างรักใคร่

“ไม่มีอะไรหรอก ฉันเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว เธอคิดมากไปหรือเปล่า ช่วงนี้งานยุ่งไปไหม ไหนจะต้องออกแบบเสื้อผ้าอีก คงเหนื่อยไปหรือเปล่า?”

“ไม่ใช่นะ…” ไม่ว่าฮ่อหยุนเฉิงจะพูดอะไร ความกระสับกระส่ายในใจซูฉิงก็ไม่หายไป เธอเงยหน้าขึ้นสบตาฮ่อหยุนเฉิง ก่อนจะฝืนยิ้ม เธอไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องกังวล เธอจึงพูดออกไป

“ช่างเถอะ ฉันอาจจะคิดมากไปเอง ไม่มีอะไรหรอก นายไม่ต้องห่วง”

“เอาล่ะๆ เธอก็อยู่บ้านเฉยๆ ไม่ต้องทำงานเยอะมากหรอก ยังไงเราก็ใกล้จะหมั้นกันแล้ว เธอก็เตรียมตัวเธอนะ จะได้เป็นเจ้าสาวสวยๆ ต่อไปถ้าไม่อยากทำงาน ฉันจะเลี้ยงเธอเอง ตระกูลฮ่อกรุ๊ปใหญ่โต ไม่ใช่ว่าจะเลี้ยงไม่ไหวสักหน่อย”

ฮ่อหยุนเฉิงที่คิดว่าเขาจะได้แต่งงานกับซูฉิงก็ดีใจมาก จะยอมให้ซูฉิงไม่มีความสุขเพราะเรื่องเล็กๆ ได้ยังไงกัน