แดนนิรมิตเทพ บทที่ 491
เมื่อมู่หรงยานเอ๋อร์ได้ยินว่าเฉินโม่กำลังจะจากไป สีหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นอาลัยอาวรณ์ทันที และรีบกล่าวว่า “พี่เฉินโม่ หลังจากงานเลี้ยงวันเกิดของฉันจบแล้ว พี่ค่อยกลับได้ไหม?”

เฉินโม่เหลือบมองมู่หรงยานเอ๋อร์ที่สีหน้าขมขื่น ทำได้เพียงเปลี่ยนใจ ยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “โอเค”

ทันใดนั้นมู่หรงยานเอ๋อร์ก็กล่าวด้วยความประหลาดใจ “จริงเหรอ? เยี่ยมมากเลย ขอบคุณพี่เฉินโม่!”

อานเข่อเยว่มองสายตาของเฉินโม่ที่ตามใจมู่หรงยานเอ๋อร์ หัวใจเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ด้วยความหึงหวงพุ่งขึ้นมาทั้งตัว แววตาของเธอเต็มไปด้วยความไม่ยอม

“ทำไม? เพราะอะไรกันแน่ เดิมทีทั้งหมดนี้ควรจะเป็นของฉัน ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ได้!”

ใบหน้าของอานเข่อเยว่แสดงให้เห็นลักษณะที่ดุร้าย เมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชังที่เติบโตอย่างเงียบ ๆ จากก้นบึ้งของหัวใจ กระทั่งตัวเธอเองก็ไม่รู้ตัว

เมื่อเห็นเฉินโม่ตามใจมู่หรงยานเอ๋อร์มากขนาดนี้ เหล่าคนดังของมณฑลเจียงหนานต่างแอบรู้สึกอิจฉา มู่หรงเค่อมีลูกสาวที่ดีจริง ๆ

นับจากนี้เป็นต้นไป เกรงว่าอำนาจของตระกูลมู่หรง จะไม่มีใครสามารถทำให้สั่นไหวได้

งานเลี้ยงวันเกิดยังคงดำเนินต่อไป และทุกคนต้องการจะประจบเฉินโม่ แต่เมื่อเห็นทัศนคติของเฉินโม่ในการปฏิเสธที่จะคบหาสมาคมกับคนอื่นแล้ว เหล่าคนดังที่ฉลาดหลักแหลมของมณฑลเจียงหนานหันความสนใจไปมู่หรงยานเอ๋อร์ที่อยู่บนเวที และต่างก็พูดชื่นชมเธอไม่หยุด

มู่หรงเค่อก็ตั้งใจที่จะผูกมิตรกับเฉินโม่เช่นกัน แต่เมื่อนึกถึงทัศนคติก่อนหน้านั้นที่ตนเองปฏิบัติต่อเฉินโม่แล้ว เขารู้สึกละอายใจทันที และล้มเลิกความคิดนี้ คนบางคนเมื่อพลาดไปแล้ว ก็ไม่สามารถรั้งกลับคืนมาได้

หลังจากร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของมู่หรงยานเอ๋อร์เสร็จแล้ว ตระกูลมู่หรงจัดรถไปส่งเฉินโม่ที่อู่โจว ซึ่งตอนที่เขากลับมาถึงบ้านเป็นเวลาห้าทุ่มกว่าแล้ว

อย่างไรก็ตาม มีแขกอีกคนรอเฉินโม่อยู่ในกลุ่มคฤหาสน์ทะเลสาบกลับคืนรัง ซึ่งเขาคือฉู่เหวินสง ผู้ทรงอิทธิพลของอู่โจว

เมื่อเห็นเฉินโม่กลับมา ฉู่เหวินสงที่สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวลก็ยิ้มออกมาทันที เดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว โค้งคำนับและกล่าวว่า “เฉินไต้ซือ ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว”

เฉินโม่เหลือบมองฉู่เหวินสงเบา ๆ แล้วถามว่า “คุณมีธุระอะไร?”

ฉู่เหวินสงประสานมือทั้งสองข้างแล้วคำนับ และกล่าวว่า “เฉินไต้ซือ ผมมีเรื่องด่วนจะรายงานให้คุณทราบ”

“บอกมาเถอะ”

ฉู่เหวินสงกล่าวว่า “เรื่องที่คุณสั่งให้ผมทำ ผมได้ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมมีทั้งข่าวดีและข่าวร้าย คุณอยากฟังเรื่องไหนก่อน?”

เฉินโม่เหลือบมองฉู่เหวินสง และไม่พูดอะไร แต่สายตาของเขาทำให้ฉู่เหวินสงตกใจ

ฉู่เหวินสงยิ้มด้วยความอึดอัด ไม่กล้าอุบเอาไว้แล้ว และกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “เฉินไต้ซือ ข่าวดีก็คือน้ำชีวิตของพวกเราวางจำหน่ายแล้ว แต่ไม่เพียงพอต่อความต้องการ และเพียงแค่ในพื้นที่ของอู่โจวก็ทำให้ผมหัวปั่นไปหมดแล้ว ตอนนี้ผมเกณฑ์ลูกน้องมาเกือบทั้งหมดแล้ว แต่กำลังคนก็ยังไม่เพียงพอ ช่วงนี้ผมคิดว่าจะรับสมัครคนมาจากภายนอก เพื่อขยายฐานการผลิต และตอบสนองความต้องการซื้อน้ำชีวิต”

เฉินโม่พยักหน้า น้ำชีวิตถูกแย่งซื้อ ซึ่งอยู่ในความคาดเดาของเขาอย่างสิ้นเชิง

เฉินโม่มองไปที่ฉู่เหวินสงและถามว่า “แล้วข่าวร้ายล่ะ?”

ฉู่เหวินสงหัวเราะและกล่าวว่า “ข่าวร้ายก็คือแม้ว่าตลาดน้ำชีวิตกำลังเฟื่องฟู แต่ผมไม่สามารถขยายตลาดได้แล้ว หากคุณต้องการวางขายน้ำชีวิตทั่วประเทศโดยเร็ว ต้องหาคนมาร่วมมือทำงานด้วยกัน และตอนนี้ผมค้นพบว่ามีกองกำลังขนาดใหญ่ที่อยู่รอบ ๆ ตัวพวกเรา เริ่มให้ความสนใจกับธุรกิจของพวกเราแล้ว และดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการเข้ามาแทรกแซง และคนเหล่านั้นรับมือยากด้วย”

แม้แต่ฉู่เหวินสงก็ยังบอกว่ายากที่จะรับมือ ดูเหมือนว่าภูมิหลังของพวกเขาจะไม่ธรรมดา

เฉินโม่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็ยิ้มบาง ๆ “คุณกลับไปก่อน ผมจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง”  

ฉู่เหวินสงรู้สึกสงสัยเล็กน้อย และอยากรู้ว่าเฉินโม่กำลังจะทำอะไร แต่เฉินโม่ไม่พูด เขาก็ไม่กล้าถาม จึงทำได้เพียงจากไปด้วยความไม่เต็มใจ